โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.200 – หลินเซิงเฉลิมฉลอง

 

ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ภายในสถานชุมชนเฉิงเป่ย บางสถานที่ยังคงสว่างไสว คึกคักมีชีวิตชีวา

 

และสถานที่นี้ คือย่านโคมแดงของสถานชุมชนเฉิงเป่ย ตั้งอยู่ในพื้นที่สลัม ทว่ามั่งคั่งไปด้วยเงินตรา!

 

—คลับอินทรี!

 

หลังจากการตายของเจียงเส้าหยาง สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงคึกคัก แม้จะไม่มีเจียงเส้าหยางแล้ว แต่มันก็ยังมีเจ้านายคนที่สอง คนที่สาม เข้ามาแทนที่

 

แม้ก่อนหน้านี้ซูซิงฝูจะยึดคลับอินทรีไป แต่สุดท้ายก็ถูกชิงกลับมาในภายหลังโดยหลินเซิงที่ใช้เส้นสายต่างๆนาๆ

 

เวลานี้ หลินเซิงนั่งอยู่ในชั้นบนสุดของคลับ เฝ้ามองทิวทัศน์ของสถานชุมชนเฉิงเป่ย สัมผัสได้ถึงสายลมเย็นยามค่ำคืน รอบกายเขาห้อมล้อมไปด้วยสาวๆสวยๆ ช่างดูผ่อนคลายและแสนสุข

 

ปกติแล้วน้อยครั้งนักที่หลินเซิงจะมาที่นี่

 

เขามีหญิงสาวติดพันหลายคนก็จริง แต่มีลูกชายเพียงคนเดียว ทว่าตนยังคงแข็งแรง ฉะนั้นเอาไว้มีลูกเพิ่มอีกในภายหลังก็ได้

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นรอง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ในวันนี้เขาได้ล้างแค้นสมใจ นั่นเองคือเหตุผลที่เขามาเที่ยวเล่นในคลับอย่างสบายอารมณ์ และสนุกไปกับมัน

 

“ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ฉินเฟิง เป็นแกเองนะที่แส่หาเรื่องใส่ตัว!” หลินเซิงหัวเราะร่า

 

หลังจากได้ยินข่าวว่าฉินเฟิงเดินทางสู่เมืองเฉิงหยางแล้ว หลินเซิงก็อยู่ในห้วงอารมณ์สุขสมตลอดเวลา

 

“ท่านรองผู้ว่าการ มาดื่มกันเถอะค่ะ ดื่มอีกแก้ว!” สาวงามแต่ละคนที่รายล้อมหลินเซิงเผยรอยยิ้มแย้ม

 

“ใช่ค่ะ ท่านรองผู้ว่าการอย่าปล่อยให้เรื่องพวกนี้มารบกวนจิตใจเลย มาดื่มกันเถอะเจ้าค่ะ!”

 

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้มาดื่มเพียงลำพัง เวลานี้รอบกายเขา นอกจากสาวๆแล้ว ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ใช้พลังอีกเลเวล F อีกกว่า 4 – 5 คน

 

แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล F2 F3 และทั้งหมดค่อนข้างมีอายุ ไม่มีศักยภาพหรือพรสวรรค์พอที่จะเลื่อนไปยังระดับต่อไป หากไม่ใช้ทรัพยากรเป็นตัวช่วย

 

—แม้หลินเซิงจะสูญเสียเหอหลีและเจียงเส้าหยางไป แต่เขาก็ยังมีลูกน้องอีกหลายคน

 

ถึงคนเหล่านี้หากเทียบกับฉินเฟิงในปัจจุบัน จะเป็นแค่ก้อนโคลนริมทาง ไม่มีกระทั่งสิทธิ์มายืนขวางฉินเฟิง ทั้งยังเกรงว่าจะถูกฉินเฟิงเหยียบย่ำเป็นเค้กเหลวในพริบตา

 

แต่ก็แล้วมันจะทำไม? ในเมื่อฉินเฟิงคงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!

 

ที่กล่าวมาข้างต้นคือสิ่งที่หลินเซิงคิด

 

อย่างไรก็ตาม เวลานี้พวกเขาไม่ทราบเลย ว่าแผนการตนที่ยืมมือตระกูลซินกำจัดฉินเฟิง จะไม่เป็นไปอย่างที่คิด

 

หากอิงตามเวลาปัจจุบัน นับตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตระกูลซินมีสภาพราวกับตกอยู่ในนรก และสองชั่วโมงต่อมา การต่อสู้ก็สิ้นสุดลง … ผลลัพธ์คือพวกเขาพินาศลงอย่างสิ้นเชิง

 

แต่ไม่มีใครส่งข่าวนี้ให้แก่หลินเซิงเลย

 

และลูกน้องคนอื่นๆของเขา ก็ไม่ได้รับการติดต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสารเช่นกัน

 

