3/4

Ep.308 – ตัดผ่านคอขวด

คนอเมริกาเหล่านี้ยังคงแสดงท่าทีเป็นมิตร

แม้สำนักกระบี่วิญญาณจากอเมริกาจะนำมาซึ่งการแก่งแย่งแข่งขัน

แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ฉีกหน้ากันในเวลานี้

สมัยนี้ไม่มีใครโง่เขลาถึงขั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกันตั้งแต่เจอหน้า เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีภัยคุกคามจากภายนอกอยู่รอบตัว สถานการณ์ยังไม่มั่นคง

วันนี้คนอเมริกามาเยือน

พรุ่งนี้อาจมีชาวยุโรปชาติอื่น คนเกาหลี หรืออินเดียมาก็ได้

สถานการณ์ในอนาคตเต็มไปด้วยเมฆหมอกอันตราย ไม่มีใครรู้ว่าโลกจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด

ดังนั้น การค่อยๆสร้างรากฐานให้สูง สะสมเมล็ดพันธุ์อย่างกว้างขวาง ค่อยๆไต่ระดับอย่างช้าๆ ทำตัวติดดินเอาไว้ นี่ต่างหากคือวิถีเติบโตที่ยั่งยืน!

ต้องขยายสู่ภายนอกอย่างต่อเนื่อง และลดจำนวนศัตรูจากภายใน เว้นแต่จำเป็นต้องต่อสู้กันจริงๆ มิฉะนั้นทั้งสองกลุ่มจะไม่มีฝ่ายไหนยอมลงมือ

ฮังอวี่ จ้าวหมิง และลุคคุยกันอีกสองสามนาที บอกเล่าสถานการณ์โดยประมาณของสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้คนจากอเมริการะวังมนุษย์จิ้งจอกที่อาจปรากฏตัวขึ้นได้ตลอดเวลา

แน่นอน

เรื่องแผนการเข้ายึดเมืองหุบเขาเดียวดายของฮังอวี่ยังถูกเก็บเป็นความลับ

แม้แต่ในทีมของฮังอวี่ก็ยังมีน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ ขณะที่คนทางฝั่งอเมริกายังไม่รู้ถึงความสำคัญของอาณาเขต ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเขาคิดจะแย่งชิงเมืองนี้กับฮังอวี่

ปฏิบัติการจำเป็นต้องเร่งเวลาให้เร็วขึ้น ฮ๊าาาาา!

ยิ่งปล่อยเวลาออกไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดตัวแปรมากขึ้นเท่านั้น!

เมืองหุบเขาเดียวดายคือก้าวแรก และมันห้ามล้มเหลว!

ลุคและคนอื่นๆแสดงความขอบคุณต่อฮังอวี่ พวกเขาไม่รั้งอยู่ในถ้ำต่อ หลังจากเตรียมการเล็กน้อย ก็ออกเดินทางสำรวจหุบเขาที่อยู่ใกล้เคียง

ฮังอวี่ถือโอกาสนี้เปิดถุงสมบัติ

มันคือสิ่งที่ได้มาจากการทดสอบเขตแดนลับโบสถ์มอนสเตอร์ผี

โลกมนุษย์ในปัจจุบันยังไม่ได้ซึมซับสสารวิญญาณเข้าไปทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ วัตถุบางอย่างที่เป็นของโลกวิญญาณจึงยังไม่สามารถใช้งานได้ในโลกจริง ดังนั้นถุงสมบัตินี้จึงสามารถเปิดได้เฉพาะในโลกวิญญาณเท่านั้น

ปรากฏว่าเป็นไอเท็มสีฟ้า

ไอเท็มสีฟ้าอีกแล้ว? ฉันนี่โชคดีจริงๆ!

