โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.264 – ผลกระทบที่แท้จริงของกองทัพสัตว์ทะเล

 

แน่นอน ฉินเฟิงยังไม่ลืม ว่าไป๋หลีเป็นเพียงจิ้งจอกอายุ 8 เดือน สุดท้ายทั้งสองเลยแยกกันอาบน้ำ

 

พอจัดการธุระของตนเองเรียบร้อย ทั้งสองก็โยนตัวลงบนเตียงที่อ่อนนุ่ม นอนหลับด้วยความผ่อนคลาย ในตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือการหลับที่สนิทและสบายที่สุดแล้ว

 

ขณะเดียวกัน ทหารจากเมืองไห่ช่างแตกต่างจากพวกเขา เวลานี้ไซเรนระดับหนึ่งเริ่มแจ้งเตือน

 

กระแสกองทัพสัตว์ทะเลของจริงได้บุกโจมตีชายฝั่งของพวกเขาแล้ว

 

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะการสกัดกั้นของฉินเฟิงและปราการศิลาดำ ทั้งยังมีผงหอมวังวนสมุทร สัตว์ร้ายระดับสูงเกือบทั้งหมดจึงมุ่งหน้าสู่เกาะ ช่วยลดวิกฤตฝั่งชายหาดเมืองไห่ได้เป็นอย่างมาก

 

ยังไงก็ตาม เวลานี้ปราการศิลาดำถูกโจมตีซ้ำๆจนได้รับความเสียหาย มันจึงไม่สามารถช่วยลดทอนอานุภาพของสึนามิได้อีกต่อไป ได้แต่ปล่อยให้คลื่นยักษ์ซัดสาดผ่านเข้ามาโดยตรง!

 

เวลานี้ ผู้คนบนหอคอยรักษาการณ์ ทั้งหมดต่างจ้องมองคลื่นยักษ์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สึนามิยิ่งใก้ลเข้ามา ก็ยิ่งมีความสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งชายฝั่งฟุ้งไปด้วยเสียงกรีดร้องหวาดกลัว

 

“วิ่ง!”

 

“หนีเร็ว!”

 

“หอคอยนี้เอาไม่อยู่แน่ๆ!”

 

“ทุกคนถอย!”

 

“อ๊า อย่าทิ้งฉันไว้!”

 

เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤต กระทั่งคนจากกองทหาร ก็ยังไม่อาจรักษาระเบียบวินัยเอาไว้ได้

 

อย่างไรก็ตาม แม้ปากจะบอกว่าวิ่งหรือล่าถอย แต่พวกเขากลับไม่มีทางหนีไปได้เลย

 

เพราะเมื่อสึนามซัดเข้ามาถึงชายฝั่ง มันไม่ใช่แค่คลื่นสูงอีกต่อไป แต่ยังท่วมทับหอคอยรักษาการณ์ที่เรียงรายอยู่บนชายฝั่งในชั่วพริบตา ทั้งยังทิ้งกองทัพสัตว์ร้ายที่พัดพาติดมากับมัน

 

ในกรณีที่สัตว์ทะเลชนเข้ากับหอคอย หอคอยจะมิอาจต้านทาน พังถล่มลงแทบจะทันที

 

หอคอยรักษาการณ์เหล่านี้เดิมก็มิได้โดดเด่นในด้านความทนทานอยู่แล้ว มันมีไว้ใช้วางปืนใหญ่เพื่อยิงสกัดสัตว์ทะเลก็เท่านั้น

 

แต่ในปัจจุบัน ทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำโดยสิ้นเชิง

 

ปืนใหญ่เมื่อถูกน้ำทะเลแทรกซึมเข้าไป มันก็ไม่สามารถใช้งานได้!

 

ผู้ใช้พลังที่อยู่ที่นี่ จมอยู่ใต้น้ำโดยสมบูรณ์

 

“อยู่ไม่ได้แล้ว หนีเร็ว!”

