โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.320 – เล่ยชาง

 

ปราการชาตง!

 

คือเมืองเล็กๆที่เปรียบดั่งกำแพงเหล็กกล้า

 

สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับแนวหน้ามากที่สุด และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปราการชาตงเคยแตกพ่ายมาแล้วกว่า 3 ครั้ง เมื่อแตกพ่ายก็โยกย้ายที่ตั้งถึง 3 ครา ทว่าทุกครั้งที่เหตุเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น เป็นล้วนวิกฤตของสี่เมืองทะเลเหนือ

 

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า : ด่านหน้าทะเลเหนือ

 

ฮอลศึกลดระดับลงบนลานจอดที่ถูกทางปราการสร้างไว้ให้โดยเฉพาะ ทั่วทั้งลานมีฮอลศึกจอดทิ้งเอาไว้กว่าสิบลำ และหากเทียบลำอื่นๆกับของเค่อเซี่ยงซัวแล้ว ดูเหมือนว่าลำอื่นๆจะมีกระสุนและติดตั้งอุปกรณ์รบเอาไว้มากกว่า

 

ถูกต้อง! สิ่งเหล่านั้นมีไว้เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต!

 

เพราะในอาณาเขตทะเลทรายทะเลเหนือ บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่น่ะ ปลอดภัยกว่าบนพื้นดินเยอะ!

 

“ผู้ว่าการฉิน พวกเรามาถึงแล้ว ฉันขอให้เป้าหมายของคุณในครั้งนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น!” เค่อเซี่ยงซัวเอ่ยขึ้น

 

คำอวยพรนี้ มาจากหัวใจของเขาจริงๆ!

 

เนื่องจากไอ้เรื่องความราบรื่นหรือปลอดภัยอะไรนั่นน่ะ ในเขตสงคราม ยากนักจะเป็นไปได้

 

“ขอบคุณมาก ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยเช่นกัน” ฉินเฟิงโบกมือให้เค่อเซี่ยงซัว เรียกรถสายฟ้าสีเงินออกมา และเข้าไปนั่งกับไป๋หลี

 

แน่นอน รถสายฟ้าสีเงินคือคันเดิมที่ถูกซื้อในฐานะบลัดฮันเตอร์ แต่เนื่องจากบลัดฮันเตอร์ปรากฏกายขึ้นในตลาดมืดเฟิงหลีแล้ว ฉะนั้นการที่มันถูกนำออกมาขาย ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

เท่านี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากดำกลับเป็นขาว ฉินเฟิงสามารถนำมันมาออกใช้อย่างไม่ต้องกังวลใจ

 

รถสายฟ้าสีเงินถูกทำความสะอาด ขัดจนวาววับ เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่ปราการชาตง

 

ลานจอดฮอลอยู่ห่างจากเมืองชาตงออกไปเล็กน้อย ด้วยความเร็วของสายฟ้าสีเงิน เพียง 10 นาที ฉินเฟิงก็มาถึงทางเข้าอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากเข้ามา เขาพบว่าบรรยากาศและสีสันของปราการชาตงค่อนข้างมืดมัว บ้านเรือนถูกสร้างขึ้นจากหิน รูปแบบธรรมดาค่อนไปทางหยาบ

 

“ประชากรที่อาศัยอยู่ในปราการชาตงมีอยู่ไม่ถึง 20% ถึงจะดูว่าน้อย แต่ทุกคนมาที่นี่เพื่อทำงาน ให้บริการแก่ผู้ใช้พลังระดับสูง เมื่อบรรลุภารกิจแล้ว ก็จากไปทันที เพราะแนวหน้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันอาจถูกกองทัพสัตว์ร้ายบุกและแตกพ่ายได้ทุกเวลา”

 

ฉินเฟิงอธิบาย

 

ไป๋หลีเม้มริมฝีปาก “พวกมนุษย์นี่ใช้ชีวิตกันลำบากลำบนจริงๆ”

 

“อาจเพราะพวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ เลยใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่อย่างน้อยก็มีภูมิปัญญาสูงส่ง สามารถคิดหาวิธีรับมือกับศัตรูได้มากมาย” ฉินเฟิงกล่าว

 

แม้จะเล็กจ้อย อ่อนแอใกล้สูญพันธุ์ แต่มนุษย์ก็ยังมีสมองไว้เอาชีวิตรอด

 

“อืม ฉันเห็นด้วยเรื่องภูมิปัญญาของมนุษย์ พวกเขาฉลาดมากจริงๆ ไม่งั้นจะทำเสื้อผ้าสวยๆออกมาได้ยังไง!” ไป๋หลีจินตนาการไปถึงวิธีการตัดเย็บเสื้อผ้า ความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใส

 

“เหอๆ ” ฉินเฟิงยิ้มอย่างหมดหนทาง ในใจนึกคิด เอาเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าเธอเข้าใจ ถึงจะตีความหมายผิดไปบ้างก็ช่างมัน

 

จากนั้น เขาก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับไป๋หลีอีก

 