แต่สิ่งที่ทำให้ฮังอวี่รู้สึกเสียดายเล็กน้อยก็คือ มันดันเป็นแค่คัมภีร์สกิล ไม่ใช่อุปกรณ์สีฟ้า

[คัมภีร์พรแห่งรุ่งอรุณ] คัมภีร์เลเวล 10 , สีฟ้าคุณภาพต่ำ , จ่ายพลังจิต 50 หน่วยเพื่อปลดปล่อยเกราะป้องกันที่สามารถดูดซับดาเมจทางกายภาพ เวทมนตร์ และจิตใจ ทั้งหมดรวม 1000 หน่วย , ระยะเวลาคงอยู่ 15 นาที , จำนวนการใช้งานคงเหลือ 1/1

หากอุปกรณ์สีฟ้าไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้รับ

เช่นนั้นคัมภีร์สีฟ้าก็เป็นเรื่องยากพอๆกัน

สามารถสังเกตได้จากเอฟเฟกต์ของมัน

นี่คือไอเท็มที่ทรงพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย!

เมื่อฮังอวี่ใช้คัมภีร์ ภายใน 15 นาทีเขาแทบจะกลายเป็นคงกระพัน!

เพราะอย่างไรเสีย ด้วยการป้องกันดาเมจ 1000 หน่วย มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตาย หากใช้มัน คุณสามารถพุ่งเข้าไปกลางวงมอนสเตอร์ป่า แล้วนอนให้มันทุบตีได้เป็นหลายนาที และถ้ายิ่งตอบโต้ไปด้วยในระหว่างนั้น ก็แทบไม่มีโอกาสแพ้เลย

“เสี่ยวไป๋ เธอได้ของอะไร?”

“โชคไม่ดี เป็นแค่คทาสีเขียว”

ครั้งนี้ฮังเสี่ยวไป๋โชคร้ายไม่สามารถเปิดได้อุปกรณ์สีฟ้า

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคุณภาพสีเขียว แต่มันก็เป็นถึงสีเขียวใสในเลเวล 10!

โดยทั่วไปแล้ว คุณภาพของอาวุธจะส่งผลต่อพลังรบมากที่สุด

ตลอดมา ค่าคุณสมบัติและสกิลของเสี่ยวไป๋นั่นสูงกว่าฮังอวี่ แต่เธอขาดอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับตน หลังจากนี้ ตราบใดที่เธออัพเลเวล 10 และใช้งานคทาใหม่ คาดว่าพลังรบของเธอย่อมก้าวกระโดดครั้งใหญ่

ฮังอวี่พาจ้าวหมิงและอีกสองสามคนแยกมาคุยส่วนตัว “มีขุมกำลังอื่นๆเริ่มเข้าสู่แคว้นเดียวดายแล้ว พวกเราคงต้องเร่งมือกันหน่อย ชาวต่างชาติพวกนี้ไม่สามารถประมาทได้ ผมจะจัดเส้นทางล่ามอนสเตอร์ในช่วงสองวันนี้แก่ทุกคน และให้เหล่าจ้าวรับหน้าที่ดูแล”

จ้าวหมิงพยักหน้า

เขารู้สึกกดดันมาก

พลังรบและจำนวนทีมของทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะห่างชั้นกันมากเกินไป

ดังนั้น ทุกก้าวที่ย่างเดินต้องแน่ใจว่าจะไปถูกทาง

โชคดีที่ฮังอวี่เป็นมือฉมัง เขาสามารถลดการลองผิดลองถูกให้น้อยที่สุด และทีมที่จัดการทุกอย่างตามฮังอวี่ย่อมสามารถฆ่ามอนสเตอร์และอัพเลเวลไปถึงจุดที่เหมาะสม สามารถพัฒนาด้วยความเร็วสูงสุด

