2/3

Ep.323 – ปะทะขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย

กรรร!

เสียงคำรามกวาดเข้าโจมตี

สมองของฮังอวี่คล้ายถูกทุบตีอย่างรุนแรง

สกิลคำรามนี้สามารถสร้างเอฟเฟกต์มึนงงได้

เมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยุ ลูกันเลือกที่จะตอบโต้ด้วยการกระทำ ทั้งตนทั้งร่างของมันพุ่งเข้าหาฮังอวี่ ระหว่างทางแยกออกเป็นสามร่างในพริบตา เข้าจู่โจมจากสามทิศทาง

กระบี่สามสายฟาดฟันในเวลาเดียวกัน ทุกเล่มอัดแน่นไปด้วยปราณอันคลุ้มคลั่ง

สกิลขั้น 3 : ร่างแยกสะบั้น!

พลังรบของลูกันแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

การโจมตีนี้ไม่อาจหลบเลี่ยงด้วยกลวิธีธรรมดา และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดป้องทั้งหมด ฮังอวี่ได้แต่ต้องใช้เทคนิคบลิงค์ เทเลพอร์ตตัวเองออกจากรัศมีของร่างแยกสะบั้น ถึงสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีนี้

เมื่อร่างแยกทั้งสองหายไป

ร่างจริงของลูกันก็ปรากฏให้เห็น

ฮังอวี่เปิดใช้งานโจมตีลมกรด โหมกระหน่ำเข้าใส่ศัตรู

ลูกันรวบรวมพละกำลังไปยังโล่ในมือซ้าย เหวี่ยงมันเข้าป้องกันคมหอก ขณะเดียวเหวี่ยงกระบี่ออกไปในมุมอับ ฟันลงบนเกราะหมาป่าหิน ทิ้งร่องรอยเป็นทางยาว

และในจังหวะเดียวกับที่ถูกโจมตี

ฮังอวี่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าตำแหน่งบริเวณที่ใบกระบี่ฟาดฟันทอแสงไปด้วยอักษรรูน พลังที่มองไม่เห็นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย กระจายไปทั่วตัว ทุกตารางนิ้วบนผิวหนังเขาด้านชา ร่างกายสูญเสียการควบคุม กระทั่งภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อต้านสถานะผิดปกติจากสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดก็ไม่อาจยับยั้งการรุกรานนี้

ช่างเป็นเอฟเฟกต์อัมพาตที่ทรงพลัง!

อาวุธในมืออีกฝ่ายก็มีคุณภาพสีฟ้าเช่นกัน

จำได้ใช่ไหม ในอาวุธสีฟ้าไม่ได้มีแค่พลังโจมตีที่ทรงพลังเท่านั้น แต่บ่อยครั้งยังแฝงเอฟเฟกต์พิเศษหรือสกิลเสริมติดมาด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาวุธในมือลูกันจะเป็นกระบี่สงครามที่สามารถทำให้เกิดอาการอัมพาต

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

เอฟเฟกต์อัมพาตนี้จะรุนแรงเกินไปหน่อยไหม!

ฮังอวี่รู้สึกเหมือนถูกโจมตีโดยสกิลกลายเป็นหินของผู้ใช้วิญญาณยังไงยังงั้น

เขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปได้อย่างสิ้นเชิง

ขณะที่คมกระบี่ของลูกันสร้างดาเมจแก่ฮังอวี่ โล่ในมือซ้ายของมันปะทุไปด้วยเปลวเพลิง เหวี่ยงเข้าใส่ใบหน้าของฮังอวี่ด้วยความเร็วราวกับอุกกาบาต

สกิลขั้น 3!

โล่โลกันตร์!

หากโดนการโจมตีนี้เข้า ฮังอวี่ไม่เพียงสูญเสียพลังชีวิตครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่จะถูกเอฟเฟกต์มึนงงอีกครั้ง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อจากนั้นเขาคงไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่สามของลูกันได้

ฮังอวี่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

เขาแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดใดๆ

กระแสลมสีแดงเลือดกวาดฮือออกจากตัว อำนาจของกระแสลมนี้ทรงพลังมาก มันสามารถขับไล่ทั้งอากาศและดินทราย สลายเอฟเฟกต์อัมพาตของเขาและเปลวไฟจากโล่ไป

ตึง!

