2/4

 

Ep.239 – ตั๊กแตนบนเชือกขึง

 

หวงหยุนหลงเป็นคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจากที่ไม่มีอะไรเลย กลายเป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ คนผู้นี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้างทั้งในเรื่องดีและไม่ดี เป็นเจ้าของกิจการที่มีอำนาจมาก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะบริหารของสมาคมโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง

 

พูดถึงเรื่องนี้

 

ฮังอวี่เคยพบเขาแล้วครั้งหนึ่ง

 

มันคือตอนที่ร้านของอ้วนต้าไห่พึ่งเปิดในวันแรก บุคคลผู้นี้ปรากฏตัวพร้อมซูหยุนปิง ในขณะนั้นอีกฝ่ายดูไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาจากบุคลิกของอีกฝ่ายในตอนนั้นแล้ว ดูมีความเป็นผู้ใหญ่และมองยังไงก็เป็นคนประเภทประสบความสำเร็จสูง

 

แล้วไฉนตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

 

เหตุผลก็ไม่ใช่เรื่องยาก คงเกิดจากการแก่งแย่งทางอำนาจและผลประโยชน์!

 

โลกที่วุ่นวายมักนำมาซึ่งผลกำไร และผลกำไรมักนำมาซึ่งความวุ่นวาย

 

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน

 

สมาคมโลกวิญญาณคือองค์กรที่ได้รับการยกย่องในด้านปรัชญา ความคิด และชื่อเสียงอย่างแท้จริง ทว่าในความเป็นจริงแล้วภายในองค์กรกลับไม่มั่นคง องค์กรดังกล่าวหละหลวมเกินไป กระบวนการจัดตั้งก็เป็นไปอย่างเร่งรีบ สุดท้ายจึงทิ้งอันตรายและความขัดแย้งที่ซ่อนเร้นเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม

 

เมื่อพัฒนามาถึงระดับหนึ่ง

 

จึงย่อมต้องพบกับช่วงเวลาแห่งความโกลาหลและการสับเปลี่ยนภายใน

 

ตอนนี้สมาคมโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิงถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม โดยมีกองกำลังขนาดน้อยใหญ่มากกว่าสิบกลุ่ม ทุกคนแก่งแย่งกันพื้นที่บนเชือกขึง ใครขวางทางและมีกำลังน้อยกว่าก็ต้องถูกผลักตกลงไป

 

และท่ามกลางบรรดารองประธานหลายคน

 

หวงหยุนหลงกับซูเจิ้งเฉิงขัดคอกันและกันเสมอมา

 

ไม่ว่าจะด้านขุมกำลังหรือสถานะ พวกเขามีความสัมพันธ์ในรูปแบบแข่งขันกัน

 

ซูเจิ้งเฉิงกับหวงหยุนหลงรู้จักกันมานานหลายปีแล้ว

 

เขารู้ว่าหวงหยุนหลงเป็นคนหน้ายิ้มแต่ใจคด

 

ในอดีต หวงหยุนหลงเคยทำเรื่องน่าละอายมามากมาย ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าหักดิบกับซูเจิ้งเฉิงอย่างสิ้นเชิงเพียงเพราะเรื่องผลประโยชน์ แต่คราวนี้พฤติกรรมของเขารุนแรงและโหดร้ายเกินไป ซูเจิ้งเฉิงไม่ทันตั้งตัวถูกปิดล้อมเกือบตาย

 

“นั่นฟังดูไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ” ฮังอวี่รู้สึกลำบากใจมาก “ผมก็แค่คนทำอาชีพอิสระตัวเล็กๆ ไม่ได้มีความทะเยอทะยาน แค่ต้องการเปิดร้านเล็กๆเพื่อหาเงินนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้น การเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างเถ้าแก่ใหญ่ สำหรับผมมันฟังดูอันตรายเกินไป”

 

“เสี่ยวฮัง เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันธ์แค่เฉพาะในสมาคมโลกวิญญาณเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเจียงเฉิง และต่อไปจะส่งผลกระทบต่อกองกำลังพลเรือนทั้งหมดในเมืองนี้” ซูเจิ้งเฉิงกล่าวกับฮังอวี่ “หวงหยุนหลง คนผู้นี้อันตรายมาก เราต้องไม่ปล่อยให้คนหัวรุนแรงและโหดร้ายแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจมากเกินไปในสมาคมโลกวิญญาณ ”

