Ep.13

 

เฉินไห่หยางข่มความโกรธ “หวู่หยาง วันนี้เห็นแก่หน้านาย ฉันยอมถอยก็ได้ ยังไงก็ตาม ซูเฉินจะต้องถูกคุมตัวไปขัง ตราบใดที่ฉันยังไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ที่ไหน ซูเฉินห้ามเป็นอิสระทุกกรณี”

 

หวู่หยางพยักหน้ารับ

 

ในฐานะรองผู้นำสถานชุมชนเทียนหนาน ข้อเรียกร้องนี้ของเฉินไห่หยางนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” จู่ๆซูเฉินก็ระเบิดเสียงหัวเราะหยามหยั่นออกมา “จะขังผม ไม่ทราบคุณมีสิทธิ์อะไร?”

 

หลักฐานซักชิ้นก็ไม่มี ซูเฉินไม่ยอมให้เฉินไห่หยางปิดหนทางตัวเองแน่ๆ

 

คนอื่นอาจหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของเฉินไห่หยาง แต่ซูเฉินไม่สนใจเรื่องนั้นเลย

 

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา หวู่หยางสะดุ้งตกใจ

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูเฉินถึงกล้าเอ่ยกับเฉินไห่หยางด้วยคำพูดและท่าทีเช่นนี้ … เป็นไปได้ไหมว่าวันนี้เขาพบเจอเรื่องน่าหวาดกลัวมากเกินไปจนเป็นบ้าไปแล้ว?

 

มุมปากของเฉินไห่หยางกระตุกเล็กน้อย สีหน้าที่เพิ่งปรับเป็นปกติกลับมามืดมน กัดฟันกล่าว “เพราะฉันเป็นรองผู้นำของสถานชุมชนเทียนหนาน!”

 

“เป็นรองผู้นำแล้วมันทำไม? รองผู้นำสามารถเพิกเฉยต่อกฏเกณฑ์ได้หรือ? รองผู้นำสามารถรังแกคนอ่อนแอยังไงก็ได้สินะ?”

 

ซูเฉินเบ้ปาก หัวเราะอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ฟังจากคำพูดของคุณ เหมือนกำลังคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำอย่างไรอย่างนั้นเลย คุณคิดว่าสถานชุมชนเทียนหนานเป็นสมบัติของตัวเองแค่คนเดียวรึไง ที่พอพูดอะไรออกมา ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม!”

 

“ … ” เอาล่ะ ต้องขอบอกว่าตอนนี้หวู่หยางตกตะลึงจริงๆแล้ว

 

ซูเฉินในปัจจุบัน แตกต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว คล้ายกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

 

เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินไห่หยางที่ทรงพลังและมีสถานะใหญ่โต ซูเฉินกลับไม่ข่มอารมณ์ เอ่ยทุกประโยคในใจออกมาโดยไม่สนอะไรเลย

 

นี่สมควรเรียกว่ากล้าหาญ .. หรือแค่โง่เง่าไม่รู้จักประมาณตนกันแน่?

 

หวู่หยางกลายเป็นโง่งมไม่ทราบจะทำอย่างไรดี

 

สีหน้าของเฉินไห่หยางค่อยๆคล้ำลงกลายเป็นสีเขียว แดง และขาวตามลำดับ มือของเขากำแน่นจนเกิดเสียง ‘กร๊อบ’ กลิ่นอายฆ่าฟันแผ่กระจาย วนเวียนรอบตัวเขา

 

เจ้าคนอ่อนแอไม่ต่างจากมดปลวกนี่ กล้าดียังไงมาตะโกนใส่หน้าเขา? ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของทีมทหารรับจ้าง เขาคงกระโจนเข้าสังหารซูเฉินไปแล้ว

 

หวู่หยางพอเห็นเฉินไห่หยางโกรธสุดๆ ก็รีบออกมาจบบทสนทนา “รองผู้นำ ฉันว่าเอาแบบนี้แล้วกัน วันนี้ปล่อยให้ซูเฉินกลับบ้านไปก่อน จนกว่าเรื่องราวจะชัดเจน ก็ห้ามให้เขาออกมาเดินเพ่นพ่านตามใจชอบ”

