โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.165 – ผลลัพธ์ของวันแรก

 

ฉินเฟิงหมุนตัว วิ่งฉีกหนีออกมาไกลกว่า 100 เมตร โดยมีมดเหล็กดำไล่ตามหลังอย่างบ้าคลั่ง

 

“งั้นก็เอาไปกินอีกครั้ง!”

 

พลังสมาธิพรั่งพรู เพลิงโลกันต์ปูพรมลงบนพื้นอีกครั้ง

 

บนถนน ฉินเฟิงวิ่งถอยไปเรื่อยๆจนเกินจากระยะ 300 เมตร พรมโลกันต์ที่ปลดปล่อยมันออกมาเมื่อครู่หลุดจากระยะการรับรู้ ไม่สามารถใช้พลังสมาธิเข้าควบคุมได้อีกต่อไป พวกมันเริ่มสลาย เปลวเพลิงเริ่มมอดดับลง

 

แต่นับว่าโชคยังดี เพราะในเวลานี้ มดเหล็กดำที่ไล่ตามฉินเฟิงมามีจำนวนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด!

 

อย่างไรก็ตาม ทุกตัวที่ยังสามารถไล่ตามมา ล้วนเป็นกำลังรบระดับสุดยอด!

 

มันเหยียบย่ำผ่านกองทัพมดเหล็กดำ บุกฝ่าวงล้อมเข้ามาอย่างหนักหน่วง และทั้งหมดนี้ ทุกตัวเป็นนายพลสัตว์ร้าย!

 

มีทั้งสิ้น 7 ตัว

 

แต่ละตัวมีความสูงถึงต้นขาของฉินเฟิง ยาวกว่า 1 เมตร นอกจากนี้ด้านหลังของพวกมันยังติดปีก ทำให้สามารถบินในระยะสั้นได้

 

มดเหล็กดำตัวแรกโฉบบินเข้าหาฉินเฟิง พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเขา ทว่ามันมิได้กระแทกเข้าใส่ร่างของฉินเฟิง ที่ชนไปเป็นเพียงภาพติดตา

 

นั่นเพราะจู่ๆความว่องไวของฉินเฟิงก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างกระทันหัน!

 

“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!!”

 

ฉินเฟิงหลบเลี่ยงภัยคุกคามร้ายแรง

 

โครม!

 

บังเกิดเสียงดังสนั่น นายพลสัตว์ร้ายกระทุ้งเข้าใส่รถที่จอดเกะกะอยู่บนท้องถนน ส่งมันปลิวกระเด็น ลอยเหวี่ยงไปชนเข้ากับตึกที่อยู่ข้างทาง

 

รถเก๋งแทบจะแหลกด้วยพลานุภาพอันมหาศาลนี้

 

ฉากนี้บ่งบอกชัดถึงพละกำลังอันมหาศาลของนายพลสัตว์ร้ายมดเหล็กดำ!

 

ปัจจุบัน อีก 3 นายพลสัตว์ร้ายบินเข้าหาฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงใช้ออกด้วยท่าร่างทันควัน แทรกตัวผ่านช่องว่างของนายพลสัตว์ร้ายทั้ง 3 และเหวี่ยงสะบัดหลังมือออกไป

 

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

 

ทักษะมีดผลาญสวรรค์ปะทุออก ท่ามกลางเปลวไฟ เริ่มผลิดอกเบ่งบานดั่งดอกไม้ไฟในช่วงเวลาระเบิดออก แสงจากใบมีดเฉือนเข้าใส่นายพลสัตว์ร้ายทั้งสาม

 

ฉัวะ ฉัวะ วิซซซ!

 

หนึ่งในสามมดเหล็กดำม้วนตัวกลับได้ทัน งัดเอาเปลือกแข็งของมันสวนกลับมา ฉินเฟิงไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือยั้งมือได้ทัน ตัดสินใจเร่งเร้าพละกำลัง สับปะทะสวนกลับไป

 

เคร้ง!

