โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.303 – มุ่งหน้าสู่สันเขาถังซาน

 

พอออกมาจากคฤหาสน์ ข้างนอกก็มีคนมารออยู่ก่อนแล้ว ระดับพลังมิได้อ่อนแอเลย เป็นเลเวล E ที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในสถานชุมชนเฟิงหลี

 

ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไป ปรากฏพาหนะที่มีรูปทรงแตกต่างจากรถศึกล่องเวหาอย่างสิ้นเชิงจอดอยู่ เป็นจักรกลที่มีทั้งหางและใบพัด

 

–ฮอลศึก (เฮลิคอปเตอร์)

 

ฮอลศึกคือพาหนะที่ครอบครองประสิทธิภาพในการรบมากกว่ารถศึก มักใช้เป็นเครื่องมือทางยุทธวิธีในปฏิบัติการแนวหน้า

 

ฮอลศึกมีเงื่อนไขขั้นต่ำคือต้องใช้มือปืนเลเวล F ขึ้นไปในการควบคุมมัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสินค้าหายาก

 

หากฉินเฟิงเดินทางสู่สันเขาถังซานด้วยรถศึกล่องเวหา เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน และยิ่งลึกเข้าไปในสันเขา โหมดล่องเวหาเป็นอะไรที่ไม่สะดวกยิ่ง หากคิดสำรวจพื้นที่ของจักรพรรดิสัตว์ร้าย อย่างน้อยต้องใช้เวลามากกว่า 7 – 8 วัน

 

เสียเวลามากเกินไป คนอื่นๆล่วงหน้าไปก่อนเขาตั้งนานแล้ว

 

ดังนั้น เมื่อต้องใช้เร่งระยะเวลาเป็นพิเศษ ก็ย่อมต้องใช้วิธีการพิเศษเป็นธรรมดา

 

ฉินเฟิงเรียกฮอลศึกของกลุ่มซ่งเฉิงให้มารับ บอกปลายทางว่าตั้งใจจะไปยังสันเขาถังซาน

 

แน่นอน ว่าราคาค่าจ้างย่อมไม่ใช่ถูกๆ ตั๋วใบหนึ่งราคามากถึง 3 ล้านต่อเที่ยวบิน ทั้งยังต้องแบกรับอันตรายที่อาจพบเจอได้ทุกเวลา

 

แต่สำหรับฉินเฟิง เงิน 3 ล้านไม่นับว่าเป็นสิ่งใด!

 

“ผู้ว่าการฉิน ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมานานแล้ว ผมคือกัปตันของเที่ยวบินนี้ ชื่อว่าเค่อเซี่ยงซัว”

 

“ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉินเฟิงยื่นมือออกไปทักทายอีกฝ่าย

 

“คราวก่อนผู้ว่าการฉินช่วยแก้วิกฤตชุมชนผิงหยุนของกลุ่มเรา เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮากันในกลุ่มมาก พลอยทำให้สถานชุมชนเฟิงหลีรุ่งเรืองและมีชื่อเสียงมากตามไปด้วย น่าอิจฉาจริงๆครับ”

 

แม้ได้รับคำชมจากอีกฝ่าย แต่สีหน้าของฉินเฟิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขายิ้มเบาๆ “กัปตันเค่อสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มซ่งเฉิงได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ อนาคตคงสดใส ไร้ขอบเขต”

 

“ถ้าผู้ว่าการฉินไม่ติดอะไร สามารถมาที่เมืองของพวกเราได้ตลอดเวลา ทางเรายินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง!”

 

ฉินเฟิงเยาะหยันในใจ ตระหนักดีว่าเค่อเซี่ยงซัวผู้นี้กำลังคิดตีสนิทเพื่อตรวจสอบตัวเขา

 

ไม่แปลกที่ฉินเฟิงจะคิดแบบนี้ เพราะในครั้งที่เขาไปกอบกู้เมืองหาน ตันหยูเองก็เคยทำแบบนี้กับตนมาก่อน อันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก

 

เพียงแต่ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ในสถานชุมชนผิงหยุน ความประทับใจที่ฉินเฟิงมีต่อกลุ่มซ่งเฉิงไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นเขาไม่คิดมีส่วนร่วมใดๆกับกลุ่มนี้ ไม่อยากต้องคอยมาทำงานให้คนที่ตนไม่ชอบ

 

“ฮี่ฮี่ เอาไว้ถ้าคุณมีเวลาเมื่อไหร่ ก็มาเยี่ยมชมสถานชุมชนเฟิงหลีในฐานะแขกได้ … นี่ก็สายมากแล้ว พวกเราเริ่มเดินทางกันสักทีเถอะ!”