 

นั่นก็จริง

 

บุคคลหัวรุนแรงและก้าวร้าวไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กน้อย

 

ประธานและกรรมการบริหารของสมาคมโลกวิญญาณมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่เสมอ

 

กองกำลังพลเรือนกลุ่มใหญ่สามารถเสนอชื่อตัวเองเพื่อขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้

 

และเมื่อหวงหยุนหลงมีอำนาจมากขึ้น สุดท้ายเขาจะกินรวบสมาคมโลกวิญญาณ

 

และคนเช่นเขาจะยังคงรักษาปรัชญาดั้งเดิมของสมาคมโลกวิญญาณไว้ได้อย่างไร? เมื่อสมาคมเสียสมดุล องค์กรใหญ่ของพวกเขาก็จะกลายเป็นเผด็จการและผูกขาด นั่นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อกองกำลังพลเรือนเท่านั้น แต่ยังอาจนำมาซึ่งสงครามขั้นเด็ดขาดกับสกายเน็ต

 

ในฐานะพลเมืองธรรมดา

 

ฮังอวี่ยอมรับว่าไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

 

“ด้วยความสามารถของนายและด้วยการสนับสนุนจากพวกเรา ยังพอมีโอกาสที่จะจัดการกับหวงหยุนลง” ซูเจิ้งเฉิงกล่าวและเอ่ยเสริมว่า “มีแต่ต้องกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่นี้เท่านั้น นายกับหยุนปิงถึงจะสามารถรวมกลุ่มกันได้อย่างไม่ต้องกังวล”

 

หวงหยุนหลงไม่เพียงตามโจมตีซูเจิ้งเฉิงเท่านั้น

 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ตั้งใจปล่อยซูหยุนปิงไป

 

ครั้งก่อนที่ตรอกหลังบาร์ หากไม่ใช่เพราะมีฮังอวี่อยู่ ซูหยุนปิงอาจตายไปแล้ว

 

ขณะที่ตอนนี้ฮังอวี่กับซูหยุนปิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มันยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่ตกเป็นเป้าหมายของอีกฝ่าย ดังนั้น แทนที่จะรอให้อีกฝ่ายชักนำปัญหามาให้ สู้เริ่มขจัดปัญหาแต่เนิ่นๆก่อนที่อันตรายจะปะทุขึ้นดีกว่า

 

ซึ่งการเริ่มชิงลงมือก่อนหน้าคนอื่นๆ

 

มันคือสไตล์ของฮังอวี่

 

“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน” ฮังอวี่พูดกับซูหยุนปิง “พวกเรามาตกลงกับเรื่องควบรวมกิจการกันก่อนดีกว่า”

 

ซูหยุนปิงถอนหายใจโล่งอก ฮังอวี่กล่าวเช่นนี้ สามารถอนุมานได้ว่าเขาเห็นด้วยแล้ว

 

สำหรับเรื่องควบรวมกิจการเพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมังกรฟ้า

 

ซูหยุนปิงได้คิดทบทวนมาแล้วเช่นกัน

 

เธอไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนอื่น และต้องการทำอะไรที่ยิ่งใหญ่

 

แต่หากฮังอวี่ยินดีมอบพื้นที่ให้เธอมากพอ มากพอให้เธอเฉิดฉาย เรื่องเข้าร่วมก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

 

และหนึ่งในพื้นที่ที่ว่า เธอเคยเห็นมันมาแล้ว

 

ฮังอวี่มีมนุษย์ปลาทรงภูมิปัญญาอยู่ในมือ

 

เขาตั้งใจจะใช้มนุษย์ปลาเพื่อควบคุมกองกำลังมนุษย์ปลาทางอ้อม

 

