โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ EP.170 – ร่วมมือ

 

หากผู้ใช้พลังเลเวล E ต้องการมอบความบันเทิงแก่ใครสักคน ความบันเทิงที่ว่าแน่นอนย่อมไม่ธรรมดา แม้ชิหลงจะเป็นมือปืนเลเวล E ก็ตาม แต่เขาก็มีของดีๆไว้ในครอบครองมากมาย

 

บนโต๊ะอุดมไปด้วยอาหารหรูหรา นอกจากนี้ยังเป็นอาหารที่เปี่ยมโภชนาการสำหรับผู้ใช้พลังเลเวล F หากเป็นคนอื่นได้มองมัน คงอดน้ำลายสอไม่ได้

 

แตใบหน้าของฉินเฟิงกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขากินไปอย่างละนิด อย่างละหน่อยเท่านั้น

 

ในทางตรงกันข้าม เป็นไป๋หลีที่ไม่เอ่ยคำใดเลย เมื่อมาถึงโต๊ะ ก็จัดการแช่ตัวเอง จมอยู่กับอาหาร เพลิดเพลินไปกับมัน ยัดทุกสิ่งเข้าใส่ปากน้อยๆไม่ยอมหยุด

 

ชิหลงกวาดสายตาลงบนร่างของไป๋หลี ชำเลืองมองตรงหน้าอกของอีกฝ่าย แม้วันนี้เขาจะไม่ได้เห็นไป๋หลีลงมืออะไรมากมาย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฝีมือของฉินเฟิงซะมากกว่า แต่สาวน้อยคนนี้ก็เป็นเลเวล F เช่นกัน ดังนั้นชิหลงไม่กล้าดูถูก!

 

อาหารมื้อค่ำได้จบลง แน่นอนว่าความสนใจของฉินเฟิงไม่ได้อยู่ที่การกินอาหาร ในที่สุดชิหลงก็เอ่ยจุดประสงค์ของเขา

 

“วันนี้มิสเตอร์ฉินไม่ได้เข้าร่วมภารกิจของผู้ใช้พลัง แต่เมื่อเทียบกับทีมต่างๆที่เข้าร่วมภารกิจ มิสเตอร์ฉินเพียงลำพังกลับทำได้ดียิ่งกว่า อบิลิตี้ของมิสเตอร์ฉินทรงพลังมากซะจนทำให้ฉันยังรู้สึกละอาย … แต่ว่านะ ความแข็งแกร่งของมนุษย์เพียงลำพังน่ะ ยังไงก็ย่อมมีขีดจำกัด!”

 

ฉินเฟิงรับฟังคำกล่าวของชิหลงอย่างเงียบๆ เขาผงกศีรษะตอบ “อ่า เรื่องนั้นผมเองก็ทราบดี”

 

แต่ถึงจะรู้ สำหรับฉินเฟิง การทำงานเป็นทีมมีแต่จะคอยฉุดแข้งฉุดขาเขา

 

ชิหลงเมื่อเห็นว่าฉินเฟิงมิได้โต้แย้ง ก็เอ่ยต่อ “หากมีใครร่วมมือกับมิสเตอร์ฉิน ฉันคิดว่ามันน่าจะช่วยให้ผลงานมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม และความหวังที่พวกเราจะกู้คืนเมืองหานก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน!”

 

“ร่วมมืออย่างงั้นหรือ?” ฉินเฟิงเลิกคิ้ว

 

ย้อนนึกไปถึงครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นในภารกิจปฏิบัติการปราบปรามกองทัพซากศพ หรือตอนฝ่าวงล้อมเมืองหาน ในช่วงท้ายถึงจะมีคนส่วนหนึ่งให้ความร่วมมือ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่คิดทำอะไรเลย คอยเป็นปลิงเกาะเขาอยู่ดี

 

ซึ่งในช่วงเวลาที่ว่ามา หากร่วมมือกัน เป็นธรรมดาที่สถานการณ์จะแตกต่างออกไป

 