โล่ยังคงทุบลงบนใบหน้าของฮังอวี่

ทว่าหลังถูกปราณสงคราม พลังทำลายของมันจึงอ่อนแอลงมาก

ปราณสงครามของฮังอวี่ไม่เพียงทำให้การโจมตีนี้อ่อนแอลง แต่ยังปัดเป่าอาการอัมพาตในตัวเขา ขณะเดียวกันโจมตีลูกัน ส่งอีกฝ่ายกระเด็นออกไปหลายเมตร ทำดาเมจได้อย่างมาก

เขารีบดื่มโพชั่นฟื้นฟูหนึ่งขวดทันที

ปราณสงครามของเบอร์เซิร์กเกอร์ การปลดปล่อยมันออกมาจะต้องแลกด้วยพลังชีวิตส่วนหนึ่ง

และการรักษาสถานะคลุ้มคลั่งกระหายเลือดก็ต้องใช้พลังชีวิตเช่นกัน

พลังชีวิตของฮังอวี่ไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาไม่สามารถทนต่อแรงกดดันหลายอย่างพร้อมกันได้!

และตอนนี้เขาพอจะวิเคราะห์พลังรบของลูกันได้แล้ว ชายผู้นี้เก่งกาจทั้งรุกและรับ ค่าคุณสมบัติทั้งหมดสูงลิ่ว อุปกรณ์สวมใส่ก็ดีมาก จุดแข็งทั้งหมดล้วนเหนือกว่ารองขุนนางโอนุ

ตัวอย่างเช่น ค่าพละกำลังและความว่องไว

ลูกันไม่ได้สืบทอดมรดกของเบอร์เซิร์กเกอร์ แต่ในสถานการณ์ปกติ ความว่องไวและพละกำลังของมันกลับแข็งแกร่งกว่าฮังอวี่ตอนอยู่ในสถานะคลุ้มคลั่งกระหายเลือดเสียอีก ขนาดเขาลดพลังชีวิตลงเหลือประมาณ 50% ยังแทบไล่ตามความเร็วของอีกฝ่ายไม่ทัน นี่มันจะอันตรายเกินไปแล้ว!

นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังมีทั้งสกิลและอุปกรณ์ที่ทรงพลังมากมาย แถมเลเวลยังสูงกว่าฮังอวี่ 1 ขั้น

ไม่ว่าจะมองมุมไหน ศัตรูก็ได้เปรียบเขา

ด้านลูกัน เมื่อครู่มันทดสอบพลังรบของฮังอวี่เช่นกัน

เมื่อเห็นแบบนี้ มันก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น

ชาวต่างเผ่าผู้นี้ด้อยกว่าตัวเองในทุกๆด้าน พลังรบมากสุดเทียบเท่าโอนุ หากปราศจากเอฟเฟกต์จากสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือด อีกฝ่ายย่อมไม่สามารถไล่ตามจังหวะการโจมตีของตนได้

ขณะที่ความสามารถในการป้องกันของลูกันนั้นสูงมาก มันสามารถต้านทานและต่อสู้ เชี่ยวชาญทั้งโจมตีและป้องกัน

ตราบใดที่ไม่เปิดโอกาสให้ฮังวี่ทำดาเมจ

สุดท้ายพลังชีวิตของอีกฝ่ายก็จะหมดลงเองด้วยสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือด

ลูกันตัดสินใจลงมือเต็มกำลัง

อย่างแรกที่มันทำ โล่ในมือซ้ายพลันควบแน่นไปด้วยผลึกน้ำแข็งสีคราม ปกคลุมไปด้วยไอเย็นจัด แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เกราะทั้งตัวเริ่มสร้างอุณหภูมิสูง จากนั้นลุกเป็นไฟ ไหลเวียนไปด้วยเพลิงหนืดราวกับลาวา

สุดท้ายคืออาวุธในมือ

บนใบกระบี่ปรากฏลวดลายสีเทาอมเขียวที่เกิดจากคำสาป

ลูกันเปิดใช้งานสามสกิล

หนึ่งคือสกิลมรดกขั้น 3 ‘โล่น้ำแข็ง’ ทุกครั้งที่มีการใช้โล่ป้องกันการโจมตี เป้าหมายจะได้รับผลกระทบจากน้ำแข็ง ทำให้ได้รับดาเมจและเชื่องช้าลง

ส่วนอีกสองสกิล

หนึ่งเป็นสกิลพิเศษ ‘ผิวลาวา’ ของชุดเซ็ทหมาป่าหินลาวา ซึ่งจะช่วยให้เป้าหมายที่อยู่รอบตัวได้รับดาเมจอย่างต่อเนื่องจากธาตุไฟ

