โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.143 – กำจัดลูกรักของพระเจ้า

 

ทำไมแค่นักเรียนคนหนึ่งถึงทรงพลังได้ขนาดนี้!?

 

ศัตรูต่างสถาบันหลายคนถูกสวนกลับด้วยกระสุนของตัวเอง ทางด้านจ้าวหยู เธอสามารถคว้าผลไม้สมาธิมาผลที่ 2 มาได้สำเร็จ โจวฮ่าวก็ไม่น้อยหน้า เขาถ่ายเทกำลังภายในเข้าไปในเสื้อคลุมค้างคาวยักษ์ ใช้ความสามารถเร้นกาย เปลี่ยนตนเป็นจืดจาง ยากต่อการตระหนักถึง ผสานไปกับความว่องไวที่ถูกหนุนเสริมด้วยทักษะลับน่องวายุ ท่ามกลางความโกลาหล เขาเลยสามารถชิงผลไม้สมาธิผลที่ 3 ได้สำเร็จ

 

กล่าวได้ว่า .. ผลไม้สมาธิที่เหลือทั้ง 3 ลูก ตกอยู่ในกำมือสมาชิกทีมของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง

 

ฉากนี้ส่งผลให้ฝูงชนกลายเป็นโกรธแค้น

 

“เผ่นกันเร็ว!”

 

ฉินเฟิงตะโกนสั่งคำหนึ่ง

 

สหายทั้งสามของเขาไม่ลังเลเลย ทั้งหมดหมุนตัวกลับและสับฝีเท้าวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

“ไล่ตามไป!”

 

“บ้าที่สุด! จะปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้!”

 

“หยุดมันไว้ ต่อให้ต้องฆ่าให้ตายก็ตาม!”

 

ฉินเฟิงกับเพื่อนๆทั้งสามวิ่งสุดฝีเท้าไปข้างหน้า โดยมีฝูงชนกลุ่มใหญ่ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง

 

และสีหน้าของทั้งหมดกำลังแสดงออกถึงความโกรธ!

 

วูซซซ!

 

กระสุนปืนใหญ่ขนาดกลางถูกยิงออกมา พุ่งเข้าใส่ฉินเฟิงและคนอื่นๆ

 

“จงสะท้อนกลับ!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกกระตุ้นอีกครั้ง ลูกปืนใหญ่พลิกตลบ วกกลับไปด้านหลัง พุ่งเข้าใส่มือปืนที่ยิงมันออกมาแทน

 

“อย่ามาดูถูกกันนะ!”

 

มือปืนตวาดก้อง เร่งเร้าพลังสมาธิของตนเอง ต้องการบังคับให้กระสุนหมุนคืนสู่เป้าหมายเดิม

 

แต่ทว่า …. กระทั่งก่อนหน้านี้ พลังสมาธิของเขายังถูกบังคับให้หลุดการควบคุมจากกระสุนเลย ฉะนั้นตอนนี้ คงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง

 

ตูมมมม!

 

เสียงระเบิดดังสนั่น นักเรียนที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 4 – 5 คนปลิวกระเด็นไปคนละทิศทาง

 

“ไอ้พวกโง่ หยุดใช้อาวุธของพวกแกซักที ไม่เห็นหรือว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญในการควบคุมกระสุนปืน?”

 

“ต้องเข้าประชิดและจับตัวพวกมัน!”

 

“คนที่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณไปลากตัวพวกมันกลับมา!”

 

ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของผู้ใช้วรยุทธโบราณ ฝีเท้าของพวกเขาย่อมไม่เชื่องช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไล่ล่าในระยะยาว จ้าวหยูที่มีร่างกายอ่อนแอที่สุดมีแนวโน้มว่าจะถูกจับได้ทัน

 

แต่ฉินเฟิงมีหรือจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น?

 

มีดกษัตริย์ครามโบกสะบัด ปาดซ้ายขวา ตัดต้นไม้สูงตระหง่านระหว่างหลบหนี โค่นพวกมันปิดเส้นทางไล่ล่า

 

โครม!