“ถูกต้อง ฉันจะส่งทีมเฉพาะกิจมาร่วมมือกับมิสเตอร์ฉิน ให้พวกเขาช่วยล่อแมลงออกมา แล้วจะให้มิสเตอร์ฉินรับหน้าที่ลงมือสังหารพวกแมลง กลยุทธ์นี้จะช่วยประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยให้พวกเราสามารถทำการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอยู่ในเมืองได้อีกด้วย

 

ฉินเฟิงพอได้ยินประโยคนี้ บนหน้าผากเขาก็เริ่มปรากฏรอยเหี่ยวย่น

 

“หมายความว่าคุณตั้งใจจะใช้แผนเหยื่อล่อสินะ? แล้วใครกันที่จะเป็นเหยื่อ? อย่าบอกนะว่าเป็นพวกคนธรรมดา!”

 

เรื่องอะไรแบบนี้ มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

 

ตราบใดที่เหยื่อสามารถวิ่งหนีได้ มันก็ยังโอเค หน้าที่ของพวกเขาคือล่อแมลงไปยังสถานที่ๆกำหนด และมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากกรีดมีดลงบนร่างกายเหยื่อเพื่อเปิดแผล ปล่อยให้กลิ่นเลือดและกลิ่นอายมนุษย์โชยไปแตะจมูกของพวกแมลง ล่อลวงให้พวกมันกระตือรือร้นที่จะไล่ตาม

 

หัวใจของชิหลงเต้นระรัว เขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจของฉินเฟิง

 

เจ้าตัวเร่งเปลี่ยนคำที่จะสื่อทันที กล่าวออกไปว่า “ไม่ใช่แน่นอน ฉันจะจัดส่งผู้ใช้พลังไป มันง่ายดายสำหรับพวกเขา หากจะรับหน้าที่เป็นเหยื่อล่อ!”

 

ฉินเฟิงพอใจกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย

 

ในสถานการณ์ที่ชุมชนล่มสลายเช่นนี้ พลเมืองที่รอดชีวิตมาได้ถือว่าเป็นส่วนเกินที่ยากจะจัดการ และบางคนยังถูกส่งออกไปร่วมสงคราม

 

ดังนั้นน่ากลัวว่าพวกเขาอาจกลายเป็นตัวตายตัวแทน รับหน้าที่เป็นเหยื่อ ออกไปล่อพวกแมลงออกมา

 

ซึ่งฉินเฟิงไม่ต้องการแบบนั้น

 

สำหรับเขา ขอเพียงมอบทีมผู้ใช้พลังเล็กๆให้ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

 

“งั้นรางวัลหลังจากจบศึกสุดท้าย จะแจกจ่ายมันยังไง?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

 

เพราะการร่วมมือกันในครั้งนี้ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์โดยตรง!

 

ประกายแสงวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของชิหลง วันนี้เพียงวันเดียว ฉินเฟิงสามารถสังหารตั๊กแตนใบมีดได้มากกว่า 1,000 ตัว ต่อให้ไม่มีราชันย์สัตว์ร้าย แต่เกรงว่าน่าเก็บเกี่ยวได้มากถึง 20 ล้าน

 

แล้วหากเป็นการกวาดล้างทั้งเมืองหานเล่า? เม็ดเงินจะมากมายมหาศาลเพียงใด?