 

เฉินไห่หยางกัดฟัน สายตาคมกริบทอประกายโหดเหี้ยม หลังจากถลึงมองซูเฉินอยู่นาน สุดท้ายพ่นลมหายใจเย็นชา “เจ้าหนู วันนี้ถือว่าแกโชคดี ฝากไว้ก่อนเถอะ”

 

พูดจบก็สะบัดแขนและเดินจากไปทันที

 

เวลานี้โอกาสไม่เหมาะที่จะฆ่าซูเฉิน แต่ตราบใดที่ซูเฉินไม่ออกจากสถานชุมชนเทียนหนาน เขามีอีกหลายวิธีในการกำจัดซูเฉิน

 

และเขาจะไม่ยอมให้ซูเฉินตายสบาย เฉินไห่หยางจะทำให้ซูเฉินพบว่าตายๆไปซะดีกว่ามีชีวิตอยู่เพื่อระบายความเดือดดาลในใจเขา

 

ระหว่างที่เฉินไห่หยางกำลังเดินออกจากห้อง ซูเฉินก็ตะโกนเสียงดังไล่หลังไป “สกุลเฉิน รีบมาเอาคืนล่ะ บิดารออยู่!”

 

ยังไงซะซูเฉินก็แตกหักกับเฉินไห่หยางแล้ว ฉะนั้นกวนประสาทเขาอีกสักหน่อยจะเป็นไร

 

หากเฉินไห่หยางกล้าลงมือตอนนี้ ซูเฉินจะฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง แสร้งทำเป็นป้องกันตัวแล้วบังเอิญสังหารเขา คราวนี้ก็สามารถพลิกสถานการณ์ตกเป็นจำเลยของสถานชุมชนได้แล้ว

 

เฉินไห่หยางได้ยินคำพูดของซูเฉิน แทบจะสะดุดขาตัวเองล้ม

 

แต่เขาไม่ยอมพูดอะไร เร่งฝีเท้าจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

เวลานี้ หวู่หยางเดินเข้าหาซูเฉิน ฝืนยิ้มขมขื่น “ซูเฉิน นายหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว”

 

เมื่อครู่ซูเฉินไม่เพียงไม่ไว้หน้าเฉินไห่หยาง แต่ยังล่วงเกินอีกฝ่ายจนขุ่นข้องหมองใจ ด้วยบุคลิกคิดแค้นพยาบาท เฉินไห่หยางต้องเอาคืนความอัปยศในครั้งนี้อย่างแน่นอน และซูเฉินอาจถึงขั้นจบชีวิตลงเลยก็ได้

 

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ” ซูเฉินยิ้มบาง “หัวหน้าหวู่ ในเมื่อจบเรื่องแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

 

“อืม” หวู่หยางพยักหน้า แต่ไม่วายเอ่ยเตือน “หลังจากนี้ไปก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

 

“ไว้ใจผมได้เลย” ซูเฉินตอบ หันหลังเดินจากไป

 

มองตามแผ่นหลังของซูเฉินที่กำลังลับสายตา หวู่หยางถอนหายใจอย่างเงียบๆ “เฮ้อ!ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ ไม่น่าเลย”

 

 

บ้านของซูเฉินเป็นบังกะโลหลังเล็กๆ มันทรุดโทรมไปหน่อย แต่ก็ยังเป็นบ้านเดี่ยวที่ใช้ซุกหัวนอนได้เป็นอย่างดี

 

กลับมาถึงบ้าน เขาก็เริ่มเปิดถุงเก็บของ หยิบอาหารกระป๋องออกมาเตรียมกินอย่างสบายอารมณ์ แต่ในตอนนั้นเอง

 

“อ๊า … ซอมบี้! มีซอมบี้บุกเข้ามา..!”

 

“ซอมบี้พวกนี้มาจากที่ไหนกัน ทำไมถึงมีจำนวนมากขนาดนี้ .. รีบหนีเร็ว ..!”

 

ซูเฉินยังไม่ได้ยัดอาหารเข้าปากสักคำ จู่ๆก็เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นข้างนอก