สุดท้ายคือสกิลต่อเนื่อง ‘คำสาปอัมพาต’ ที่มาพร้อมกับอาวุธสีฟ้า

ทุกการโจมตีมีผลทำให้เกิดเอฟเฟกต์อัมพาต

นอกเหนือจากนี้ก็มีเอฟเฟกต์จากสกิลมรดกของนักรบอีกสองสกิล

พลังรบของมันเดิมก็เหนือกว่าฮังอวี่อยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเปิดสถานะทั้งหมด ฮังอวี่ย่อมไม่มีโอกาสหาช่องว่างเข้าโจมตี

ควรจะรู้นะว่า

เหตุผลที่ฮังอวี่สามารถเผชิญหน้ากับมัน

ต้องขอบคุณเอฟเฟกต์ที่ช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติจากสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือด

แต่สถานะนี้มาพร้อมกับเลือดที่ต้องเสียไปในทุกๆวินาที ซึ่งแค่นี้ก็ยากเกินรับไหวแล้ว ทว่าภายใต้เอฟเฟตก์ของชุดเซ็ทหมาป่าหินลาวา ตราบใดที่ฮังอวี่เข้าใกล้ลูกัน เขาจะได้รับดาเมจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เลือดที่ลดลงในทุกๆวินาทีอยู่แล้วลดลงเพิ่มขึ้นไปอีก

ส่วนเรื่องโจมตีเพื่อดูดเลือด?

โล่ของอีกฝ่ายถูกเสริมพลังด้วยสกิล

ผลกระทบที่สะท้อนกลับมาจากน้ำแข็งมันทำให้ฮังอวี่บาดเจ็บและเชื่องช้าลง!

งั้นถ้าเลือกเป็นฝ่ายป้องกันล่ะ?

อาวุธของอีกฝ่ายมาพร้อมกับคำสาปอัมพาต

มันทำให้ทุกการโจมตีร่างของฮังอวี่จะตกอยู่ในอาการด้านชา

“ไปลงนรกซะ!”

ลูกันตั้งโล่ในท่าป้องกันวิ่งปรี่เข้ามา ฟาดฟันปราณกระบี่สีขาวลงใส่ร่างของฮังอวี่ แต่เมื่อลูกันคิดว่ามันกำลังจะสยบคู่ต่อสู้ได้ในคอมโบเดียว

เคร้ง!

ปราณกระบี่กลับไม่อาจเข้าถึงตัวฮังอวี่ แต่ฟันถูกโล่พลังงานแทน

จากนั้นก็โดนสะท้อนกลับไป

ฮังอวี่เปิดใช้งานคัมภีร์สีฟ้า ‘พรแห่งรุ่งอรุณ’ ที่ได้รับจากเขตแดนลับโบสถ์มอนสเตอร์ผี!

คัมภีร์สกิลอันทรงพลังนี้สามารถสร้างการป้องกันที่ดูดซับดาเมจทางกาย เวทย์ และจิตใจ

มันสามารถรับดาเมจแทนเขาได้มากถึง 1,000 หน่วย!

ระยะเวลาสูงสุดคือ 15 นาที!

ต่อให้เป็นถึงระดับขุนนางอย่างลูกันก็ยังไม่มีโชคที่จะครอบครองคัมภีร์สีฟ้าเช่นนี้ เพราะมันล้ำค่าเกินไป!

ช่วงเวลาที่ลูกันตะลึงงัน

หอกในมือฮังอวี่วูบไหว

ลูกันรู้สึกว่าไหล่ ต้าขา และลำคอของตนถูกแทงพร้อมกัน

ช่างรวดเร็วนัก!

นี่คือผลจากสกิลที่ฮังอวี่พึ่งเรียนรู้ : คอมโบต่อเนื่องฉับไว!

การเคลื่อนไหวนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างการสกิลจู่โจมฉับไวและโจมตีต่อเนื่อง และด้วยความเร็วในการโจมตีที่มากเป็นพิเศษ มันจึงสามารถหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่มีเกราะคอยป้องกัน แทงเข้าใส่เนื้อหนังของลูกันได้โดยตรง

ลูกันฟันกระบี่สองสายด้วยความโกรธ

ทว่าแสงแห่งรุ่งอรุณที่ครอบคลุมร่างฮังอวี่กลับหรี่ลงเพียงเล็กน้อย

การป้องกันยังคงแข็งแกร่ง ไม่ง่ายที่จะทะลวง

ลูกันไม่เคยเห็นสกิลป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน ระหว่างที่กำลังอึ้ง มันถูกสกิลคอมโบต่อเนื่องฉับไวของฮังอวี่ทิ่มแทงไปอีก 7 8 ครั้ง เมื่อทับกับเอฟเฟกต์ดูดเลือด พลังชีวิตที่จากเดิมน้อยกว่า 40% ก็เพิ่มกลับมาเป็น 50%

บัดซบ!