 

มีดกษัตริย์ครามและเปลือกเหล็กกล้ากระแทกใส่กันและกัน บังเกิดเสียงอันคมชัด ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพละกำลังมหาศาลถูกส่งผ่านมายังมือของเขา แต่ในวินาทีต่อมา มีดกษัตริย์ครามก็มีชัย สามารถเฉือนลึกลงเบื้องล่างเปลือกเหล็กกล้า แยกนายพลสัตว์ร้ายออกเป็นสองท่อน!

 

เจ็ดนายพลสัตว์ร้าย บัดนี้ตายลงไปแล้วสาม!

 

ไม่รอช้า ฉินเฟิงงัดอบิลิตี้ออกมาอีกครั้ง

 

“ลำแสงเปลวเพลิง!”

 

เปลวเพลิงระเบิดเป็นเส้นตรง ยามปะทะลุกพรึบ! ห่อหุ้มร่างของนายพลมดเหล็กดำ แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการพุ่งปะทะโจมตีของพวกมันได้

 

ฉินเฟิงใช้ออกด้วยท่าร่างภูติพรายอีกคราว หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมัน มีดกษัตริย์ครามกระพริบไหวอีกครั้งและอีกครั้ง

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

มีดสั้นลุกโชนกลายเป็นมีดยาว พริบตาเดียวตวัดผ่านเอวของนายพลสัตว์ร้าย

 

ก๊าซซซ!

 

มดเหล็กดำธรรมดาที่ตามมาชะงักฝีเท้า เริ่มทยอยกันถอยหลัง พวกมันไม่กล้าสู้กับฉินเฟิงอีกต่อไป นั่นเพราะ–

 

—เจ็ดนายพลสัตว์ร้ายล้วนถูกเขาสังหารลงจนสิ้น! แม้ในฝูงมดจะมีนายพลสัตว์ร้ายอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม แต่พวกมันมิอาจทานทนต่อการสูญเสียแบบนี้ได้ ฉะนั้นแมลงสัตว์ร้ายจึงตัดสินใจล่าถอย ไม่เผชิญหน้ากับปีศาจร้ายตนนี้

 

กลิ่นอายแห่งความตายทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัว!

 

ฉินเฟิงรู้สึกแค่เพียงพละกำลังมหาศาลของนายพลสัตว์ร้ายท่วมทับเข้าไปในร่างกายของเขา

 

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ความแข็งแกร่งทางกายของฉินเฟิงได้มาถึงเลเวล F7 แล้ว ดังนั้น หากต้องการยกระดับมัน จำเป็นต้องสะสมพลังงานให้มากยิ่งกว่านี้อีก!

 

ราวกับขานรับต่อการเรียกร้องของเขา บางสิ่งบางอย่างบินตรงเข้ามาจากบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

หึ่ง หึ่ง!

 

บนท้องฟ้า ปีกกระพือถี่รัวจนส่งเสียงแทรกมาตามสายลม ฉินเฟิงกวาดพลังสมาธิออกไป และค้นพบว่าเป็นด้วงกระหายเลือดอันมีชื่อเสียงฉาวโฉ่!

 

ด้วงกระหายเลือดแม้มิใช่สัตว์สังคม ไม่ชอบต่อสู้ร่วมกันแมลงสายพันธุ์อื่น แต่มันมักจะปรากฏตัวเป็นกลุ่ม ปัจจุบันมีกลิ่นเลือดลอยโชยออกมา พวกมันทั้งหมดที่อยู่ใกล้จึงตัดสินใจออกล่า

 

เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกดึงดูดมาเพราะการต่อสู้ และพวกมันไม่กินเลือดเนื้อของแมลง แต่กินเฉพาะเพียงของสัตว์ร้ายสายพันธุ์อื่นและมนุษย์!

 

“ไสหัวไปให้พ้น!”

