โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.211 – มุ่งหน้าสู่เมืองไห่

 

“ผู่ว่าการฉิน ฉันไม่อยากแยกทางกับคุณจริงๆ หวังว่าพวกเราจะได้กลับมาร่วมมือกันออกสำรวจทุ่งล่าอีกครั้ง! ” หยางซานหูไม่เต็มใจที่จะปล่อยฉินเฟิงไป ต้องทราบนะว่า ตั้งแต่มีฉินเฟิงร่วมทาง กองทัพทุ่งล่าก็ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งอัตราการเสียชีวิตยังเป็นศูนย์!

 

กระทั่งปัญหาดั่งวลี ‘กระดูกแข็งยากจะแทะ’ ก็ถูกฉินเฟิงกวาดเรียบ!

 

แม้การร่วมมือครั้งนี้ วัตถุดิบส่วนใหญ่จะตกอยู่ในมือฉินเฟิง แต่กองทัพทุ่งล่าก็ยังได้รับกำไรก้อนโต นับคร่าวๆเป็นเม็ดเงินกว่า 300 ล้านเหรียญ และนั่นคือจำนวนเงินที่พวกเขาต้องทุ่มเททำงานตลอดทั้งปี ยามจัดสรรแบ่งปันก็ได้คนละนิดละหน่อย ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ทหารในกองทัพทุ่งล่ารู้สึกชื่นชมและเคารพในฉินเฟิงเป็นอย่างมาก

 

“ถ้ามีโอกาส หรือเวลาที่เหมาะสม พวกเราจะร่วมมือกันอีกในอนาคต ว่าแต่งานประมูลในเมืองไห่ครั้งนี้ คุณจะไม่ไปจริงๆน่ะหรือ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

 

คราวนี้หยางซานหูสามารถเก็บเกี่ยวได้มากมาย ครอบครองเงินทุนในมือ ดังนั้นเหมาะสมที่จะไป

 

หยางซานหูขบคิด แต่สุดท้ายส่ายศีรษะ

 

“ลืมมันเถอะ ฉันยังมีครอบครัวใหญ่ที่ต้องดูแล ครั้งนี้คงขอผ่าน!” หยางซานหูกล่าวพลางเสยนิ้วโป้งชี้ไปยังคนในกองทัพเบื้องหลังเขา

 

ฉินเฟิงตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ไม่คิดเอ่ยชักชวนใดๆอีก

 

อย่างไรก็ตาม งานประมูลในครั้งนี้ จากประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้าของเขา มันจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่หากไม่คว้าไว้ ก็จะไม่ได้รับมันอีกเลยตราบชั่วชีวิต

 

“เอาเถอะ ผมจะไม่คะยั้นคะยอคุณ หวังว่าพวกเราจะพบกันใหม่”

 

“อ่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”

 

หยางซานหูเฝ้ามองฉินเฟิงขึ้นไปบนรถลิมูซีน ในหัวใจรู้สึกถึงความว่างเปล่า คล้ายตนพลาดบางสิ่งบางอย่างไป เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ถอนหายใจละทิ้งความคิดบ้าๆนี่ของตนไป

 

อย่างที่ทุกท่านทราบ หยางซานหูพลาดเม็ดเงินก้อนใหญ่ไปจริงๆ

 

 

สามวันต่อมา

 

เมืองไห่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เนื่องจากมันเป็นเมืองติดทะเล ด้วยกระแสน้ำและอากาศที่ถ่ายเท ทำให้ที่นี่เหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี

 

สภาพภูมิอากาศเป็นที่น่าพอใจ ดวงอาทิตย์สาดแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าที่อื่นๆ

 

อย่างไรก็ตาม เมืองไห่คือสถานที่ๆไม่มีทางกวาดล้างสัตว์ร้ายลงได้โดยสิ้นเชิง ก็อย่างว่ามันอยู่ติดทะเล และภายใต้ท้องทะเลเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับ จะมีสัตว์ร้ายผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็คงไม่แปลก

 

ทว่าหากกล่าวถึงในบรรดาสามเมือง ว่าเมืองใดคึกคักที่สุด คำตอบย่อมเป็นเมืองไห่อย่างไร้ซึ่งข้อกังขา

 

ลิมูซีนยาวขับเคลื่อนไปตามถนนสายหลัก ตามรายทางยิ่งเข้าใกล้เป้าหมาย รถศึกล่องเวหาก็จะยิ่งโผล่มาให้เห็นมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ผู้คนในรถแม้จะเห็นถึงรถศึกมากมายรอบกาย แต่ในดวงตาของพวกเขา ส่วนใหญ่แล้วไม่เผยถึงความแปลกใจแต่อย่างใด

 

นั่นเพราะช่วงเวลานี้ คือช่วงเวลาที่มีผู้คนมากมายกำลังมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับสูงจากสามเมือง หรือผู้นำของสถานชุมชนเล็กๆ –ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล E ต่างทยอยกันเดินทางมาที่นี่ อย่างน้อยก็หลัก 100 คน