 

บรรดาผู้ใช้พลังบางคนที่ฉลาดพอ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องก็พากันหลบหนีไป เพราะจะรอดหรือไม่ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลา

 

บ้างก็สามารถหนีขึ้นไปบนที่สูงได้ บ้างก็วิ่งไม่ทันถูกท่วมทับโดยน้ำทะเล

 

กว่า 800 ผู้ใช้พลังติดอยู่ในคลื่น และภายในคลื่นที่กำลังท่วมผู้ใช้พลัง … มันแฝงไว้ด้วยสัตว์ร้าย!

 

อ๊ากกก!

 

“ไม่นะ!”

 

“อย่ากินฉัน!”

 

ผู้ใช้พลังพยายามตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง แต่ยามหยั่งเท้าอยู่บนพื้นดิน พวกเขายังไม่สามารถต่อกรกับมันได้ ฉะนั้นเวลานี้ ที่อยู่ในน้ำ และยังเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลจำนวนมากคงไม่ต้องกล่าวถึง

 

หลายคนถูกฆ่าตายแทบจะในทันที น้ำทะเลสีเขียวถูกผสมไปด้วยเลือดสีแดงของมนุษย์ แต่เพียงครู่เดียวก็ไม่อาจค้นพบถึงร่องรอยของเจ้าของเลือดได้อีกต่อไป

 

หายนะที่แท้จริงบังเกิดขึ้นแล้ว!

 

หยางปิงเฝ้ามองฉากทั้งหมดนี้ แม้ว่าเขาจะได้ประกาศให้ผู้ใช้พลังถอยจากชายฝั่งแล้วก็ตาม แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าคลื่นจะรุนแรงถึงขนาดนี้

 

และที่ชวนให้สิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม ก็คือสิ่งที่ตามมาเบื้องหลังมัน

 

“นั่นนายพลสัตว์ร้าย! เป็นนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E !”

 

“หนีเร็วเข้า!”

 

ปรากฏเสียงร้องโวยวายระงม ไม่มีเลยสักคนที่คิดจะต่อสู้ ในสมองของพวกเขามีเพียงความคิดที่ว่าจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร

 

ท่ามกลางความโกลาหล นายพลสัตว์ร้ายไล่สังหารอย่างบ้าคลั่ง

 

กว่าสามนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E สามารถขึ้นฝั่งมาได้สำเร็จ!

 

ณ จุดนี้ แม้เทียบกับตอนบนเรือเร็ว ที่นายพลสัตว์ร้ายกว่า 7 ตัวถูกคลื่นซัดมา มันจะดีกว่ามาก แต่แค่ 3 ตัวในปัจจุบัน มันก็เพียงพอแล้วที่จะปั่นป่วนเมืองไห่ให้ราวกับตกอยู่ในหม้อเดือด!

 

นั่นก็เพราะ .. เมืองไห่ตอนนี้ ไม่มีผู้ใช้พลังเลเวล D ประจำการอยู่เลย

 

สีหน้าของหยางปิงซีดเผือด เช่นเดียวกันกับผู้ใช้พลังเลเวล E คนอื่นๆ

 

“ก็รีบตอบโต้เร็วเข้าสิวะ! มัวยืนบื้อมันจะได้ประโยชน์อะไร? รีบลงมือเร็วเข้า!”

 

หวังจื่อเฉาในห้องบัญชาการ เมื่อเห็นภาพที่ถูกส่งมาโดยโดรน ก็ตวาดสั่งการอย่างบ้าคลั่ง

 

สถานการณ์ในปัจจุบัน อาวุธปืนใหญ่ท่วมไปด้วยน้ำทะเล ดังนั้นคนที่พอจะใช้ปืนใหญ่คุณภาพสูงได้ จึงเหลือแค่มือปืนเลเวล E

 

“บัดซบ!” หวังจื่อเฉาขบกราม กำหมัดแน่น เอ่ยบัญชาการ “เรียกผู้ใช้พลังเลเวล E ทั้งหมด ไปสู้ในแนวหน้า!”