 

“โอ้ รับทราบ เชิญท่านผู้ว่าการฉิน”

 

พอถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ เค่อเซี่ยงซัวไม่คิดเอ่ยถึงมันอีก กลุ่มซ่งเฉิงลงทุนในธุรกิจขนส่ง ดังนั้นสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจได้ทุกหนแห่ง การเชิญชวนผู้คนเข้าร่วมกลุ่มซ่งเฉิง ถือเป็นความสามารถพิเศษของพวกเขา ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาชิกของพวกเขาเลยมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมาย

 

แต่ฉินเฟิงไม่มีความสนใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

 

ยานศึกเริ่มออกเดินทาง มันลอยขึ้นไปในชั้นอากาศ ผู้คนในสถานชุมชนเฟิงหลีสามารถมองเห็นมัน หลายคนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นดู

 

“ว้าว นั่นมันฮอลศึกใช่รึเปล่า? นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นมัน!”

 

“ฮอลศึกบินขึ้นจากคฤหาสน์ของผู้ว่าการ หรือว่านั่นจะเป็นของท่านผู้ว่าการ?”

 

“ผู้ว่าการสามารถทำเงินจากตลาดมืดได้เป็นจำนวนมาก ตอนนี้กระทั่งยานศึกก็มีแล้ว!”

 

ฝูงชนเฝ้ามองฮอลศึกบินไกลออกไป บังเกิดความคิดว่าฉินเฟิงช่างเป็นคนที่ร่ำรวยซะจริง

 

เมื่อขึ้นสู่น่านฟ้า ฮอลศึกก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น

 

ฮอลศึกลำนี้ ไม่เหมือนกันกับยานรบในยุคก่อนโลกาวินาศ ฮอลศึกในปัจจุบันค่อนข้างเร็ว และไม่มีเสียงดังจนเกินควร สามารถตั้งค่าการบินได้ แม้แต่เค่อเซี่ยงซัวเองก็ไม่จำเป็นต้องประจำการอยู่ตลอดเวลา

 

ฉินเฟิงกำลังขบคิดเกี่ยวกับมัน ว่าหากซื้อไว้จอดเล่นที่บ้านสักลำหนึ่งคงดี

 

“ผู้ว่าการฉิน ไปยังสันเขาถังซานในคราวนี้ อย่าบอกนะว่าคุณคิดจะเข้าร่วมภารกิจล่าจักรพรรดิสัตว์ร้าย? ได้ยินมาว่ามันแข็งแกร่งเทียมฟ้า เป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมาก แค่ฟังตอนคนอื่นพูดถึงมัน ผมก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้”

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง ปากเอ่ยกล่าว “ไม่หรอก ก็แค่แวะดูเท่านั้น”

 

“น่าอิจฉาผู้ว่าการฉินจริงๆ ผมก็อยากจะไปดูคนอื่นๆล่ามันเหมือนกัน แต่เสียดายที่มีความแข็งแกร่งไม่มากพอ!”

 

“ … ”

 

ทั้งสองสนทนากันไปกันมา ทว่าเค่อเซี่ยงซัวกลับไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆเลย

 

ในมุมมองของเค่อเซี่ยงซัว สถานที่อย่างสันเขาถังซาน จำเป็นต้องมีเลเวล D เป็นอย่างน้อย การที่จู่ๆฉินเฟิงก็ไปที่นั่น มันชวนให้รู้สึกสงสัยซะจริงๆ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฉินเฟิงสามารถสู้ตัวต่อตัวกับปีศาจเสพวิญญาณระดับราชันย์ได้ ทางซ่งเฉิงเลยให้ความสนใจกับฉินเฟิง อยากจะหว่านล้อม ชักชวนให้มาร่วมกลุ่มด้วยกัน

 

แต่ฉินเฟิงเห็นได้ชัดว่าไม่หลงกล!

 

ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปราวกับพริบตา

 

ฉินเฟิงเริ่มมองเห็นพืชพรรณที่ปกคลุมกันหนาแน่นบนสันเขาถังซาน นอกจากนี้ยังมีต้นไม้กลายพันธ์เติบใหญ่จนสูงเสียดฟ้า

 

ไหนจะมีแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ลุกฮือขึ้นมาจากพื้นดินเป็นระยะๆ

 

เค่อเซี่ยงซัวไม่มีสมาธิสนทนาอีกต่อไป พวกเขาได้มาถึงจุดหมายแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงแรงกดอากาศของที่นี่ มันน่าหวาดกลัวมากจริงๆ

 

ฮอลศึกค่อยๆลดระดับความสูงลง

 

เค่อเซี่ยงซัวสีหน้าซีดเซียว เขาไม่คาดหวังเลย ว่ามันจะเป็นสถานที่อันตรายถึงขนาดนี้

 

ไม่ไกลออกไป สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งบางตน ได้ค้นพบรูนแห่งความมืดที่ฉินเฟิงลอบปลดปล่อยออกมา มันรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของฮอลศึกลำนี้ได้

 

ถูกจับจ้องโดยศัตรู เล่นเอาสีหน้าของเค่อเซี่ยงซัวแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ เขาเหวี่ยงกำปั้นกระแทกลงบนปุ่มมิสไซล์

 

เปรี้ยง!