 

ลำแสงเปลวเพลิงหลายเส้นระเบิดออก พุ่งทะลวงด้วงกระหายเลือดที่คิดเสนอหน้าร่วงตกตายลงไป

 

หลังจากนั้น ฉินเฟิงก็รีบเก็บเปลือกหัวของนายพลสัตว์ร้ายอย่างรวดเร็ว นำแก่นพลังงานของมันออกมา แล้ววิ่งย้อนกลับไปตามทิศทางเดิม

 

ปัจจุบัน บนพื้นตามทางที่เขาหลบหนีมา ไหม้เกรียมไปด้วยศพของมดเหล็กดำ พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไป เก็บรวบรวมวัตถุดิบของพวกมัน

 

ยังไงก็ตาม การลงมือสามสี่ครั้งในคราวนี้ นับว่าปั่นป่วนพวกสายพันธุ์มดได้พอสมควรแล้ว

 

ฉินเฟิงยกอุปกรณ์สื่อสารในมือของเขาขึ้นมา ก้มลงมองดูเวลา

 

พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่ม

 

“พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้จะกลับมาใหม่!” ฉินเฟิงโบกมือของเขา ม้าศึกทมิฬผลุบออกมายืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ ไป๋หลีที่หายไปตั้งแต่ต้นก็กลับมาด้วยเช่นกัน ฉินเฟิงอุ้มเธอนั่งข้างหน้าบนม้าศึก

 

จากนั้น ทั้งสองก็ออกจากเมืองหานอย่างรวดเร็ว การเดินทางในขากลับราบรื่นตลอดเส้นทาง ไร้ซึ่งอุปสรรคอย่างแมลงกีดขวาง

 

….

 

ณ สถานชุมชนชั่วคราวนอกเมืองหาน

 

เวลานี้สว่างไสวไปด้วยแสงจ้า โดยเฉพาะโถงเก็บสถิติแต้มสงคราม มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เนื่องจากมีผู้คนที่ออกล่า เข้าๆออกๆทั้งวัน

 

สำหรับกลุ่มของสถานชุมชนเฉิงเป่ย ที่พักของพวกเขาถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เรียบง่าย ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจอแสดงผลจัดอันดับสงคราม

 

เลยสามารถมองเห็นแต้มคะแนนต่างๆได้ชัดเจนในทุกครั้งที่มันเลื่อนขึ้น

 

“รุ่นพี่คะ ได้ข่าวว่าวันนี้ทีมของรุ่นพี่รับทรัพย์ครั้งใหญ่เลยใช่ไหม?” ลู่เหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เวลานี้ ฝูงชนกำลังล้อมวงกันย่างเนื้อรอบกองไฟ ในนั้นมีอย่างน้อยก็ 10 กว่าคน รวมไปถึงทีมของเกาหลิงฮานและหลี่เหยาเหยา ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เป็นทีมของลู่เหมิง , โจวฮ่าว , จางเทียน และจ้าวหยู

 

ผู้คนจากทุกชั้นปีมารวมตัวกัน ทั้งหมดเป็นเพราะลู่เหมิงเข้าร่วมทีมของโจวฮ่าว และหลี่เหยาเหยาเองก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ดังนั้นทุกคนจึงมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและกินอาหารร่วมกัน

 

“ก็แค่โชคดีน่ะ!” เกาหลิงฮานพยักหน้าอย่างสงวนท่าที ทว่ายังคงไว้ซึ่งประกายแห่งความภาคภูมิใจในแววตาของเขา

 

วันนี้เขานำทีมออกล่า และสังหารแมลงสัตว์ร้ายได้มากมาย รวมๆแล้วนับ 1,000 แต้ม

 

และอย่าดูถูก 1,000 แต้มที่ว่านี่เชียว เพราะกว่าพวกเขาจะมาถึง มันก็เป็นเวลาช่วงบ่ายคล้อยแล้ว เวลาล่าสัตว์ร้ายแทบจะไม่มี ดังนั้น 1,000 คะแนน ถือว่าเป็นแต้มสูงสุดในบรรดาผู้ใช้พลังของชุมชนทางตอนเหนือ

 

“ว่าแต่ฉินเฟิงอยู่ทีมของพวกเธอด้วยไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไม่ไปด้วยกันล่ะ?” ในสายตาของเกาหลิงฮาน แฝงไว้ซึ่งร่องรอยของการสอบสวน

 