 

เสียงลำต้นไม้ยักษ์ล้มฟาดกับพื้นดังอึกทึก ยังไม่พอ–

 

–พรึ่บ!

 

เปลวเพลิงพลันลุกไหม้ ปกคลุมต้นไม้ใหญ่ทั้งสอง

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดไฟเผาแล้ว อีกสามคนในทีมที่ถือผลไม้สมาธิยังคงวิ่งต่อจนไกลออกไป เหลือเพียงฉินเฟิงที่ยังยืนหยัดอยู่

 

“เสร็จล่ะ!” วัยรุ่นชายในเครื่องแบบสีขาวขอบทอง คำรามเกรี้ยวกราด

 

“ลูกพี่ ทำไมพวกเราไม่จับมันเป็นตัวประกันล่ะ แล้วใช้เป็นเหยื่อล่อขู่สมาชิกทีมที่เหลือ และถ้าพวกที่เหลือไม่มา เราก็ฆ่ามันซะเลย!”

 

“เป็นแผนที่ดี! พวกมันยังติดต่อกันผ่านวิทยุสื่อสาร ฉะนั้นถ้าจับตัวได้คนหนึ่ง ทั้งทีมต้องรู้สถานการณ์!”

 

ทั้งหมดจ้องฉินเฟิงราวกับหมาป่าหิวโหย ตีวงล้อมรอบตัวเขา

 

ท่ามกลางการปิดล้อมของผู้คนนับร้อย ฉินเฟิงกลับหัวเราะออกมาเบาๆ

 

เจ้าพวกนี้ บางคนอาจเป็นถึงลูกรักของพระเจ้า หรืออาจเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดานักเรียนตอนนี้

 

แต่น่าเสียดาย เพราะศัตรูที่พวกเขาได้พบเจอ ดันเป็นปีศาจผู้ชั่วร้ายที่กลับมาเกิดใหม่อย่างฉินเฟิง!

 

“ซอรี่นะพวก”

 

ฉินเฟิงเก็บมีดกษัตริย์ครามกลับคืน วินาทีต่อมา กำลังภายในของเขาพลันปะทุอย่างบ้าคลั่ง

 

เนื่องจากก่อนหน้านี้พรมโลกันต์มันรุนแรงเกินไป ฉินเฟิงเลยตั้งใจจะใช้วิธีที่อ่อนโยนกว่าจัดการกับพวกนักเรียน

 

“ทักษะลับกลืนดารา —พลังดูด!”

 

ปรากฏสายลมคล้ายสนามพลังขึ้นรอบตัวฉินเฟิง มันหมุนวน ก่อตัวคล้ายกับพายุทอร์นาโด

 

“อาเร๊ะ?”

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

“เกิดอะไรขึ้น? พลังนี้มันไม่ใช่อบิลิตี้! ไม่ใชว่าเขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้หรอกหรอ!?”

 

ฝูงชนที่ตกอยู่ในความโกรธเริ่มตื่นตระหนก

 

แต่ก็ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี ทั้งหมดเริ่มถูกบีบบังคับให้ใกล้เข้ามาโดยอำนาจดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่วินาทีต่อมา ฉินเฟิงก็สลับท่าอีกครั้ง

 

“ทักษะลับกลืนดารา –พลังผลัก!”

 

พริบตานั้นอำนาจมหาศาลพลันระเบิดออกเป็นสายลมกรรโชก กวาดกระจายโหดร้ายไปรอบสารทิศ นักเรียนที่โดนฉุดดึงให้มาข้างหน้า ถูกผลักกระแทกถอยกลับไป

 

ยังไม่พอ เนื่องจากกระจุกตัวกันนับร้อย ยามกระเด็นกระดอนเลยชนกันเอง ได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน

 

เป๊าะ!

 

เสียงกระดูกแขนหักดังสะท้อน

 

“อ๊าาาา!”

 

เสียงกรีดร้องน่าเวทนาเสียดแทงขึ้นไปบนผืนฟ้า

 

พรวด!