 

อันที่จริงงานประมูลของกลุ่มหวันซ่งได้เริ่มต้นขึ้นไปก่อนวันหนึ่งแล้ว แต่เป็นงานประมูลของผู้ใช้พลังเลเวล G กับ F ตรงส่วนนี้ฉินเฟิงปล่อยให้ซูซิงฝูเป็นคนจัดการทั้งหมด เพราะเขาเชื่อมั่นในความสามารถของอีกฝ่าย

 

ภายในเมืองไห่

 

หน้าล็อบบี้ของโรงแรมสุดหรู ฉินเฟิงควงไป๋หลีก้าวเข้ามา ทั้งสองดึงดูดความสนใจจากทุกคนทันที ฝูงชนเริ่มคาดเดา ว่าเขาและเธอเป็นใคร

 

หนึ่งเป็นหนุ่มหล่อ ดูดี มีท่าทีแข็งแกร่งและกล้าหาญ อีกหนึ่งเป็นสาวสวยที่เพียงมองก็สัมผัสได้ถึงความเจิดจรัสและเฉิดฉาย

 

นี่ทำให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆนาๆ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มระแวดระวัง

 

“มิสเตอร์ นี่คือคีย์การ์ดห้องของคุณ กรุณารับมัน ทางเรามีบริการบุฟเฟ่ต์เตรียมไว้ให้คุณในทุกๆวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณสามารถสั่งอาหารให้ไปเสิร์ฟถึงห้องได้เช่นกัน และในระหว่างช่วงเวลาพัก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณ จะถูกดูแลโดยกลุ่มหวันซ่ง!”

 

พนักงานสาวในเคาท์เตอร์กล่าวอธิบายฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มแย้ม ยื่นคีย์การ์ดห้องพักที่ใส่ไว้ในบัตรอวยพรสุดหรู อีกทั้งเบื้องหลังบัตร ยังมีหมายเลขอุปกรณ์สื่อสารของเธอเขียนเอาไว้ พร้อมประทับรอยลิปติกข้างๆ

 

“ขอบคุณ” ฉินเฟิงรับบัตรอวยพรมา ละความสนใจจากเบอร์ของเธอโดยสิ้นเชิง และส่งมันให้กับไป๋หลี

 

“ที่รัก โรงแรมอยู่ติดทะเล พวกเราไปอาบแดดกันเถอะ ฉันอยากอวดชุดว่ายน้ำให้ที่รักดูจะแย่อยู่แล้ว!”

 

ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “โอเค งั้นไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำกันก่อน”

 

ไป๋หลีไม่ทราบเลยว่ามีใครบางคนกำลังขยี้เท้าอยู่เบื้องหน้าเธอ ขณะที่เธอกำลังลากฉินเฟิงเข้าห้องด้วยความสุข สายตาของพนักงานสาวก็คอยมองตามแผ่นหลังของทั้งสองด้วยความอิจฉา ระคนเสียดายที่พลาดเหยื่อไป …

 

ที่นี่คือโรงแรมหรูหราอันดับหนึ่งในเมืองไห่ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะสร้างขึ้นใจกลางเมือง แต่ใจกลางเมืองที่ว่าแตกต่างจากเมืองอื่นๆที่เป็นจตุรัส ภายในเมืองไห่กว้างใหญ่ และพิเศษกว่านั้นมาก

 

มันมีสภาพเป็นชายหาดขนาดย่อม พื้นสีทอง เม็ดทรายละเอียดอ่อน น้ำทะเลสีคราม ใสจนสามารถก้มลงมองเห็นถึงข้างล่างได้

 

เวลานี้รอบชายหาดเต็มไปด้วยสาวสวยในชุดว่ายน้ำ ช่วยหนุนเสริมให้ทิวทัศน์ยิ่งดูงดงาม ตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น

 

ไป๋หลีพอมาถึงห้อง ก็ถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนไปใส่ชุดบิกินี่สีขาวราวหิมะ

 

ชุดว่ายน้ำช่วยขับดันทรวดทรงของเธอ เผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าอกที่ได้รับการปรับเพิ่มลดขนาดจนเหมาะสม ชวนให้ผู้คนที่เฝ้ามองสัมผัสได้ถึงเลือดกำเดาอุ่นๆที่แทบจะทะลักออกทางจมูก

 

ยังไม่พอ นอกจากชุดว่ายน้ำ เธอยังสวมชุดคลุมสีทองโปร่งแสงทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

 

ชุดคลุมดังกล่าว เมื่ออยู่ภายใต้แสงจากดวงอาทิตย์ มันโดดเด่นสะดุดตามากๆ!

 

มิใช่ใดอื่น ชุดคลุมโปร่งใสที่ว่า คือชุดคลุมที่ทำมาจากปีกของนางพญามดทองนั่นเอง!