 

ต้นไม้ใหญ่เสียดฟ้าถูกยิงจนระเบิด เปลวไฟพวยพุ่ง สะเก็ดตกลงตามป่าไม้เบื้องล่าง

 

ราวกับรังแตนที่ถูกกระตุ้น ฝูงค้างคาวยักษ์โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันใด

 

ค้างคาวพฤกษาหยิน!

 

—เป็นสัตว์ร้ายเลเวล D !

 

เค่อเซี่ยงซัวแทบจะกลายเป็นบ้า เขาดิ้นรนยกระดับความสูงของฮอลศึกขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงของฉินเฟิงตะโกนแทรกเข้ามา

 

“เอาล่ะ ส่งฉันลงตรงนี้ก็พอแล้ว”

 

ตรงนี้งั้นหรอ?

 

“ผู้ว่าการฉิน ตรงนี้มันอันตรายเกินไป … ” เค่อเซี่ยงซัวต้องการจะอธิบาย ว่าสถานการณ์ในเวลานี้ ไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้

 

“เปิดประตู ฉันจะออกไปจัดการมันเอง” ฉินเฟิงย้ำ

 

เค่อเซี่ยงซัวขบฟัน เอาจริงๆนะ เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่นาทีเดียว เพราะมันให้ความรู้สึกว่าสามารถตายได้ตลอดเวลา และในเมื่อนี่คือคำขอของฉินเฟิงเอง ดังนั้นหากเขาตายไป ก็ไม่สามารถตำหนิทางกลุ่มซ่งเฉิงได้

 

ไม่มัวเสียเวลาคิดอีกต่อไป เค่อเซี่ยงซัวกดเปิดประตูห้องโดยสารทันที

 

ลมหนาวกระพือเข้ามา

 

ฉินเฟิงโอบไป๋หลี ทิ้งตัวลงทันใด

 

ปรากฏร่างของค้างค้าวพฤกษาหยินในแนวสายตา

 

มันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ อาศัยร่มเงาไม้บดบังแสงอาทิตย์ เกาะกิ่งนอนกลับหัว อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ปีกข้างหนึ่งของทุกตัวกว้างกว่า 3 เมตร ครอบครองขุมกำลังอันแข็งแกร่ง

 

เค่อเซี่ยงซัวดึงคันโยกฮอลศึก เหลียวกลับไปมองฉินเฟิงที่ไม่คิดเปิดใช้งานร่มชูชีพหรือเครื่องร่อน —อีกฝ่ายทิ้งดิ่งลงไปโดยตรง

 

พริบตาเดียว ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็ตกอยู่ท่ามกลางฝูงค้างค้าวพฤกษาหยิน

 

ในเวลาเดียวกัน ร่างของฉินเฟิงก็ผุดชั้นแสงขึ้นปกคลุม มันโปร่งใสโอบล้อมรอบตัว

 

นี่คือสัญลักษณ์ของกำลังภายในรูปแบบของเหลว!

 

หนึ่งมือโอบกอดไป๋หลี อีกหนึ่งเรียกมีดกษัตริย์ครามออกมากุม

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

กำลังภายถูกอัดฉีด เส้นเปลวเพลิงลุกไหม้เป็นทางยาวเชื่อมต่อกันบนใบมีด

 

กำลังภายในในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากทะเลเมฆก่อนหน้า เวลานี้มีดเปลวเพลิงราวกับมีแก่นกลาง ไม่แตกต่างจากมีรูนไฟอยู่เบื้องหลัง โชติโชนเป็นเพลิงอันแรงกล้า

 

ฟุบบบ!

 

หนึ่งคมมีดสะบั้นออก ค้างคาวพฤกษาหยินถูกตัดปีกขาดทันที

 

สองเท้าย่ำลงบนร่างค้างคาวพฤกษาหยิน แรงโน้มถ่วงที่ทิ้งดิ่งของฉินเฟิงลดทอนลง วินาทีต่อมา เขาก็ย่อตัว มีดในมือกุมแน่นกว่าเดิม กวาดเป็นแนวนอนออกไปทุกทิศทาง!