 

ตามปกติ หากเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E ที่รับภารกิจโจมตี เขาอาจได้รับวัตถุดิบมาเป็นจำนวนหลายล้านชิ้น และมักจะใจป้ำแบ้งปันกับผู้ที่ให้ความร่วมมือ

 

นั่นเท่ากับว่าทุกคนจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

ระหว่างที่เขาคิด ก็ได้ยินเสียงฉินเฟิงเอ่ยว่า “เรื่องการต่อสู้ทั้งหมดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง ในกรณีนี้มันจะได้คำนวณกันง่ายๆ เพราะผมแค่จ้างคนอื่นมาร่วมมือก็เป็นอันจบ”

 

“ยังไงก็ตาม ผู้บัญชาการชิสมควรมอบแต้มสงครามกับพวกเขาด้วยเช่นกัน ส่วนทางผมจะมอบเงิน 100,000 เหรียญให้แก่ผู้ใช้พลังทุกคนที่อยู่ในทีมช่วยเหลือผู้รอดชีวิต และ 10,000 เหรียญสำหรับบุคคลทั่วไป ที่ช่วยผมเก็บรวบรวมวัตถุดิบ และเครดิตบางส่วนให้แก่พวกเขา”

 

ชิหลงได้สติจากคำพูดของฉินเฟิง แม้จะเจ็บปวดที่เสียโอกาสสร้างกำไรไปบ้าง แต่พอได้ยินคำอธิบายของฉินเฟิง เขาก็เห็นได้ถึงความตั้งใจดีของอีกฝ่าย

 

อีกอย่าง จะขัดใจก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวฉินเฟิงจะหันกลับมาแว้งกัดเขาซะเอง ถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้นชิหลงกลัวว่าตนจะเสียผลประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม

 

ดังนั้นเขาเลยจำเป็นต้องเออออไปกับฉินเฟิง “ตกลง เอาตามที่มิสเตอร์ฉินเห็นสมควร” ชิหลงกล่าว

 

“ส่วนคนที่จะร่วมมือกัน ผมจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ไม่คิดรบกวนผู้บัญชาการชิ ในเรื่องการขนส่งและเดินทาง หวังว่าทางผู้บัญชาการชิจะให้การสนับสนุน” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ไม่มีปัญหา คงต้องลำบากมิสเตอร์ฉินแล้ว”

 

ระหว่างการสนทนา กลับกลายเป็นฉินเฟิงที่กุมอำนาจในตอนท้าย สามารถตัดสินแผนได้ดั่งใจนึก

 

หลังมื้ออาหารเย็น ฉินเฟิงเดินออกจากกองบัญชาการ เพื่อนำวัตถุดิบของตั๊กแตนใบมีดที่รวบรวมมาได้ไปขาย

 

เขากระจายขายมันให้กับพ่อค้าแต่ละคน แม้ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบธรรมดา แต่ก็สามารถทำเงินได้มากกว่า 20 ล้านอย่างที่ชิหลงคำนวณเอาไว้จริงๆ

 

ยังไม่พอ ชิหลงยังนำการล่าสังหารตั๊กแตนในครั้งนี้ รวมเข้ากับแต้มสงครามของฉินเฟิง ส่งผลให้การจัดอันดับทางทหารของฉินเฟิงพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ มีคะแนนสะสมมากกว่าคนที่อยู่ในเมืองหานมาทั้งสัปดาห์ก่อนหน้าซะอีก

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็กลับไปยังทีมของโจวฮ่าว

 

“ฉินเฟิง ผู้บัญชาการชิเรียกนายไปทำไม?” โจวฮ่าวเอ่ยถาม

 

แม้ชิหลงในสายตาของฉินเฟิงจะเป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อย แต่สำหรับวัยรุ่นคนอื่นๆที่เติบโตมาแค่ในสถานชุมชนทางตอนเหนือ ที่มีผู้ว่าการสูงสุดเป็นเลเวล E ไม่ต้องกล่าวถึงเติ้งเหนียนที่มีเลเวล E และครอบครองชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆไม่แพ้กัน

 

“เขาหารือกับฉันเรื่องกวาดล้างเส้นทางในเมืองหาน อ้อ นายไม่ต้องรับภารกิจในวันพรุ่งนี้นะ เพราะฉันจะจ้างเอง!”