สถานที่เหมาะสมสำหรับการอัพเลเวลก็นับเป็นทรัพยากรเช่นกัน

ฮังอวี่ส่งทีมไปออกล่ามอนสเตอร์ล่วงหน้า

และเมื่อชาวต่างชาติไปถึง พวกเขาจะไม่มีพื้นที่ล่าอีก นี่ช่วยลดแรงกดดันลงได้

ฮังอวี่กล่าวต่อว่า “อ้ออีกอย่าง อุปกรณ์ของผมล้าหลังแล้วจริงๆ คงต้องหาอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินสกิลปราณโทสะคลั่ง รวมไปถึงวัสดุอีกสี่ชนิดในการหลอมหอกที่ยังขาดเหลือ … รบกวนลุงจ้าวช่วยกระจายข่าวสาร ว่าถ้ามีหินสกิลหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม ผมยินดีจ่ายด้วยราคาสูง”

เขาไม่ได้กังวลเรื่องการถูกเปรียบเทียบ

เพราะชุดเซ็ทการ์กอยล์ไม่ได้แย่ในสายตาคนทั่วไป

ไม่เพียงช่วยเพิ่มความว่องไวมาก แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการบินระยะสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ระดับสุดยอดในสายตาคนทั่วไปไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของฮังอวี่ในเลเวลนี้ได้อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับชุดของลุคและคนอื่นๆ อุปกรณ์ของพวกเขาได้เปรียบอย่างชัดเจน

จ้าวหมิงตอบรับ “ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด”

ฮังอวี่ตั้งใจจะเก็บอุปกรณ์บางอย่างที่เขาไม่ใช้แล้วบางชิ้นให้ซูหยุนปิงนำไปช่วยจัดการหรือแลกหินคริสตัลที่มีประโยชน์ ส่วนของบางอย่างที่มีคุณภาพดีมากๆเช่นหอกประกายแสง ฯลฯ เจ้าสิ่งนี้เขาตั้งใจจะขายให้สมาชิกในทีมโลกวิญญาณในราคาย่อมเยา

คงต้องโล๊ะอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นให้เร็วที่สุด

และรับซื้ออุปกรณ์หรือหินสกิลที่ต้องใช้โดยด่วน

นี่ก็เพื่อเร่งการพัฒนาพลังรบของตัวเอง

หลังจากฮังอวี่จัดการเรื่องต่างๆให้แก่ทีม เขาก็นำเหล่าจ้าว เสี่ยวเฉียง เจียงหนาน ฉินมู่ ร่วมไปถึงเสี่ยวไป๋และหวังเอ๋อออกไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างไกลเป็นสิบไมล์เพื่อล่ามอนสเตอร์

คุณกำลังสงสัยว่าทำไมถึงไม่พาฉูเทียนหัวมาด้วยใช่ไหม?

ก็เพราะคนผู้นั้นยังหาเวลาว่างไม่ได้ ติดแหง่กอยู่ในเจียงเฉิงอย่างไรเล่า!

นอกจากนี้ ฮังอวี่ จ้าวหมิง และฉูเทียนหัวกำลังพยายามไม่เข้าสู่โลกวิญญาณพร้อมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีคนคอยรับผิดชอบในโลกวิญญาณตลอดเวลา

ไม่นาน ทีมของเขาก็พบมอนสเตอร์

ลักษณะภายนอกของเจ้าตัวนี้คล้ายคลึงกับหมาป่าหายนะ แต่ที่ต่างกันก็คือหมาป่าตรงหน้ามีเนื้อหนังเป็นหินทั่วตัว มองก็รู้ว่ามีพลังป้องกันสูงและพลังโจมตีแก่กล้า ยากจะกำจัด

หุบเขาลับแห่งนี้มีชื่อว่า หุบเขาหมาป่าหิน

มอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี่คือมอนสเตอร์ที่เป็นหินทั้งหมด

และหมาป่าหินค่อนข้างทรงพลัง ชัดเจนว่าพวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับสามัญ แต่เป็นชนชั้นยอด

“สถานที่แห่งนี้น่าจะถูกยึดครองโดยพวกชั้นยอดขั้นบรอนซ์เป็นหลัก มีขั้นยอดขั้นซิลเวอร์อยู่นิดหน่อย ส่วนชั้นยอดขั้นโกลด์ … น่าจะน้อยมาก เป็นที่ๆดีในการล่าแต้มวิญญาณ!”