หากทำแบบนี้ จะมีโอกาสได้รับผลผลิตในราคาถูกและมีกองกำลัพร้อมสู้ในจำนวนมาก นี่เท่ากับพวกเธอได้เปรียบกองกำลังอื่นๆในเจียงเฉิง ในช่วงนี้ ยากนักที่จะมีคนสามารถกุมความได้เปรียบเหมือนฮังอวี่ อย่างไรก็ตาม แผนการของฮังอวี่เขาไม่สามารถทำคนเดียวได้ และซูหยุนปิงก็ทำคนเดียวไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นทั้งคู่ต้องร่วมมือ

 

พื้นที่ต่อมาที่เธอเห็นก็คือ

 

ร้านโพชั่นมังกรฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

 

นี่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของทีมฝ่ายผลิตกลุ่มมังกรฟ้า

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร้านโพชั่นมังกรฟ้าร้อนแรงเกินไป ต้นไม้ใหญ่ย่อมดึงดูดลม มันนำมาซึ่งความสนใจจากหลายฝ่าย

 

ต่อไปในอนาคต ฮังอวี่จะต้องเผชิญปัญหาและความท้าทายมากขึ้นเรื่องๆ หากเขายังคงซ่อนอยู่เบื้องหลังต่อไปคงยาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยสุนัข และแม้แต่เขาเองบางครั้งก็ยากที่จะแก้สถานการณ์ จึงจำเป็นต้องรับคนเช่นซูหยุนปิงเข้ามา

 

“ฉันยินดีนำทีมหลัก ทีมผลิต อาณาเขตวิญญาณที่เก็บไว้ ทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ คอนเนคชั่น และทรัพยากรต่างๆไปพร้อมกับฉัน” ซูหยุนปิงกล่าว “แต่ฉันต้องการหุ้น 40% ของสมาคมมังกรฟ้า”

 

ฮังอวี่มีอำนาจควบคุมสมาคมมังกรฟ้าสมบูรณ์ 100%

 

สมาคมมังกรฟ้ากล่าวได้ว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฮังอวี่

 

หากทีมซูหยุนปิงฮุบไปในคราวเดียวถึง 40% นั่นเท่ากับว่าฮังอวี่เหลืออำนาจ 60%

 

ในกรณีนี้

 

จะเท่ากับว่าเขายังคงเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในกองกำลัง

 

นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพไปได้หนึ่งราย และได้รับผู้มีพรสวรรค์และทรัพยากรจำนวนมหาศาล

 

อย่างไรก็ตาม

 

“เหอ เหอ ถึงผมจะกระหายอยากได้คนมีความสามารถเข้าร่วมทีม และตระหนักดีถึงคุณค่ากับทรัพยากรในทีมของอาจารย์ซู แต่ 40% คงเป็นไปไม่ได้” ฮังอวี่ส่ายหัวและกล่าวว่า “ผมให้แค่ 15% และยินดีแต่งตั้งอาจารย์เป็นคณะกรรมการบริหาร นอกจากนี้ยังยินดีให้สิทธิ์ในการควบคุมทีมเก่าของตัวเองเหมือนเดิมทุกประการ ”

 

ฮังอวี่ยินดีให้ซูหยุนปิงเพียง 15% เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับซูหยุนปิงแล้ว หากเธอร่วมมือกับใคร เธอต้องมั่นใจว่าตัวเองทำกำไรได้มากเท่านั้น

 

ซูหยุนปิงกับซูเจิ้งเฉิงมองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกหดหู่

 

ความตั้งใจของฮังอวี่นั้นชัดเจนมาก เขากำลังใช้ประโยชน์จากแรงกดดันของสถานการณ์ในตอนนี้ สะกดซูหยุนปิงจนโงหัวไม่ขึ้น

 

เธอกัดริมฝีปากสีแดงเบาๆ “ทีมของฉันใช้เวลาสร้างมานานกว่าหนึ่งเดือน ต้องทุ่มเทความพยายามและพลังงานไปมากกว่าจะเป็นได้อย่างทุกวันนี้ แค่ 15% น้อยเกินไป อย่างน้อย 30%”

 

“อาจารย์ซูไม่ควรคิดว่าจำนวนนี้เล็กน้อยนะ ถึงหุ้น 15% จะดูไม่มาก แต่สิทธิ์ของอาจารย์ซูเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก นอกจากได้เงินเดือนและโบนัสดีๆแล้ว รายได้ในมือจะไม่ทางน้อยลงตราบใดที่อาจารย์ทำงานอย่างหนัก รับรองกำไรไม่หายไปไหนแน่นอน” ฮังอวี่ย้ำอีกครั้ง “ผมให้แค่ 15% เท่านั้น!”