 

“รองเทศมนตรี ท่านก็เป็นเลเวล E จำเป็นต้องไปด้วยหรือไม่?”

 

ไม่ใกล้ไม่ไกล เลขาที่กำลังหวาดกลัว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

 

“ฉันจะไปทำไม? ถ้าไปแล้วใครจะคอยสั่งการ? ใครจะเป็นคนอนุมัติใช้งานขีปนาวุธพิเศษ? ถ้าเห็นว่าสถานการณ์เกินควบคุมเมื่อไหร่ ฉันจะใช้มันจัดการพวกนายพลสัตว์ร้ายเอง!”

 

เลขาพอได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องออกไปเสี่ยงชีวิต เพราะหากรองเทศมนตรีไป เลขาอย่างเขาก็ต้องติดตามไปด้วย

 

“รับทราบท่านรองเทศมนตรี”

 

แม้บนใบหน้าของหวังจื่อเฉาจะแสดงออกให้เห็นเพียงคิ้วที่ขมวดมุ่น แต่ภายในหัวใจกลับเต้นครึกโครมเป็นกลองชุด

 

หลังจากคลื่นยักษ์โถมทับพื้นที่ส่วนใหญ่ฝั่งชายหาดแล้ว มันก็ไหลกลับคืนสู่ทะเลไป เหลือทิ้งไว้เพียงสัตว์ร้ายจำนวนมหาศาล ในขณะที่ผู้ใช้พลัง —รอดชีวิตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!

 

และคนที่รู้จักกระแสกองทัพสัตว์ร้าย จะทราบกันดี ว่านี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด ภายในสิบชั่วโมงให้หลัง จะมีคลื่นแบบนี้โถมเข้ามาอีกระลอก!

 

ช่างน่าฉงนจริงๆ ที่จู่ๆคลื่นลูกนี้เพียงลูกเดียว กลับสามารถสูบกินชีวิตพวกเขาได้มากมายถึงขนาดนี้

 

อันที่จริง คนพวกนี้ยังไม่รู้ ว่าก่อนหน้านี้ที่พวกตนสามารถเผชิญหน้ากับคลื่นกองทัพได้อย่างสะดวกสบาย มันเป็นเพราะมีฉินเฟิงคอยสกัดกั้นเอาไว้ แต่ในปัจจุบัน ทั้งฉินเฟิงและปราการศิลาดำไม่อยู่แล้ว

 

ด้วยเหตุนี้เอง ความโหดร้ายที่แท้จริงของกระแสกองทัพสัตว์ทะเล จึงปรากฏสู่สายตาของพวกเขา

 

 

ฉินเฟิงหลับสนิทไปตลอด 10 ชั่วโมงเต็ม ก่อนจะลุกตื่นขึ้นมา

 

เมื่อหันมองดูเวลา ก็พบว่าเป็นช่วง 7 โมงเช้าพอดี

 

“เสี่ยวไป๋ ตื่นเถอะ ไปกินอาหารเช้ากัน” ฉินเฟิงกล่าว

 

ช่วงสิบวันที่ผ่านมา ทั้งสองเอาแต่กินอาหารแห้งเพื่อประทังชีวิต รสชาติเอร็ดอร่อยของอาหารสดแทบจะเลือนหายไปจากลิ้น

 

แม้ร่างกายของไป๋หลีจะเป็นสัตว์ร้าย ไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ขอแค่กินแก่นพลังงานก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็ตาม

 

แต่กระเพาะของฉินเฟิงยังต้องการอาหารอยู่ และตอนนี้ในเมื่อได้กลับมายังเมืองมนุษย์ พวกเขาก็เตรียมฉลองมื้อใหญ่!

