โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.184 – ร่างมนุษย์ทดลองหมายเลข 051

 

ไม่นาน ฉินเฟิงก็เดินมาถึงแลปในส่วนสำคัญที่สุดของฐานทดลอง

 

เป็นห้องกักขัง

 

ภายในแลปเต็มไปด้วยเขี้ยวทารกที่ถูกขังอยู่ในตู้กระจก แต่ละตัวถูกจับแยกคนละห้อง ทั้งยังอยู่ในระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นมาเพื่อปรับให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ของยีนที่ผสมลงไปในตัวเขี้ยวทารกโดยเฉพาะ

 

จ้องมองไปยังสัตว์ร้ายตัวน้อยๆเหล่านี้ สีหน้าของฉินเฟิงก็เริ่มมืดมนยิ่งกว่าเดิม

 

โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย กลิ่นอายแห่งความมืดเริ่มแทรกซึมเข้าไปตามห้องกระจกแต่ละห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว เขี้ยวทารกติดเชื้อ ถูกปนเปื้อนโดยรูนมืดทันใด และหมดลมหายใจในเวลาต่อมา

 

ยังไม่พอ เปลวไฟพลันลุกพรึบ เผาศพของพวกทารกน้อย ทุกย่างก้าวของฉินเฟิง เขาเดินผ่านไปที่ใด ห้องกระแก้วแก้วสองฟากฝั่งจะลุกเป็นไฟ ทุกคนทราบดีว่ากำลังคิดทำลายผลงานทดลอง แต่ก็ไม่อาจหยุดได้

 

“คุณ .. คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงต้องทำลายงานทดลองของพวกเราด้วย?” นักวิจัยถามเสียงสั่น

 

ในแววตาของฉินเฟิง ทอประกายรังเกียจ

 

“มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ที่ต้องทำลายงานทดลองขององค์กรมืด? ถามว่าฉันเป็นใครยังฟังดูฉลาดกว่าที่ถามว่าทำไมต้องทำลายมันซะอีก!” ฉินเฟิงกล่าว

 

นักวิจัยตะโกนสวนกลับ “ไม่ใช่! พวกเราไม่ใช่องค์กรมืด ที่นี่เป็นแค่ฐานทดลองธรรมดา!”

 

“ฐานทดลองธรรมดา? ฐานที่มีไว้เพื่อวิจัยเรื่องมนุษย์กลายพันธุ์ , ส่งคนดักปล้นกองคาราวานที่เพิ่งผ่านทางไป , ทำการทดลองกับมนุษย์จริงๆ ทำแม้กระทั่งลักพาตัวผู้ใช้อบิลิตี้ … ทำเรื่องชั่วร้ายมากมายถึงขนาดนี้ แล้วจะให้ฉันเชื่ออีกหรือว่าพวกแกไม่ใช่องค์กรมืด กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง!”

 

อารมณ์ของฉินเฟิงเดือดพล่าน เริ่มสาวเท้าเข้าหานักวิจัย

 

“อ๊า อย่าเข้ามา!!”

 

ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของฉินเฟิง ความกล้าหาญที่มีของอีกฝ่ายถูกทุบทำลายลง นักวิจัยกรีดร้อง ยิงอาวุธในมือออกไป แต่มันเป็นแค่ปืนยาสลบ

 

ฉินเฟิงไม่หวั่นเกรงใดๆ เพียงก้าวไปข้างหน้า เอียงคอเล็กน้อยปล่อยให้ลูกดอกยาสลบพุ่งผ่านไป

 

เขาก้มหน้าลงบนนักวิจัย ปากเอ่ยถาม “แกทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไป ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังมาอ้างกับฉันว่าเป็นแค่ฐานทดลองธรรมดาอีก อย่าบอกนะว่าต่อจากนี้ไป แกจะยกคำมาอธิบายมาบอกกับฉัน ว่ากำลังทำการทดลองที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน!”

 

นักวิจัยกลุ่มนี้ พอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มกลายเป็นคลั่งไคล้ทันที

 

“ถูกต้อง! การทดลองของพวกกเรา มีไว้เพื่อส่งเสริมวิวัฒนาการของมนุษย์ เพื่อชิงเอาโลกกลับคืนมา และปิดรอยแยกมิติในอนาคต พวกเราคือพระเจ้าผู้รังสรรค์มันให้เกิดขึ้น!”

 

“ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด!”

 

“ทำไมคุณถึงต้องขัดขวางพวกเราด้วย? คุณสมควรที่จะเข้าร่วมกับพวกเราต่างหาก!”