ท่ามกลางการต่อสู้อันโกลาหล ไม่มีใครมัวสนใจใคร ทั้งตระกูลซินเอง ยังมีเหตุผลมากมายที่จะเกลียดหลินเซิง

 

ระหว่างที่พวกเขากำลังเมามาย รถล่องเวหาสุดหรูก็ขับเข้าสู่ย่านสลัม บินข้ามหัวคนยากคนจน มาถึงหน้าประตูทางเข้าคลับอินทรีอย่างสง่าผ่าเผย ไม่คิดปกปิดร่องรอยแต่อย่างใด

 

รถคันนี้ เพียงมองแวบแรก ใครๆก็สามารถรู้ได้ทันที ว่ามันมีค่ามาก และจำเป็นต้องได้รับการถนอมเป็นอย่างดี

 

ดังนั้นการแสดงออกและทัศนคติที่กำลังจะแสดงต่อคนข้างใน จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ

 

หน้าทางเข้าคลับ ยามเฝ้าประตูเลเวล G ให้ความสนใจกับผู้มาเยือน เขาฉีกรอยยิ้มสดใส เดินเข้าไปใกล้ๆรถ แต่จู่ๆก็เกิดลังเลขึ้นมา ว่าสมควรที่จะยื่นมือออกไปเปิดประตูให้แขกตามมารยาทดีหรือไม่ … เขากลัวว่าจะทำรถเสียหายแล้วไม่อาจชดใช้ได้

 

แต่ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นถึงวัยรุ่นชายคนหนึ่ง

 

บนตัวเขาสวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง แนบชิดกับร่างกายที่ดูบึกบึนและแข็งแรง ใบหน้าคมคายเห็นเหลี่ยมเห็นมุมชัดเจน โดยเฉพาะคู่ดวงตา มันคมชัดเป็นอย่างมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ที่ไม่อาจละสายตาไปได้เลย คือใบหน้าของเขา

 

ทันทีที่เห็นวัยรุ่นคนนี้ ยามเลเวล G ถึงขั้นผงะตกใจ ร่างกายสั่นเทาชักฝีเท้าถอยหลังอย่างไม่อาจควบคุม

 

“กะ .. แก … แกมันไอ้จิ้งจอกคลั่ง อ๊าาาา!” ชายคนนั้นกรีดร้องคำหนึ่ง ทั้งในเวลาเดียวกันก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายในปัจจุบันมีสถานะที่แตกต่างไปจากเดิมแล้ว

 

ฉินเฟิงมองไปยังชายคนนี้ และเขายังคงจดจำได้ดี เพราะนี่คือหนึ่งในนักฆ่าของเจียงเส้าหยางที่เคยออกไล่ล่าตน

 

ชายคนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว และวินาทีต่อมาก็ตัดสินใจตบปากตัวเองอย่างแรง

 

เพี๊ยะ!

 

“ผู้ว่าการฉิน ปากกระผมมันไม่ดี ดังนั้นกระผมขอลงโทษตัวเองที่หยาบคาย!”

 

ฉินเฟิงถอนสายตาไปอีกทาง เอ่ยถามเสียงเย็น “หลินเซิงอยู่ที่ไหน?”

 

“ท่านต้องการอะไรจากรองผู้ว่าการหลิน?”

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก?”

 

“มะ .. ไม่เกี่ยวขอรับ!” ชายคนนั้นเร่งตอบ ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก ยอมสารภาพตามตรง “ตอนนี้รองผู้ว่าการหลินอยู่บนชั้นแปด ห้องที่ 808 กระผมจะเป็นคนนำทางให้ท่านเอง!”

 

ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ

 

ไป๋หลีลุกขึ้นจากที่นั่งข้างคนขับ มายืนเคียงข้างฉินเฟิง ควงแขนเขา

 

ฉินเฟิงเอ่ยปาก “ยังไม่รีบนำทางอีก!”

 

ชายคนนั้นพลันตื่นจากห้วงฝัน ก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

 

ระหว่างทาง ผู้คนโดยรอบต่างมองฉินเฟิงและไป๋หลีด้วยความอยากรู้อยากเห็น บ้างเกิดความสงสัย บ้างแสดงออกถึงความตื่นเต้น บ้างหวาดกลัว

 

ไป๋หลีเมื่อเห็นผู้คนมากมายจ้องเธอ บ้างชี้ไม้ชี้มือซุบซิบนินทา บนหน้าผากก็เริ่มเกิดรอยยับย่น ดังนั้นเธอจึงหยิบตราผู้ใช้พลังขึ้นมา

 

“ที่รัก ฉันรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะสร้างปัญหาให้กับเรา ฉะนั้นนำมันออกมาดีกว่า”

 

“สร้างปัญหาอย่างงั้นหรือ? ตอนนี้ยังมีใครกล้ามาก่อกวนพวกเราอีก เป็นเราต่างหากที่จะมาสร้างปัญหาให้พวกเขา!”