ชาวต่างถิ่นพวกนี้

เหตุใดถึงมีไพ่ในมือมากมายนัก!

ลูกันต้องถอยออกมาชั่วคราว เพราะพลังชีวิตของมันลดลงไปมากเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จำเป็นต้องดื่มโพชั่นเติมเต็ม

แต่ฮังอวี่มีหรือจะปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ?

เขาเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เครื่องรางอัญเชิญทั้งสองถูกเปิดใช้งานทีละอัน อัศวินอันเดธ องครักษ์ต้องห้ามของมนุษย์มังกร ปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังลูกัน และเริ่มโจมตีอีกฝ่ายอย่างดุเดือด

อัศวินอันเดธอ่อนแอกว่าก็จริง

แต่จะดีจะแย่มันยังเป็นถึงชนชั้นยอดขั้นโกลด์ในเลเวล 10!

จะมากจะน้อยก็ยังสามารถทำดาเมจและก่อกวนอีกฝ่ายได้!

ด้านองครักษ์ต้องห้ามของมนุษย์มังกร มันเป็นถึงระดับเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 10 พลังรบไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฮังอวี่ ภายใต้การจู่โจมอย่างกะทันหัน ดาเมจที่เกิดขึ้นทุกท่านสามารถจินตนาการได้!

มอนสเตอร์สองตัวที่ถูกอัญเชิญมาปิดโอกาสให้พักหายใจ

ต่อให้เป็นขุนนางผู้ทรงพลังอย่างลูกัน

ก็ยังถูกกดดันอย่างหนัก!

ฮังอวี่เปิดใช้งานคัมภีร์สกิลสีเขียวที่เตรียมไว้ถึงสองม้วนออกมา เติมพลังจิตของเขา ขณะเดียวกันยังคงเปิดใช้งานคอมโบต่อเนื่องฉับไวต่อไป ร่วมมือกับมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งสอง เร่งโจมตีอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

เพื่อโค่นมนุษย์จิ้งจอกตนนี้

ฮังอวี่เรียกได้ว่าใช้ไพ่ทั้งหมดในมือเขา!

ไล่ตั้งแต่คัมภีร์สกิลสีฟ้าไปจนโพชั่นทุกชนิด เครื่องรางอัญเชิญ และคัมภีร์อื่นๆ ตราบใดที่พวกมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้ ทั้งหมดถูกงัดออกมาใช้!

ทรัพยากรเหล่านี้บางส่วนไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำ!

ดังนั้น สำหรับฮังอวี่แล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จะพ่ายแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!

มิฉะนั้น ไม่เพียงความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า แต่เขาจะสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการยึดเมืองหุบเขาเดียวดายไป!

ด้านลูกัน ในฐานะที่มันเป็นถึงขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย

ลูกันย่อมมีโพชั่นพิเศษและคัมภีร์สกิลที่เป็นไม้ตายก้นหีบอยู่มากมาย ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่ดีเท่าคัมภีร์สีฟ้าของฮังอวี่ มันไม่สามารถทำลายพรแห่งรุ่งอรุณได้ในระยะเวลาสั้นๆ

และสุดท้ายก็โดนถล่มยับ

ในที่สุดลูกันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

มันถูกฮังอวี่และองครักษ์ต้องห้ามของมนุษย์มังกรทุบตีอย่างหนัก

มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงที่อยู่รอบๆก็โดนมนุษย์คนอื่นๆรั้งไว้ ไม่มีช่องว่างให้มาช่วยลูกัน เอาจริงๆพวกมันไม่มีจังหวะดื่มโพชั่นด้วยซ้ำ!

“มันจบแล้ว!”

หอกสงครามของฮังอวี่ฟาดลงพื้น ปลดปล่อยคลื่นมังกรปฐพี ทำดาเมจกว่า 300 หน่วย สังหารลูกันผู้ซึ่งเหลือพลังชีวิตน้อยกว่าหนึ่งในสี่ในวินาทีเดียว

ไม่ว่าลูกันจะมีไพ่ตายใบอื่นอีกหรือไม่ มันก็ไม่มีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ นับจากนี้ไป–

–เมืองหุบเขาเดียวดายได้ตกอยู่ในมือของฮังอวี่แล้ว!