เจ้าตัวค่อนข้างคุ้นเคยกับปราการชาตง หรือสมควรกล่าวว่าทิวทัศน์ของที่นี่ยังไม่ถูกลืมเลือนในความทรงจำดี

 

ไม่นาน รถสายฟ้าสีเงินก็ขับเข้ามาถึงใจกลางเมือง และตึกกลางเมืองเบื้องหน้าพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ

 

นี่คือตึกประมูลของกลุ่มหวันซ่ง

 

พรมแดงถูกปูไว้หน้าประตูทางเข้า พร้อมกับกระเช้าดอกไม้สองข้างทาง

 

แม้จะดูเหมือนของจริง แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นดอกไม้ปลอมที่ทำมาจากผ้า เนื่องจากนี่คือยุคโลกาวินาศ พืชพรรณอะไรพวกนี้ ยิ่งสวยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูแลยากมากขึ้นเท่านั้น

 

“ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราจะโชคดีนะ มาทันเวลาประมูลของกลุ่มหวันซ่งพอดีเลย”

 

งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์ ก็อย่างที่บอกนี่คือแนวหน้า ดังนั้นย่อมมีสิ่งดีๆมากมายถูกนำออกมาเสนอขายหรือแลกเปลี่ยน

 

ฉินเฟิงพาไป๋หลีก้าวเข้าไปในตึกประมูล พนักงานสาวโดยรอบเผยยิ้มต้อนรับ

 

ภายในจอขนาดใหญ่ชั้นแรก จะแสดงถึงสถานการณ์ของห้องประมูลแต่ละห้อง

 

ชั้นหนึ่งถึงชั้นสามเป็นร้านค้าปลีก ส่วนชั้นสี่เป็นห้องมูลของพวกเลเวล F , ชั้นห้าเป็นของเลเวล E และห้องประมูลสำหรับผู้ใช้พลังเลเวล D อยู่ที่ชั้นหก

 

คุณสามารถไปยังชั้นหกได้โดยขึ้นลิฟต์ VIP โดยตรง

 

ฉินเฟิงเดินตรงไปที่ลิฟต์ แต่เขาก็ถูกหยุดไว้โดยพนักงานต้อนรับ

 

“มิสเตอร์ โปรดแสดงบัตรเชิญด้วยค่ะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยอย่างมีมารยาท แต่สายตาของเธอกำลังมองลงบนโลโก้เลเวล E บนอกของฉินเฟิงอย่างระแวดระวัง

 

“ผมเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D ที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง และเพิ่งมาถึงเมืองนี้ เลยยังไม่มีบัตรเชิญใดๆจากทางกลุ่มหวันซ่ง” ฉินเฟิงพยายามอธิบาย

 

“เช่นนั้นคงเป็นความผิดของทางกลุ่มหวันซ่งของพวกเรา ถ้าคุณไม่รังเกียจ โปรดมากรอกสมัครบัตร VIP กับดิฉัน โดยต้องมีหลักฐานการสมัครเป็นเงินในบัญชี 10,000 ล้านเหรียญ จากนั้น คุณสามารถขึ้นไปยังชั้นหกได้เลย ข้างบนเป็นห้องประมูลระดับสูง บริการดีเยี่ยม ถึงงานประมูลของทางเราจะจบลงแล้ว แต่คุณก็ยังสามารถนำสินค้าในส่วนเลเวล D ไปเสนอขายให้กับคนอื่นๆได้” พนักงานสาวตอบ นี่คือวิธีการคัดกรองผู้คน เพราะคนธรรมดาไม่มีทางครอบครองเงินถึง 10,000 ล้านแน่นอน

 

เงื่อนไขพวกนี้ฉินเฟิงรู้อยู่ก่อนแล้ว เขากำลังจะพยักหน้า ก็ดันมีชายอีกคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามาข้างกายเสียก่อน

 

“เลเวล E งั้นหรอ? แถมยังเป็น E เปล่าๆ ไม่ได้รับรองเป็นขั้น E9 ด้วยซ้ำ นี่แกเป็นเลเวล D จริงๆรึเปล่า? ไม่ใช่ว่าพยายามจะขึ้นไปเพื่อเกาะขาใครหรอกนะ” ชายคนนั้นมองฉินเฟิงด้วยความเหยียดหยาม ทว่าหลังจากที่กวาดตามองไป๋หลี ดวงตาของเขาพลันสว่างวาบ

 

ชายคนนี้มีความสูง 1.80 ม. ร่างกายแบนเรียบสม่ำเสมอ ไม่มีมัดกล้าม ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ไม่มีกลิ่นอายของผู้ใช้วรยุทธโบราณ

 

แต่ไม่แน่ใจว่าเขาคือผู้ใช้อบิลิตี้หรือว่ามือปืนกันแน่

 

“มิสเตอร์เล่ยชาง เชิญค่ะ” พนักงานต้อนรับฉีกยิ้มอย่างรวดเร็ว เดินไปเปิดลิฟต์ให้อีกฝ่าย

 

สายตาของเล่ยชางตกลงบนร่างของฉินเฟิงอีกครั้ง จู่ๆเขาก็เลิกคิ้วขึ้น

 

“หน้าตาแกดูคุ้นๆจัง เหมือนฉันจะเคยเห็นมาก่อน”

 

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉยไร้อารมณ์ ตอบกลับอย่างแผ่วเบาว่า “อย่างงั้นหรือ ผมเองก็คิดว่ามิสเตอร์เล่ยหน้าคุ้นๆเหมือนกัน คุณกับเล่ยเฉินผู้นำเมืองไห่ คงจะเป็นพี่น้องกันใช่ไหม?”

