โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.138 โหดร้ายหรือเมตตา

 

กระสุนนี้ ยิงทะลุเข้าใส่ต้นขาของอีกฝ่าย

 

จ้าวหยูและอีกสองคนเบนสายตามองไปตามต้นเสียงโดยสัญชาตญาณ ในหัวใจเกิดความสงสัยว่าใครกันที่เป็นคนยิงมันออกไป

 

ทั้งสามพบว่าในมือของฉินเฟิงกำลังกุมไรเฟิลอยู่ นี่คืออาวุธปืนที่ปล้นมาจากนักเรียนของสถาบันซิต๋าก่อนหน้านี้

 

เนื่องจากฉินเฟิงไม่ได้พกอาวุธปืนติดตัวมาด้วย หรือต่อให้มีเก็บไว้ในพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ มันก็ไม่สะดวกที่จะนำออกมาใช้งาน

 

ยังไงก็ตาม ยึดอาวุธคนอื่นมาใช้มันก็ไม่เห็นแปลกนี่? มันคือของฟรีแถมยังใช้งานได้ดีซะด้วย

 

ในเวลานี้ สีหน้าของฉินเฟิงยังคงสงบ คล้ายไม่รู้สึกผิดใดๆที่ยิงฝ่ายตรงข้าม

 

แต่ทางจ้าวหยูและคนอื่นๆเริ่มมีสีหน้าซีดเผือด ทั้งหมดจินตนาการถึงประสบการณ์อันน่าขมขื่นที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชายคนนั้นต่อจากนี้ …

 

… ต้องตกเป็นอาหารของฝูงหมาป่า!

 

แต่ในเวลานั้นเอง เสียงกระสุนปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

ปัง!

 

ในสายตาของฉินเฟิง หนึ่งในฝูงหมาป่าที่อยู่ไกลออกไปหน้าสะบัดหงาย กระเด็นไปกลางอากาศ เกิดพลุเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากหัวของมัน

 

“เอ๋ง!”

 

หมาป่าร้องลั่น ล้มลงกับพื้น

 

ปัง ปัง ปัง!

 

เสียงอาวุธปืนดังขึ้นต่อเนื่อง หมาป่าตนแล้วตนเล่าเริ่มถูกสังหารลง

 

นักเรียนจากสถาบันซิต๋าที่แต่เดิมทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง เวลานี้อ้าปากค้าง เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

 

หมาป่าสี่ตัวที่พยายามจะเข้ามาตะครุบเขาถูกยิงตายในนัดเดียวโดยกระสุนไรเฟิล

 

แล้วจู่ๆเขาก็เกิดความหวังขึ้นทันใด

 

“นั่นไม่ใช่หนึ่งในอาวุธปืนของนักเรียนสถาบันเราหรอกหรอ? สามารถดึงประสิทธิภาพของ ‘แบล็คสกาย’ ออกมาได้มากถึงขนาดนี้ เขาจะต้องเป็นมือปืนที่ติดสิบอันดับแรกแน่ๆ”

 

นักเรียนคนนั้นไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ขา เริ่มคืบคลานออกมาข้างหน้า

 

ปัง!

 

กระสุนอีกนัดหนึ่งยิงทะลุลงดินเบื้องหน้าเขา เศษฝุ่นฟุ้งกระจาย

 

เห็นได้ชัดว่านี่คือคำเตือน!

 

เตือนว่าจงอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ!

 

ระหว่างนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง หมาป่าอีกหลายตัวถูกสังหารตกตายลง

 

ไม่นาน ในฝูงหมาป่า อย่างน้อยก็มีเก้าตัวถูกยิงที่หัว ส่วนตัวอื่นๆตัดสินใจม้วนหาง ล่าถอยไป

 

อาหารน่าลิ้มลองก็จริง แต่ชีวิตสำคัญกว่า พวกมันไม่ต้องการให้ทั้งฝูงถูกทำลาย!