 

บางคนก็ถูกกระแทกเข้าใส่อวัยวะภายใน เลือดกระอักออกจากปาก

 

พายุกำลังภายในกวาดกระจายเข้าใส่ฝูงชน

 

ฉินเฟิงสามารถคว้าชัยชนะในสภาวะ 1 ต่อ 100 ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ!

 

คนพวกนี้ เดิมคิดว่าตนอยู่ในฐานะผู้ล่า ปัจจุบันเลยไม่ทันคาดคิดว่าจะตกเป็นเหยื่อซะเอง

 

“ขอโทษด้วยนะ ที่จริงฉันเองก็ไม่สนใจเรื่องอันดับการแข่งขันหรอก แต่ดันไปสัญญากับอาจารย์ใหญ่ไว้แล้วเนี่ยสิ กฏก็ต้องเป็นกฏล่ะนะ พวกนายถอดป้ายชื่อให้ฉันแต่โดยดีเถอะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ ทว่าสิ่งที่เขาทำ มันกลับเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง

 

“นี่แกจงใจล่อพวกเรา? … แกมันปีศา– อ๊อก!” หนึ่งในนั้นกระอักเลือดออกมากระทันหัน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บร้ายแรงเกินไป หรือว่าเพราะความโกรธจนเลือดลมมันตีขึ้นหน้ากันแน่

 

แต่ยังไงซะ แม้จะไม่ยินยอม แต่คนพวกนี้ตระหนักดีว่าตนไม่สามารถหลบหนีไปได้ กระทั่งคนจากสถาบันเฉิงหยางเอง ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหนีพ้น

 

บางคนยอมถอดป้ายชื่อออกอย่างไม่เต็มใจ และถูกกลืนหายไปในช่องว่างมิติ ป้ายชื่ออื่นๆที่พวกเขาไปยึดมาร่วงตกลงกับพื้น

 

และที่บางส่วนถอนตัวไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาสามารถเก็บสมุนไพรวิญญาณติดตัวมาด้วย หากจากไปตอนนี้ ก็ยังสามารถรักษาสมุนไพรวิญญาณเอาไว้ได้ แต่ถ้ายังมัวชักช้าจนเป็นฝ่ายถูกดึงป้ายออกเอง เกรงว่ากำไรเพียงนิดคงไม่สามารถนำกลับไปได้

 

กลุ่มลูกรักของพระเจ้าที่แสนหยิ่งยะโส ถูกฉินเฟิงเตะโด่งออกจากสวนล่าใบไม้ผลิไปอย่างง่ายดาย!

 

ถูกกำจัดลงอย่างกระทันหัน!

 

“จงมา!”

 

พลังสมาธิวิ่งผ่านอากาศ ตกลงบนป้ายชื่อของกลุ่มนักเรียนจาก 3 สถาบัน ในการต่อสู้เดียว มันสามารถทำให้ฉินเฟิงได้รับป้ายชื่อเพิ่มขึ้นมากถึง 400 แผ่น!

 

พอนำป้ายชื่อพวกนี้มากองรวมๆกัน กลับพบว่ามันต้องใช้กว่า 2 กระเป๋าเต็มๆถึงจะยัดได้!

 

แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆวิทยุสื่อสารของฉินเฟิงก็ดังขึ้น

 

“ฉินเฟิง รีบมาช่วยพวกเราเร็ว!”

 

พอได้ยิน สีหน้าของฉินเฟิงเริ่มแปรเปลี่ยนไป

 

“เกิดอะไรขึ้น พวกนายอยู่ไหน พอจะถอยกลับมาหาฉันได้รึเปล่า?” ฉินเฟิงถามด้วยเสียงทุ้มลึก

 

และที่ดังตอบกลับมา คือเสียงวิ่งและหอบหายใจ

 

“ฉินเฟิง พวกเราบังเอิญไปเจอกับหลินไคเข้า พวกมันมีเยอะเกินไป เราสู้ไม่ไหว” น้ำเสียงของจ้าวหยูฟังชัดว่ากำลังตื่นตระหนก

 

“พวกมันกำลังไล่ตามเธอใช่ไหม?” สีหน้าของฉินเฟิงยิ่งนานยิ่งหมองลง

 

“อื้อ จางเทียนเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย”

 

“ฉันยังไหว ไม่ต้องกังวลไป” น้ำเสียงของจางเทียนยังคงเยือกเย็น

 

ทั้งสามเร่งวิ่งล่าถอย ใบหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นมืดมน และช่วงเวลาต่อมา—

 

–บรึ้ม!