 

ดวงตาของเล่ยชางกลายเป็นเฉียบคม ทำท่าทางร้องอ๋อ ชี้มาทางฉินเฟิงและหัวเราะ “ฮี่ฮี่ ที่แท้แกก็คือฉินเฟิง ประเสริฐ ประเสิรฐนัก!”

 

ความโลภฉายวาบผ่านแววตาของเล่ยชาง

 

แม้เรื่องของสันเขาถังซานจะผ่านไปนานแล้วกว่า 1 สัปดาห์ แต่ข่าวของมันก็ยังเป็นที่ฮือฮาและถูกกล่าวถึง

 

ภารกิจในครั้งนั้น ไม่มีใครเสียชีวิตเลย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบขนาดใหญ่ ถึงข่าวในเครือข่ายนักสู้ก็มีน้อยมาก แต่อย่างว่า สำหรับแวดวงข่าวสารของผู้ใช้พลังเลเวล D มันไม่ใช่ความลับอะไร

 

แม้แก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิจะหายไปแล้ว แต่วัตถุดิบระดับราชันย์ของทั้งสามตัว และขนนกหางจักรพรรดินกยูงมีคุณค่าเป็นอย่างมาก

 

เวลานี้ ฉินเฟิงอาจเรียกว่าเป็นขุมสมบัติเคลื่อนที่เลยก็ยังได้

 

“ไม่จำเป็นต้องพาเขาไปพิสูจน์ตัวตน เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง มอบบัตร VIP แก่เขา แล้วให้ขึ้นมาพร้อมกับฉันได้เลย” เล่ยชางกล่าว

 

“รับทราบค่ะมิสเตอร์เล่ย” พนักงานต้อนรับไม่กล้าตอบปฏิเสธ

 

ตรงกันข้าม ฉินเฟิงกลับยิ้มเยาะออกมา เขาไม่อยากเดินไปพร้อมกับเล่ยชาง

 

“ไม่ได้หรอกมิสเตอร์เล่ย พอดีว่าผมยังมีสินค้าธรรมดาๆบางอย่างต้องการจะขาย และบางชิ้นก็จะถูกนำออกประมูลด้วย ฉะนั้นคงไปทันทีไม่ได้” ฉินเฟิงตอบปัด

 

แววตาของเล่ยชางกลายเป็นล้ำลึก “งั้นไม่เป็นไร ฉันคงไม่รอผู้ว่าการฉิน ไว้เจอกันข้างบน”

 

เล่ยชางหันหลัง เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที แต่เมื่อเขาหันหน้ากลับมาอีกที สายตาที่จับจ้องช่างชวนให้กระดูกสันหลังของผู้คนด้านชา

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่สนใจ!

 

หากฉินเฟิงในตราเลเวล E เดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับเล่ยชาง คนอื่นๆที่เห็นจะไม่คิดว่าเขาเป็นลูกน้องของมันหรอกหรือ?

 

คิดจะมอบความอัปยศให้แก่ฉัน? ฝันไปเถอะ!

 

ฉินเฟิงเดินไปสมัครบัตร VIP กับพนักงานต้อนรับ ในเวลาเดียวกันก็นำเอาวัตถุดิบเลเวล D บางส่วนขายออกไป

 

สัตว์ร้ายเลเวล D การจะล่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แม้วัตถุดิบเหล่านี้จะธรรมดา แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับวัตถุดิบระดับสูง บางครั้งผู้คนก็อยากจะแลกเปลี่ยนกันเป็นการส่วนตัวมากกว่าฝากขาย และทางหวันซ่งก็ไม่คิดปิดกั้นอะไร แต่ผู้เข้าร่วมประมูลส่วนตัวจะต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าร่วม ทว่าเมื่อเทียบกับเงินหลายร้อยหลายพันล้านแล้ว ค่าตั๋ว 5 ล้านไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

 

“มิสเตอร์ นี่คือรายการสินค้าที่จัดประมูลโดยทางเราในครั้งนี้ นอกจากนี้ ระบบจะยังบันทึกรายการสินค้าของคุณเอาไว้ด้วยแล้ว โปรดลองพิจารณาดู”

 

“อืม” ฉินเฟิงกวาดตามอง และพบว่าระดับสูงสุดในที่นี้คือระดับนายพลสัตว์ร้าย เห็นได้ชัดว่าของที่เขาต้องการไม่อยู่ที่นี่ แต่เป็นในห้องประมูลส่วนตัว

 

“ขอซื้อตั๋วเข้าร่วมการประมูลส่วนตัว 2 ใบ”

 

“รับทราบเจ้าค่ะ”