 

ฝูงหมาป่าถอนตัวกลับไป กลิ่นอายเลือดโชยแตะจมูกนักเรียนสถาบันซิต๋า

 

ไม่นานเกินรอ ร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้นในแนวสายตาของเขา

 

มีทั้งสิ้น 4 คน เมื่อนักเรียนซิต๋าเห็นว่าเป็นนักเรียนจากเฉิงเป่ย รอยยิ้มยินดีของเขาก็หดหาย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

“หนีไปดีๆคนเดียวไม่ได้ใช่ไหม? ต้องลากคนอื่นไปตายด้วย ขอฉันตั้นหน้าแกหน่อยเถอะ” โจวฮ่าวบดสองมือตนเอง เกิดเสียงกระดูกดังแกร๊กๆ

 

“ขอโทษที ฉันจะไปแล้ว ฉันยอมแล้ว” นักเรียนซิต๋ากล่าวร้อนรน เขาขบคิดก่อนเอ่ยต่อ “ฝากบอกมือปืนของพวกนายด้วยว่าขอบคุณ”

 

ว่าจบ ชายคนนั้นก็คอตก ดึงป้ายชื่อออก และโยนไปให้โจวฮ่าว ต่อมาก็ถูกกลืนหายเข้าไปโดยรูนมิติ

 

โจวฮ่าวหัวเราะฮะฮ่าเสียงดัง

 

“ฉินเฟิง นายยิงมันแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการได้รับคำขอบคุณ”

 

นักเรียนเมื่อครู่ไม่ทราบว่าด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงเป็นคนยิงตน เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีนักเรียนแค่ 4 คนเดินเข้ามา และอีกฝ่ายรู้ได้จากป้ายชื่อว่ามี 2 คนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ อีก 2 เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นเลยสรุปในจิตใจว่า มือปืนอีกคนหนึ่งยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น

 

สุดท้าย นักเรียนจากซิต๋าคนนั้น ก็ยังไม่ทราบถึงความจริง เขาคิดได้เพียงว่า : ในปีนี้ โรงเรียนเฉิงเป่ยได้ปรากฏมือปืนอัจฉริยะขึ้นมาคนหนึ่งแล้ว

 

“รีบเก็บกวาดสนามรบเถอะ แล้วพวกเราจะเปลี่ยนที่พักกัน” ฉินเฟิงไม่สนใจมุขตลกของโจวฮ่าว สั่งการโดยตรง

 

โจวฮ่าวพยักหน้า ทั้งสี่ช่วยกันเก็บกวาดสินสงครามและข้าวของ มุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง

 

คืนนี้ชะตาช่างไม่เป็นใจ เอาแน่เอานอนไม่ได้

 

ในสวนล่าใบไม้ผลิ ยามเช้าเงียบสงบ ทว่ายามดึกราวกับนรกบนดิน สวนล่าเป็นสถานที่อันตรายจริงๆ

 

นักเรียนที่เข้ามาในสวนล่าใบไม้ผลิ เริ่มเกิดความหวาดกลัวและถอยกลับไปวงนอก มีกระทั่งบางคนยอมถอดป้ายชื่อถอนตัวออกจากสวนล่า

 

ในเวลานี้ นักเรียนหลายคนเริ่มย้อนนึกไปถึงคำพูดของชายชรา

 

‘ ฉันไม่ถึงขั้นต้องการให้พวกเธอโค่นมัน ตราบใดที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง สรุปง่ายๆว่าจงรอดชีวิตกลับมาให้ได้!’

 

หลายคนเมื่อนึกถึงคำนี้ ก็ตระหนักได้ว่ามันคือความจริง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจหยุด

 

เพียงคืนแรก ผู้คนจากทั้ง 5 สถาบัน ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ปัจจุบันลดหลั่นลงเหลือแค่ 1,000 คน!

 

ผ่านไปครึ่งคืน ฉินเฟิงก็ผุดลุกขึ้น เดินไปตบไหล่ของโจวฮ่าวกับจางเทียน

 

“พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”

 

เพราะเกรงว่าจะมีสัตว์ร้ายบุกเข้ามาในยามค่ำคืน พวกเขาจึงผลัดกันเฝ้ายาม

 

เนื่องจากจ้าวหยูเป็นผู้หญิง และเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเธอเลยไม่ต้องมาช่วยเฝ้ายาม

 

ช่วงก่อนเที่ยงคืนเป็นโจวฮ่าวกับจางเทียนที่รับหน้าที่ ตอนนี้เลยเที่ยงคืนแล้ว ฉินเฟิงจึงมารับช่วงต่อ

 

“ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกพวกเราได้เลยนะ”

 

“อ่า ไปพักเถอะ”

 

พอทั้งสองปลีกตัวไป ฉินเฟิงก็ปีนขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ สภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็นมืดมนลง

 

เปิดใช้งานพลังพิเศษ : โอบกอดทมิฬ!

 

ไป๋หลีกระโดดลงจากไหล่ของฉินเฟิง หยั่งเท้าลงบนอีกกิ่งไม้หนึ่งและ–

 

–ปุ้ง!