 

บนหน้าผากของฉินเฟิงเริ่มปรากฏริ้วรอยเหี่ยวย่น

 

‘การทดลองที่ยิ่งใหญ่’ นี่เป็นคำที่ฉินเฟิงเคยได้ยินมาจากนักวิจัยในห้องทดลองจากสถานชุมชนเฉิงเป่ย

 

แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าพอเปล่งมันออกไป คนเหล่านี้จะตอบกลับด้วยความตื่นเต้นทันที คล้ายยังคงพยายามคิดหลอกลวงฉินเฟิงด้วยเรื่องไร้สาระเช่นนี้

 

ไป๋หลีที่ติดตามฉินเฟิงตลอดมา เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็เอ่ยปาก “ที่รัก พวกเขาอาจถูกสะกดจิตก็ได้นะ”

 

ฉินเฟิงจ้องมองไปที่คนเหล่านั้น ในสมองขบคิด : หากเป็นอย่างที่ไป๋หลีบอกจริงๆ เกรงว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนกับการสะกดจิตทั่วๆไป แทบจะกลายเป็นบ้าแบบนี้ คงไม่พ้นถูกล้างสมองแน่นอน

 

“งั้นพวกแก ทำไมถึงไม่ทำการทดลองกับตัวเองล่ะ” ฉินเฟิงเริ่มใจเย็นขึ้น

 

คนเหล่านี้ แม้จะมีท่าทีคลุ้มคลั่ง แต่สุดท้ายพอถูกจี้ใจดำก็หลบเลี่ยงสบตากับฉินเฟิง

 

ทดลองกับตัวเอง? เปลี่ยนสภาพจนกลายเป็นสัตว์ร้ายก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิงอะนะ … แบบนั้นมีใครบ้างเล่าอยากจะทำมันกับตัวเอง!! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอายุขัยที่จะลดลงหลังจากใช้งานมันอีก!

 

ชีวิตของพวกเขามีค่ามาก เป็นนักวิจัยเพื่ออนาคตของโลก ฉะนั้นพวกเขาจะทำมันได้อย่างไร? งานทดลองน่ะใช้พวกที่สมองมีแต่กล้ามเนื้อก็ถูกแล้ว แบบนั้นจึงจะเหมาะสมกว่า

 

ฉินเฟิงพอเห็นท่าทีของคนเหล่านี้ เขาก็แสยะยิ้มเย็นทันใด

 

“ถึงจะถูกล้างสมอง แต่ในเรื่องที่พูดว่าตนเป็นพระเจ้า เหมือนจะมาจากจิตสำนึกของพวกแกจริงๆสินะ”

 

ฉินเฟิงเริ่มก้าวต่อ ตู้กระจกสองฟากฝั่งเริ่มลุกไหม้อีกครั้ง เขี้ยวทารกทั้งหมดถูกสังหารจนหมดสิ้น

 

ในขณะที่กลุ่มนักวิจัยภายในห้อง ชักฝีเท้าถอยก้าวแล้วก้าวเล่าจนมาถึงอีกฟากประตูหนึ่ง

 

ในเวลานั้นเอง ประตูของอีกห้องหนึ่งพลันเปิดออกโดยอัตโนมัติ เหลียวหลังมองประตูนี้ เหล่านักวิจัยก็แสดงออกถึงความหวาดกลัว ทว่าเมื่อสลับมองฉินเฟิงตรงหน้า พวกเขาก็ตัดสินใจกระโจนเข้าไปข้างในทันที เพราะท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีใครน่ากลัวไปกว่าฉินเฟิงอีกแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เพียงก้าวเท้าเข้าไปข้างใน ก็บังเกิดเสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น พริบตาเดียวกลิ่นอายของเลือดฟุ้งกระจายไปทั่ว

 

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน ภายใต้ระยะการรับรู้ของเขา มีหรือตนจะไม่ทราบว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน

 

อย่างไรก็ตาม เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว

 

ฝีเท้ายังมั่นคงหนักแน่น ก้าวเข้าสู่ห้องทดลองโซนต่อไป

 

ร่างทดลองภายในที่แห่งนี้ เมื่อเทียบกับเขี้ยวทารกห้องก่อนแล้ว มันน่าสยดสยองยิ่งกว่ามาก

 

เพราะน่ากลัวว่าคนเหล่านี้จะเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่คงถูกดัดแปลง ไม่ก็ฉีดยาหลายแขนงเข้าไป จนไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว

 

ครืน ครืน ..!

 

แผงโต๊ะควบคุมจู่ๆก็สาดแสงสว่าง สิ่งมีชีวิตที่ถูกขังอยู่เบื้องหลังกระจกทดลองถูกปล่อยตัวออกมา

 

มนุษย์กลายพันธุ์บางตัวสามารถตื่นขึ้นได้ทันที ทว่ามิอาจประคับประคองสติ กระทั่งนักวิจัยที่อยู่ด้วยกันกับพวกมันมานานยังถูกจับฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอกอย่างฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงกลายเป็นเป้าหมายล่าสังหารของกลุ่มมนุษย์ทดลองทันที

 

มนุษย์ทดลองรูปร่างแปลกตา ตัวแล้วตัวเล่ากระโจนเข้าหาฉินเฟิง

 

“พรมโลกันต์!”