 

ฉินเฟิงเดินทางมาในครั้งนี้ อันที่จริงก็มาเพื่อสร้างปัญหาจริงๆนั่นแหละ

 

แต่ไป๋หลีกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เวลามาเดินในสถานชุมชน บางครั้งก็ต้องเผยถึงความแข็งแกร่งที่ตนครอบครอง มิฉะนั้นอาจมีพวกหมาแมวเข้ามาตอแยได้

 

ฉินเฟิงยกนิ้วขึ้น ปรากฏตราสัญลักษณ์เลเวล E กลางอากาศ ประทับลงบนหน้าอกเขาทันใด

 

พริบตานั้นบางคนที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฉินเฟิง พลันหุบปากเงียบ บ้างถึงขั้นก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ ไม่กล้ามองมาทางฉินเฟิงอีก

 

เพราะตรงหน้าพวกเขาคือเลเวล E!

 

ตัวตนสูงสุดบนยอดปิรามิดของสถานชุมชน! เป็นความแข็งแกร่งที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะครอบครอง

 

ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า เดินผ่านห้องโถงเคียงคู่กับไป๋หลี จนกระทั่งหายเข้าไปในลิฟต์

 

เมื่อพวกเขาหายลับไป ตลอดทั้งห้องโถงราวกับหม้อน้ำเดือด เกิดเสียงฮือฮาอึงอลไปทั่ว!

 

ข่าวเรื่องที่ว่าฉินเฟิงก้าวขึ้นสู่เลเวล E ยังไม่แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง แต่พวกเขาทั้งหมดพอตระหนักเองได้ ว่าการมาเยือนของฉินเฟิงในครั้งนี้ ไม่ได้มาดี

 

หลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

 

พวกเขาสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครกล้าตามฉินเฟิงไป

 

ในที่สุด ฉินเฟิงก็มาถึงหน้าห้อง 808 มันเป็นประตูที่ถูกตกแต่งด้วยสีทองจรัส เพื่อปิดกั้นเสียงจากภายใน

 

ฉินเฟิงไม่คิดมีมารยาทในการเคาะประตูแต่อย่างใด เขายกขาขึ้นและเตะตู้ม! อย่างไม่ลังเล

 

ด้วยพละกำลังของผู้ใช้วรยุทธโบราณ ประตูไม้เนื้อหนาที่ฝังไว้ด้วยฉนวนกันเสียงอย่างดีเยี่ยม ก็ถูกเตะร่วงลงกับพื้น

 

โครม!

 

เสียงดังสนั่นทำให้ผู้คนที่กำลังสนุกสนานอยู่ข้างในตกใจ เนื่องจากภายในเป็นห้องส่วนตัว ดังนั้นมันค่อนข้างมืดสนิท เมื่อแสงจากภายนอกสาดเข้ามาอย่างกระทันหัน ดวงตาเลยพร่ามัว ทำให้เห็นแค่ร่างเงาดำๆของฉินเฟิงทอดยาวเข้ามา

 

ทว่า .. เมื่อเขาก้าวเข้ามา เค้าโครงใบหน้าก็เริ่มสามารถมองเห็นได้จนชัดเจน

 

“นั่นฉินเฟิง!”

 

บางคนร้องอุทาน ชื่อนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังมีความสุขในห้องส่วนตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก ลดศีรษะลง มีกระทั่งถอยหลังออกไป เพื่อไม่ต้องการให้ฉินเฟิงมองเห็นตัวตนของเขา

 

สายตาดุร้ายของฉินเฟิงกวาดมองหน้าฝูงชน และในที่สุดเขาก็พบหลินเซิง

 

เวลานี้ตลอดทั้งใบหน้าของหลินเซิงตะลึงงัน เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงดัง “ทำไมกัน … ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้! ไม่ใช่ว่าแกเดินทางไปคฤหาสน์ตระกูลซินหรอกหรือ ไม่ใช่ว่าถูกจับ–”

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้ม กล่าวแดกดัน “แกกำลังจะบอกว่า ไม่ใช่ว่าฉันถูกตระกูลซินจับฉีกเป็นชิ้นๆแล้วใช่ไหม? แล้วกลับมาได้ยังไงกัน!”

 

หลินเซิงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว รับรู้ได้เพียงความหวาดกลัว , ตื่นตระหนก , ตะลึง ซ้อนทับกันในจิตใจ

 

“แก ไม่เป็นอะไรเลย?”

 

หลิวเซิงกล่าวเสียงแข็งกระด้าง

 

“รองผู้ว่าการหลิน ทำไมถึงคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะ ไปรู้เรื่องอะไรมารึไง?”

 

หลินเซิงตกใจ เร่งโพล่งขึ้นทันใด “กะ … แกพูดเรื่องอะไร อย่ามาใส่ความกันนะ!”