 

กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากความมืดมิดไม่มีผลใดๆต่อการมองเห็นของฉินเฟิง เขาจึงได้รับผลกระทบจากฉากตรงหน้าเข้าอย่างจัง

 

แต่โชคยังดีที่เขาเริ่มชินกับมันแล้ว

 

ไป๋หลีเริ่มหยิบเสื้อผ้าออกมา และสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว

 

รอจนเธอแต่งตัวเสร็จ ฉินเฟิงค่อยเอ่ยถาม “ไปสำรวจมาเป็นยังไงบ้าง?”

 

“เอิ๊ก!” ไป๋หลีเรอเสียงดัง “ไม่เลวเลยล่ะ ได้ผลไม้มาเยอะเลย!”

 

ฉินเฟิงไร้คำจะกล่าวไปพักหนึ่ง บอกดีๆก็ได้ เรอแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?

 

“ไหนล่ะผลไม้สมาธิ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

 

“กำลังจะเอาให้พอดี”

 

ไป๋หลีวาดมือออก ในพริบตา ผลไม้ขนาดใหญ่ก็ตกลงในอ้อมแขนของฉินเฟิง

 

ผลไม้นี้มีขนาดเท่าแตงโม เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 25 ซม. แต่มีลวดลายเป็นเส้นๆแปลกๆอยู่ด้านนอก พอลองสังเกตดูคล้ายมีหลุมอยู่บนเปลือกผลไม้

 

“ฉันทำตามที่สั่งแล้ว เหลือพวกมันทิ้งไว้ 3 ลูก” ไป๋หลีกล่าว

 

ต้นไม้สมาธิจะให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละปี แต่ปีนี้มันให้ผลผลิตที่ดี กล่าวได้ว่ามากถึง 30 ผล แต่ไป๋หลีกลับเหลือทิ้งไว้เพียง 1/10 เท่านั้น ช่างเป็นเรื่องน่าสงสารสำหรับคนอื่นๆจริงๆ

 

ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ภาวนาในใจ “หวังว่าพวกอาจารย์คงไม่เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้นะ”

 

แม้ผลไม้สมาธิจะเป็นรางวัลของสวนล่า แต่หากมันถูกขโมยไปจนเกือบหมด ลองนึกดูสิว่าผู้คนในเมืองเฉิงหยางจะโกรธแค้นขนาดไหน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือสิ่งที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่นักเรียน ซึ่งส่วนใหญ่คงไม่พ้นนักเรียนทางฝั่งเขา แต่ในปีนี้กลับหยิบฉวยได้แค่ 3 ผลเท่านั้น

 

“ลองกินดูสิ มันอร่อยมากเลยนะ” ไป๋หลียินดีนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง

 

“อ่า จัดไป”

 

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา คว้านเปิดรูขนาดเท่าฝ่ามือด้านบนผลไม้อย่างระมัดระวัง

 

หลังจากเปิดมัน ภายในผลไม้ก็เผยโฉมออกมา

 

เขาค้นพบว่าภายในผลไม้นี้ แท้จริงแล้วเป็นของเหลวโปร่งใส มองดูเหมือนกับซุปวุ้นชามหนึ่ง

 

“นี่สินะผลไม้สมาธิ!”

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน เพราะยังไงซะ นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้อบิลิตี้ แต่เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ดังนั้นฉินเฟิงเลยไม่สนใจ ออกไปทุ่งล่าก็ไม่ใส่ใจถึงการดำรงอยู่ของผลไม้ชนิดนี้

 

แต่ปัจจุบัน เขามีโอกาสได้ลิ้มลองมัน!

 

อึก … อึก …

 

ฉินเฟิงยกซดอึกใหญ่ กลิ่นหอมหวานคล้ายกับนมไหลผ่านเข้ามาในลำคอ เพียงไม่นาน ฉินเฟิงก็ดื่มผลไม้สมาธิทั้งลูกจนหมด

 

ภายในท้องของเขาเริ่มคันยิบๆ ฉินเฟิงรู้สึกราวกับพลังงานจะระเบิดออกมา พวกมันถูกหลอมรวมเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของฉินเฟิง พลังสมาธิเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

พลังสมาธิของเขาไม่ได้ยกระดับมาพักหนึ่งแล้ว เวลานี้มันค่อยๆไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ไม่นานเกินรอ พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่

 

ก้าวขึ้นเป็นเลเวล F4!

 

ขอบเขตในการรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ระยะพิสัยกลายเป็น 150 เมตร เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งในระยะนี้ได้อย่างชัดเจน ควบคุมอาวุธปืนได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่พลังสมาธิสามารถขยายวงกว้างไปถึง 4 กิโลเมตร!

 

“และยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ!”