 

ในพริบตาเดียว ห้องทดลองพลันกลายเป็นทะเลเพลิง เครื่องจักรนับไม่ถ้วนส่งเสียงหึ่งหึ่ง หลังจากถูกท่วมด้วยเปลวเพลิง เครื่องจักรก็พังลง ขณะเดียวกัน มนุษย์กลายพันธุ์หลายคนก็มิอาจฝืนยืน ทำได้เพียงกรีดร้องน่าเวทนา

 

เพราะคนเหล่านี้แม้จะถูกดัดแปลงยีนของราชันย์สัตว์ร้าย แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเป็นแค่ตัวทดลองด้อยคุณภาพ

 

แม้จะมีจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ไม่คณามือของฉินเฟิง มีดกษัตริย์ครามสะบั้นสังหารลงทีละคน ทีละคน

 

ในเวลานั้นเอง เสียงของศาสตราจารย์หวางก็ดังผ่านลำโพงขยายเสียงที่ยังไม่พังลง

 

“สารเลว! หมายเลข 051 ไปฆ่ามันซะ ตราบใดที่แกฆ่ามันได้ ฉันจะปล่อยให้แกเป็นอิสระ!”

 

สายตาของฉินเฟิงกวาดไปตลอดทั้งห้องทดลอง แล้วเขาก็พบกับห้องกระจกแก้วที่ตั้งอยู่ลึกสุด เวลานี้ ประตูกระจกแก้วที่สูงจากพื้นจรดเพดานพลันถูกเปิดออก อย่างไรก็ตาม ร่างมนุษย์ทดลองภายในห้องยังไม่ยอมออกมา

 

เมื่อไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางสายตา ฉินเฟิงที่กำลังเฝ้ามองก็ค้นพบว่าอีกฝ่ายเป็นชายที่มีเอกลักษณ์ค่อนข้างแปลก

 

บนหัวเต็มไปด้วยผมหลากสีสัน ริมฝีปากเป็นสีดำ เล็บสีเขียว มองรวมๆแล้วแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว

 

รูปลักษณ์ของชายคนนั้นไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงยีนสัตว์ร้ายในตัวเขาเลย แต่ถึงกระนั้นลมหายใจของเขากลับปลดปล่อยกลิ่นอายของราชันย์สัตว์ร้ายออกมา และที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเลเวล E !

 

ได้ยินถึงเสียงของศาสตราจารย์หวาง เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แนวสายตาตกลงบนร่างของฉินเฟิง

 

“จะไม่โกหกกันใช่ไหม?” ชายที่ชื่อ 051 เอ่ยปาก

 

“แน่นอน ฉันไม่เคยกลับคำพูด!” ศาสตราจารย์หวางร้องตะโกน ยืนยันหนักแน่น

 

051 เชื่อคำศาสตราจารย์หวาง เขาผุดลุกขึ้น ค่อยๆก้าวเดินออกมา

 

ปัจจุบันฉินเฟิงถึงค่อยสามารถเห็นอีกฝ่ายได้อย่างเต็มตา เขาพบว่าศัตรูของตนค่อนข้างเตี้ย ทุกย่างก้าวก็แผ่วเบา คล้ายไม่รีบร้อนหรือขาดสติแต่อย่างใด และที่สำคัญคือทุกก้าวไม่ปรากฏเสียงฝีเท้าใดๆเลย

 

“หือ?” สายตาของ051ตกลงบนร่างของไป๋หลี แววตาทอประกายสงสัย “เธอเองก็เป็นร่างทดลองขั้น 2 เหมือนกันหรอ แต่ดูสมบูรณ์แบบมากเลย!”

 

ไป๋หลีขมวดคิ้ว “ร่างทดลองขั้นที่ 2? นั่นมันหมายความว่ายังไง”

 

051 กล่าวด้วยความยิ้ม “ก็เหมือนกับฉัน พวกเรายังสามารถรักษารูปลักษณ์มนุษย์ แต่คงไว้ซึ่งความสามารถของสัตว์ร้าย!”

 

ไป๋หลีมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน ตนใช้ทักษะเปลี่ยนรูป เลยดูเหมือนอยู่ในร่างมนุษย์ได้ต่างหาก เจ้าคนตรงหน้าช่างพูดจายากจะเข้าใจจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเริ่มตื่นตัว

 

เพราะท่ามกลางความเงียบสงัด รูนสีเขียวจากอีกฝ่ายค่อยๆผุดออกมา และรูนเหล่านั้นกำลังแพร่กระจาย ลอยขยายไปทั่วบริเวณ แปรสภาพบรรยากาศโดยรอบให้กลายเป็นสีเขียว

 

“นี่มันพิษ!” ฉินเฟิงตระหนักได้ในทันที

 

“ถูกต้อง ความสามารถของฉันคือพิษ มันคือพลังพิเศษของหนูหลากสี!”