ฮังอวี่แนะนำคนอื่นๆ “นอกจากนี้ ที่นี่ยังดรอปชุดเซ็ทหมาป่าหิน มันคือชุดเซ็ทสีขาวเลเวล 10 โบสนัสหลักๆจะช่วยเพิ่มพละกำลังและค่าร่างกาย เหมาะสำหรับเหล่าจ้าวกับเหล่าฉู ถ้าได้มาครบเซ็ท พวกมันจะช่วยพวกคุณได้มาก”

ทุกคนเริ่มลงมือ

แม้หมาป่าหินจะแข็งแกร่ง

แต่ด้วยความร่วมมือกันอย่างเป็นระบบระเบียบของทุกคน การต่อสู้จึงไม่ใช่เรื่องยาก

ในระหว่างการต่อสู้ จู่ๆ จางเสี่ยวเฉียงก็นึกอะไรบางอย่างออก “ลูกพี่ สังเกตไหมว่ากลุ่มของชาวต่างชาติพวกนั้นมีชื่อ งั้นทีมของพวกเราก็ควรมีชื่อเจ๋งๆบ้างเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”

เจียงหนานพยักหน้า “ใช่ ใช่ ฉันคิดว่าเรื่องนี้ก็จำเป็นเหมือนกัน ชื่อกลุ่มก็เหมือนธงรบในเวลาสงคราม มันสามารถเพิ่มความรู้สึกในการเป็นเจ้าของแก่ทุกคน ไม่อย่างงั้นพวกเราก็เป็นได้แค่กลุ่มคนที่รวมตัวกันเฉยๆ”

หวังเอ๋อแนะนำ “ฮ่ง เจ้านายงั้นเอาเป็นชื่อแก๊งอัสกี้ฟังดูเป็นไง? ให้เปิ่นหวังเป็นมาสคอต!”

ฮังอวี่เขกหัวมันแล้วพูดว่า “ไปให้พ้น! ฉันจะไม่ยอมให้ชื่อกลุ่มเป็นชื่อสายพันธุ์หมาเด็ดขาด!”

หวังเอ๋อหูลู่ มันหุบปากลง

จ้าวหมิงลากมอนสเตอร์เข้ามาอีก 6 – 7 ตัว

“ทุกคนพูดถูก ชื่อกลุ่มเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ” ฮังอวี่กล่าว “แต่พวกเราจะบุกเมืองหุบเขาเดียวดายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉะนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันตอนประชุมก็ได้”

“รับทราบ”

“ฆ่ามอนสเตอร์กันก่อน”

ฝูงชนเริ่มลงมือ

มอนสเตอร์ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ

กระแสแต้มวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของฮังอวี่อย่างต่อเนื่อง

จนในที่สุด ฮังอวี่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคอขวดถูกทำลาย พลังสายหนึ่งไหลรินเข้ามา ร่างกายเขาเริ่มดูดซับมัน และเปลี่ยนทั้งหมดเป็นขุมพลังกลุ่มใหม่!

เลเวล 10!

ฮังอวี่ตัดผ่านสำเร็จแล้ว!

เลเวล 10 สามารถเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่!

และเนื่องจากสัญญาอุปการะ ทำให้เสี่ยวไป๋ที่เดิมแต้มวิญญาณเต็มอยู่แล้วไม่สามารถอัพเลเวลอยู่นาน ตอนนี้ในที่สุดก็อัพได้เสียที

ฮังเสี่ยวไป๋รู้สึกได้อย่างชัดเจน

ขณะนี้ สกิลหลายอย่างที่เดิมไม่สามารถใช้งาน

พวกมันได้รับการฟื้นฟูแล้ว ดังนั้นพลังรบของเธอก้าวกระโดดขึ้นมาก เสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขสุดๆ ไม่ใช่สุขที่ฟื้นพลังกลับมา แต่เป็นสุขที่จะได้ช่วยเหลือพี่ชายของเธอได้ดียิ่งขึ้น