 

เขาเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าลำลองสบายๆ ส่วนไป๋หลีใส่ชุดเดรสยาวเหมือนเดิม แต่ยังคงติดตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังไว้บนหน้าอก

 

ทั้งสองเดินเข้าสู่ร้านอาหาร

 

เวลานี้ ในร้านอาหารแทบจะว่างเปล่า ไม่คึกคักเหมือนกับตอนงานประมูลกลุ่มหวันซ่ง มีคนนั่งกระจายกันอยู่แค่สองสามโต๊ะเท่านั้น และหากสังเกตดีๆ จะพบว่าถึงใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้ถึงดูอ่อนเพลีย แต่มันก็แฝงไว้ซึ่งความยินดีที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้

 

ร้านอาหารเป็นแบบห้องรับประทานกับห้องครัวเชื่อมติดกัน แต่มีกำแพงกั้นไว้ และมีช่องสนทนาให้สั่งอาหาร ฉินเฟิงเดินไปหน้าช่องและกล่าว “ผมมีวัตถุดิบเตรียมเอาไว้แล้ว อยากจะให้คุณช่วยปรุงมันจะได้ไหม?”

 

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ดึงหนวดหมึกออกมา วัตถุดิบชิ้นนี้หากมองเพียงผิวเผิน และเขาไม่อธิบาย คนอื่นๆคงไม่มีทางคาดเดาว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากอะไร

 

วัตถุดิบดังกล่าวสามารถใช้ทำเป็นอาหารมื้อใหญ่ ทว่ากลิ่นอายที่มันส่งออกมา กลับทำให้ลูกค้าสองสามโต๊ะในร้านต้องใจสั่น เกิดอาการขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

ทางฝั่งพ่อครัวพลันรู้สึกเย็นยะเยืยก คล้ายเลือดในกายกำลังถูกแช่แข็ง

 

“คุณลูกค้า ไม่ทราบว่าวัตถุดิบชิ้นนี้คืออะไรกัน? ทำไมมันถึงได้ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวถึงขนาดนี้?” พ่อครัวถามเสียงสั่น

 

คล้ายตระหนักว่าคำถามนี้มันดูไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย พ่อครัวจึงบังคับสติอารมณ์ให้สงบลง ปรับน้ำเสียงให้ดูนุ่มนวล “ฉันต้องการรู้ว่าวัตถุดิบที่จะใช้ทำอาหารมันคืออะไร จะได้สามารถนึกเมนูอาหารที่เข้ากับมันได้”

 

ฉินเฟิงพยักหน้าว่าเข้าใจ และกล่าวเสียงเบา “มันคือหนวดหมึกยักษ์ แข็งแกร่งมาก เป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E แต่คุณไม่ต้องกังวล เพราะมันตายแล้ว”

 

ระหว่างกล่าว พลังสมาธิของฉินเฟิงก็กวาดลงบนวัตถุดิบ สลายกลิ่นอายของราชันย์ปลาหมึก

 

พ่อครัวรับรู้ได้ว่ากลิ่นอายของวัตถุดิบได้หายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งคนทั้งร่างของเขากลับสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม

 

มันเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น!

 

“การได้ปรุงวัตถุดิบระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถใช้คุยโม้ไปได้ชั่วชีวิต! คุณลูกค้าโปรดมั่นใจ ฉันจะปรุงมันให้ดีที่สุดเพื่อคุณอย่างแน่นอน!”

 

พ่อครัวคว้าวัตถุดิบและหมุนกายเข้าครัว งัดเอาทักษะทั้งหมดที่มีในชีวิตออกมา ปรุงราชันย์ปลาหมึก และเสิร์ฟมันทีละจาน ทีละจาน เพียงกลิ่นของมันที่โชยออกมา ก็ชวนให้ผู้คนน้ำลายสอ

 

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆผู้ใช้พลังเลเวล G8 คนหนึ่งวิ่งหอบแฮ่กๆ ผลักประตูเข้ามาในร้านอาหาร เมื่อเห็นฉินเฟิงกับไป๋หลี แววตาของเขาก็เปล่งประกายสดใสราวกับพบเจอพระมาโปรด

 

“ผู้ว่าการฉิน!”