โจวฮ่าวที่กำลังกัดปีกไก่ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เขาแยกตัวออกไปล่ากับไป๋หลีน่ะครับ ไอ้บ้านั่นมันชอบกดดันตัวเอง เลือกไปสู้กับสัตว์ร้ายเลเวล F เลยไม่มาร่วมวงกับพวกเรา! ”

 

รอยยิ้มของเกาหลิงฮานอดไม่ได้ที่จะแข็งค้าง

 

หลี่เหยาเหยาขมวดคิ้ว กล่าวประชดประชัน “ฉินเฟิงทำไมถึงทำแบบนี้? เขาเลือกที่จะทิ้งพวกเธอไว้ข้างหลัง ถ้าเป็นรุ่นพี่เกาจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน!”

 

โจวฮ่าวยิ้มฝืนๆ แต่ตัดสินใจไม่ตอบโต้กลับไป

 

ในเวลานั้นเอง จางเทียนที่อยู่ใกล้ๆก็โพล่งขึ้นทันใด “ฉินเฟิงกลับมาแล้ว!”

 

“หือ? ไหน? เขาอยู่ไหน?” โจวฮ่าวคายกระดูกไก่ออกจากปาก เหลียวมองเบื้องหลัง และพบตำแหน่งของฉินเฟิงได้อย่างรวดเร็ว

 

อันที่จริงแล้วทุกคนก็แทบจะเห็นฉินเฟิงพร้อมๆกัน เพราะมันสะดุดตามากเกินไป แต่ที่โดดเด่นน่ะไม่ใช่เขา เป็นไป๋หลีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาต่างหาก!

 

ปัจจุบันไป๋หลีสวมชุดสีขาวที่เปล่งประกายสีเงินเล็กน้อย ส่งผลให้ดูราวกับว่ามีแสงจันทร์มารวมตัวกันอยู่รอบกายเธอ ทั้งยังใบหน้าที่หมดจดงดงามชนิดล่มเมือง ไม่ว่าใครก็มิอาจละสายตาไปได้เลย!

 

“ฉินเฟิง นายกลับมาแล้วหรอ? ผลงานล่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง?” โจวฮ่าวรีบเอ่ยทักทายเขา

 

ในขณะที่คนอื่นๆต่างหูผึ่งและเงี่ยฟัง

 

“ยังไม่ได้ตรวจสถิติเลย นายก็มาดูด้วยกันสิ” ฉินเฟิงส่งอุปกรณ์สื่อสารให้กับพนักงานผู้ดูแลโถงเก็บสถิติแต้มสงคราม

 

เครื่องจักรเริ่มทำงาน นับแต้มคะแนนสงครามอย่างรวดเร็ว

 

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! ตรวจสอบเสร็จสิ้น แต้มสงครามปัจจุบันของคุณคือ : 2602!】

 

นี่มิได้เกินความคาดหมายของฉินเฟิงแต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวบันทึกเอาแค่ตามข้อกำหนดการทดสอบผู้ใช้พลังในเลเวล F เท่านั้น ส่วนคะแนนที่เหลือก็คงได้มาจากสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ และทั้งหมดสามารถเปลี่ยนเป็นแต้มสงครามได้

 

“นายมันร้ายกาจ!” โจวฮ่าวมองไปยังแต้มสงครามแล้วอุทานออกมา

 

อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของเกาหลิงฮานกลับไม่ยินดีกับความสำเร็จของฉินเฟิง ปากเอ่ยพึมพำให้บางคนได้ยิน

 

“กลับมาเอาป่านนี้ แสดงว่าออกล่าตั้งหลายชั่วโมง ถ้าเป็นฉันนะ คงได้แต้มสงครามมากกว่านี้เยอะ!”

 

แต่สิ่งที่เกาหลิงฮานไม่ได้คิดก็คือ เจ้าตัวได้รับคะแนนมาในรูปแบบทีม และมีเพียงเขาที่ครอบครองเลเวล F ขณะที่สหายร่วมสถาบันคนอื่นๆล้วนมีระดับอยู่ในเลเวล G8 และ G9