 

ถึงจุดนี้ ซูเจิ้งเฉิงกระแอมเบาๆและกล่าวว่า “หยุนปิงมีสมาคมโลกวิญญาณคอยหนุนหลัง ดังนั้นในความคิดของฉัน อย่างน้อยซัก 25% ถึงจะยุติธรรมกับเธอ”

 

“ด้วยความเคารพนะครับ สมาคมโลกวิญญาณของคุณซูตอนนี้เป็นเหมือนหม้อก้นรั่ว อยู่ในสถานะขาดทุนไม่ครอบคลุมรายได้” ฮังอวี่ส่ายหัว “ผมให้ 15% ได้ก็ถือว่าค่อนข้างใจกว้างแล้ว เพราะยังไงซะ สมาคมมังกรฟ้าของผมสามารถพัฒนาให้กลายเป็นไก่ที่สามารถออกไข่ได้ตลอดไป”

 

ซูหยุนปิง “ขั้นต่ำ 25%!”

 

“ไม่ 15% ก็คือ 15%!”

 

ซูหยุนปิงกับ ฮังอวี่เถียงกันอย่างดุเดือดเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

 

ซูเจิ้งเฉิงเห็นได้ชัดมากๆว่าต้องการช่วยให้ซูหยุนปิงได้รับส่วนแบ่งมากกว่า 20% ขึ้นไป ดูเหมือนนี่จะเป็นขีดจำกัดต่ำสุดที่เขายอมรับได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพูดอะไรไป ฮังอวี่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เลย

 

ดูเหมือนว่าจะถึงทางตัน

 

สุดท้าย ฮังอวี่ยอมลดราวาศอก เขาสัญญาว่าจะให้หุ้นซูหยุนปิง 15% และหุ้นในอนาคตอีก 5%

 

ซูหยุนปิงเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็นกำไรสูงสุดที่เธอจะได้รับจากฮังอวี่แล้ว

 

“ยินดีต้อนรับอาจารย์ซูสู่ตำแหน่งคณะกรรมการและ CEO ของกลุ่มมังกรฟ้า!”

 

“ผมหวังว่าอาจารย์ซูจะนำทีมกลั่นโพชั่นมาที่นี่โดยเร็วที่สุด อย่างที่อาจารย์รู้ ร้านโพชั่นมังกรฟ้าของเราพึ่งเปิด และตอนนี้อัตราเร็วในการผลิตเป็นปัญหาใหญ่!”

 

โพชั่นขายหมดเร็วเกินไป

 

หน่วยกลั่นโพชั่นของเขาทำงานล่วงเวลาตั้งหลายวัน

 

แต่สุดท้ายกลับขายหมดในเวลาไม่ถึงวันเดียว

 

ทีมกลั่นโพชั่นของฮังอวี่ไม่สามารถไล่ตามความเร็วในการบริโภคของลูกค้าได้

 

ตอนนี้หากได้รับทีมกลั่นโพชั่นของอาจารย์ซูมา มันจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก และสามารถพูดได้ว่าช่วยบรรเทาความต้องการของผู้บริโภคไปได้เยอะ!

 

สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว

 

ซูหยุนปิงทำได้เพียงย่นจมูกและยอมรับว่า “แล้วเรื่องหวงหยุนหลงนายจะจัดการยังไง?”

 

“อาจารย์ซูไม่ต้องกังวล พวกเราเปรียบเสมือนตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเดียวกันแล้ว ธุระของอาจารย์ก็เหมือนธุระของผม ปัญหาของคุณคือปัญหาของผม ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง วางใจได้” แต่เมื่อพูดแบบนี้ จู่ๆดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย “เหอ เหอ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ดูเหมือนพวกเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ …. ”