 

หากโจวฮ่าวรู้เรื่องนี้ เกรงว่าเจ้าตัวคงกระอักเลือด

 

เพราะนี่คือปีกของเสี่ยวหวง

 

ปัจจุบันฉินเฟิงสามารถคุมเลือดกำเดาในจมูกไม่ให้ไหลได้แล้ว เนื่องจากเขาอยู่กับไป๋หลีตลอดเวลา คุ้นเคยกันดี แต่ตอนนี้บอกตามตรงว่าไป๋หลีช่างยั่วยวนและสะดุดตามากจริงๆ

 

ฉินเฟิงไม่ใช่คนที่ใส่ใจเรื่องแฟชั่นมากนัก เขาสวมเพียงกางเกงชายหาดสีฟ้าแบบเรียบๆกับรองเท้าแตะ เดินตามไป๋หลีออกจากโรงแรม มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองไห่

 

ทิวทัศน์เบื้องหน้าราวกับว่าโลกยังมิได้ก้าวสู่ยุคโลกาวินาศ มันช่างสงบสุข ให้ความรู้สึกสบาย

 

ฉินเฟิงสวมแว่นกันแดด ทิ้งตัวนอนลงบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ กลิ่นอายเดือดพล่านที่เกิดจาการต่อสู้ต่อเนื่องช่วง 2 – 3 วันก่อนที่ฝังลึกลงในกระดูก คล้ายถูกท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวชะล้างออกไปจนสิ้น

 

“ฉินเฟิง เป็นคุณจริงๆด้วย ฮ่าฮ่า” เสียงๆหนึ่งแว่วเข้ามา ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น และค้นพบว่าเป็นคนรู้จักของตน —

 

—ตันหยูแห่งกลุ่มซ่งเฉิง

 

“อ้าวตันหยู คุณเองก็มาด้วยหรือ?” แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่ฉินเฟิงไม่ได้ประหลาดใจ เพราะงานประมูลครั้งใหญ่เช่นนี้ กลุ่มมากอิทธิพลจะปรากฏตัวขึ้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังนั้นกลุ่มซ่งเฉิงมาที่นี่ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

 

“ฉันได้ยินมาว่าคุณทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากในเมืองหาน ทั้งยังได้ขึ้นเป็นเลเวล E แล้วด้วยใช่ไหม?” ในสายตาของตันหยู ปรากฏถึงร่องรอยของการสอบสวน

 

เพราะยังไงซะ ช่วงเวลาที่พวกเขาพบกันเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฉินเฟิงยังเป็นบุคคลที่กระทั่งโลโก้เลเวล F ยังไม่มี แต่ปัจจุบันก้าวขึ้นสู่เลเวล E เสียแล้ว

 

“ใช่ แต่ที่ทำได้ถึงขนาดนั้นเป็นเพราะมีผู้บัญชาการจากทางฟูเฉิงคอยช่วยเหลือ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ขอแสดงความยินดีด้วย!” ตันหยูกล่าวกับฉินเฟิง แสดงท่าทีคล้ายระแวดระวังมากขึ้น กระทั่งในน้ำเสียง ยังแฝงไว้ซึ่งความเคารพ

 

มองไปยังฉินเฟิงที่คล้ายทิ้งตัวนอนอย่างเบื่อหน่ายบนเก้าอี้ชายหาด ตันหยูเผยยิ้มและกล่าว “คุณต้องการให้ฉันช่วยหาสาวๆมาบริการไหม หรือจะเลือกชี้ที่ถูกใจเลยก็ได้ ฉันช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ได้ โดยไม่มีใครกล้าคัดค้าน เพราะทางกลุ่มของพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเมืองไห่!”

 

“แล้วไอ้ที่ว่าบริการน่ะ มันบริการอะไร?” เสียงอันแผ่วเบาแต่น่าสยองขวัญดังขึ้น

 

ตันหยูหันหน้าตามเสียง และพบกับร่างของไป๋หลี แสงสีทองสะท้อนมาจนเขาต้องหรี่ตาลง

 

ใบหน้าของไป๋หลีเป็นสิ่งที่หากได้มองเพียงครั้งก็จะไม่มีวันลืมเลือน ตันหยูเองก็เช่นกัน ยิ่งพอได้เห็นชุดคลุมสีทองของเธอที่แผ่รังสีแสงสีเงินออกมา เขาก็คิดในใจทันทีว่าฉินเฟิงชักจะเอาใจแฟนสาวคนนี้มากเกินไปแล้ว!

 

มุมปากของเขากระตุก ยกมือปัดป่ายไปมาอย่างร้อนรน “ไม่ ไม่มีอะไร!”

 

ไป๋หลีจ้องตันหยูพักหนึ่ง กล่าวได้ว่าบางครั้งสัญชาตญาณเธอเป็นเลิศ แต่บางครั้งก็โก๊ะอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ที่รัก ไปเล่นวอลเลย์บอลชายหาดกัน!” ไป๋หลีเอื้อมมือไปลากฉินเฟิงขึ้นมา พลางชี้ไปข้างหลังและกล่าว “หนุ่มๆกลุ่มนั้นชวนฉันไปเล่นด้วย”

 

ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นหม่นทะมึน!