 

น้ำที่อุดมสมบูรณ์ไม่ควรไหลลงสู่นาของบุคคลภายนอก ดังนั้นนี่มิได้หมายความว่าฉินเฟิงเลือกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเฉพาะฝ่ายของตนเองแต่อย่างใด เพราะโจวฮ่าวและคนอื่นๆไม่สามารถรับมือกับสัตว์ร้ายระดับสูงได้ แต่การล่อและวิ่งหนีมันยังนับว่าพอไหว

 

“ตกลง” โจวฮ่าวกล่าวอย่างไม่ติดใจใดๆ จางเทียนและจ้าวหยูก็เอาด้วย ยินดีให้ความร่วมมือกับฉินเฟิง ลู่เหมิงเนื่องจากอยู่ทีมเดียวกันแล้ว เลยรับปากเช่นกัน

 

ในกรณีนี้ หากนับรวมวังเฉินกับไป๋หลี จะมีผู้ใช้พลังทั้งสิ้น 6 คน นี่นับว่าเพียงพอแล้ว

 

 

อีกหนึ่งค่ำคืนอันเลวร้ายได้ผ่านพ้นไป ในวันถัดมา ชิหลงได้จัดหาสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กหลายคัน และรถบรรทุกขนาดใหญ่ พร้อมกับรถบัสเสริมเหล็กป้องกันมาให้ เพื่อคอยสนับสนุนทางด้านการเดินทาง

 

ฉินเฟิงยืนอยู่หน้าทางเข้ากองบัญชาการใหญ่ และรับภารกิจที่ถูกมอบหมาย

 

ไม่นาน คนธรรมดาจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง

 

คนธรรมดาเหล่านี้มีท่าทีค่อนข้างวิตกกังวล แต่ก็มีเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดต่างจ้องมองฉินเฟิงราวกับหมาป่าหิวโซ

 

ในมุมมองของพวกเขา ฉินเฟิงเห็นเพียงตัวแทนของคนโง่ แต่มั่งคั่งไปด้วยเงินตรา!

 

“มิสเตอร์ฉิน โปรดเลือกฉัน ฉันจะต้องอดตายแน่ๆถ้าไม่ได้งานนี้ ”

 

“มิสเตอร์ฉิน เลือกฉันดีกว่า”

 

“มิสเตอร์ฉิน”

 

“มิสเตอร์ฉิน …. ”

 

“เงียบ!!!” ฉินเฟิงตะคอกเสียงเย็นชา กำลังภายในอัดแน่นอยู่ภายในเสียงราวกับฟ้าคะนอง ระเบิดเข้าในรูหูของผู้คน

 

“ฉันต้องการคนธรรมดา 20 คน ถ้าฉันชี้ไปที่ใคร ก็ขอให้คนๆนั้นเดินออกมา อย่าคิดแย่งชิงคนอื่น เพราะฉันไม่ได้มาทำงานการกุศล”

 

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองมาทางฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว

 

ฉินเฟิงกวาดแนวสายตาออกไป

 

“คุณ คุณ และคุณก้าวออกมา!”

 

บุคคลที่ฉินเฟิงชี้ แม้จะมีท่าทีขลาดกลัว แต่อย่างน้อยพวกเขาทั้งหมดก็แข็งแรง โดยไม่คำนึงถึงเพศชายหญิง แม้นี่จะเป็นงานเก็บรวบรวมวัตถุดิบก็ตาม แต่พวกเขาต้องเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว เพราะพละกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ

 

ฉินเฟิงกวาดมองอีกรอบ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกลงบนร่างของผู้หญิงอ่อนแอที่ตนช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อวานนี้

 

หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว ผู้หญิงคนนี้คล้ายจะเริ่มหายดีแล้ว แต่ในสายตายังคงด้านชา ส่อไปด้วยกลิ่นอายของความตาย

 

“แล้วก็คุณชื่ออะไร?” ฉินเฟิงชี้ไปที่เธอและเอ่ยถาม