 

สองเท้าของฉินเฟิงย่ำจนพื้นปริร้าว เขาดีดตัวราวกับกระสุนปืนใหญ่ สับฝีเท้าดุเดือด

 

ลมหายใจของเขาราบรื่น ไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆของการเหนื่อยล้า บรรยากาศรอบตัวเริ่มหนักอึ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก

 

‘หลินไค … แกเตรียมตัวตายได้เลย!’

 

ความแค้นจากทั้งในชีวิตก่อนหน้าและชีวิตนี้ … มันจะได้สิ้นสุดลงเสียที!

 

ความเร็วของฉินเฟิงว่องไวอย่างหาที่เปรียบ อีกอย่าง ช่วงเวลารับมือกับคนจากหลายสถาบันเองก็กินเวลาไม่นาน ดังนั้นโจวฮ่าวกับคนอื่นๆเลยวิ่งไปได้ไม่ไกล

 

เมื่อทั้งสองห่างกันไม่ถึงระยะการรับรู้ใน 300 เมตร พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ล็อคตัวพวกเขาเอาไว้ทันที

 

ท่ามกลางป่าใหญ่ ฉินเฟิงพุ่งเป็นเส้นตรงไปข้างหน้า ต้นไม้หรือสิ่งใดที่กีดขวางถูกระเบิดทำลายสิ้น

 

ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็มาจุดถึงปะทะ

 

ตนพบว่าโจวฮ่าวและคนอื่นๆกำลังถูกปิดล้อม

 

“ไอ้สารเลว!” โจวฮ่าวคำราม เหวี่ยงเท้าเตะออกไป

 

ปัง!

 

เฉินหมิงไม่น้อยหน้า วาดฝ่าเท้าสวนกลับไปเช่นกัน แรงปะทะระหว่างทั้งสองรุนแรงมาก แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นหยุดนิ่ง บ่งบอกว่าพละกำลังของเขาไม่ด้อยไปกว่าโจวฮ่าวเลย

 

ต้องทราบนะว่า ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโจวฮ่าวได้ก้าวไปถึงเลเวล G6 แล้ว พละกำลังของเขามหาศาล ทว่ากลับไม่อาจโค่นเฉินหมิงลงได้ ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของเฉินหมิงยังดูปลอดโปร่ง สบายๆอยู่เลย ราวกับไม่ได้จริงจัง คล้ายกำลังละเล่นกับโจวฮ่าวซะมากกว่า

 

“เป็นอะไรไปล่ะโจวฮ่าว? นี่สุดฝีมือนายแล้วหรอ? มีพละกำลังแค่นี้แต่ได้เป็นถึงลำดับ 1 ของคลาสวรยุทธโบราณได้ยังไง ช่างไม่คู่ควรเอาซะเลย!”

 

คนอื่นๆระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

“นายน้อยหลิน การที่ทีมของพวกเขาเข้ามาลึกถึงที่นี่ แสดงว่าระหว่างทางคงเก็บของดีมาได้มากมายแน่ๆ”

 

“ป้ายคะแนนเองก็คงจะเยอะเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องติดสิบอันดับ หรืออาจได้ถึงอันดับหนึ่งเลยก็ได้!”

 

“ถูกต้อง!”

 

หลินไคเองก็ดูพึงพอใจเช่นกัน และยังมองการต่อสู้ของเฉินหมิงด้วยความชื่นชม

 

“ขาของหมารับใช้ประจำตัวฉันช่างแข็งแกร่งซะจริง ต่อให้ฉินเฟิงอยู่ที่นี่ ก็คงจะสู้พละกำลังของเฉินหมิงไม่ได้”

 

พอได้ยิน รอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าของเฉินหมิงพลันแข็งกระด้าง ร่องรอยของความโกรธฉายวูบในแววตาของเขา