โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.110 – พันธมิตร

 

แสงสีดำโถมเข้าปกคลุมตั๊กแตนนายพล ภายใต้การเสริมพลังของศิลานรก อำนาจของลำแสงแห่งความมืดทวีอานุภาพขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ร่างของตั๊กแตนนายพลแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว เซลล์เริ่มเสื่อมสภาพและตายลง สีเขียวชอุ่มบนร่างกายมันเริ่มกลายเป็นสีซีดเหลือง

 

ตั๊กแตนนายพลสั่นเทาไปทั้งร่าง มันคล้ายกลายเป็นแก่ชราใกล้จะลงโลง

 

“ลำแสงเปลวเพลิง!”

 

ฉินเฟิงระเบิดลำแสงออกไปอีกครั้ง

 

เวลานี้ตั๊กแตนนายพลเบิกตากว้าง มันล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้ หันหลังกลับ ตัดสินใจหลบหนี

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมันอ่อนแอเกินไป เทียบไม่ได้เลยกับความเร็วก่อนหน้านี้

 

เปรี้ยง!

 

เปลวเพลิงระเบิดเข้าใส่กลางแผ่นหลังของมัน เลือดสีเขียวสาดกระจายไปทั่วพื้น

 

และในเลือด ยังปรากฏเศษชิ้นเนื้อสีดำ กระจัดกระจายรวมอยู่ด้วย –นั่นคือเซลล์ที่ตายแล้ว!

 

หลังจากกำจัดนายพลสัตว์ร้ายได้แล้ว เมื่อไร้หัวหอก แมลงตนอื่นๆก็หวาดกลัวและเริ่มถอยทัพกลับทันที ทว่าเนื่องจากกองทัพแมลงมีจำนวนมากเกินไป ไหนจะพวกข้างนอกที่เดิมคิดจะบุกเข้ามาอีก ฝั่งข้างในหนีเลยไม่สามารถถอยได้ทันที กระจุกตัวรวมกันอยู่ตรงทางออก

 

“เพลิงโลกันต์!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงปะทุโหมอย่างเมามัน เปลวเพลิงสาดกระจายลุกลามราวกับไฟป่า ปกคลุมไปตลอดทั้งโถงชั้นแรกในพริบตา

 

พลังไฟโถมเข้าแผดเผาแมลงเหล่านั้น กลืนกินพวกมันจมลงสู่ทะเลเพลิง!

 

สามนาทีต่อมา พวกแมลงจากภายนอกเหมือนจะหมดสิ้นเจตนารุกราน ยอมถอยจากไป ฉินเฟิงจึงดับทะเลเพลิงของเขาลง

 

และพบว่าภายในช่วงเวลาดังกล่าว ตนสามารถสังหารพวกแมลงไปได้กว่าหลายร้อยตัว!

 

บนพื้นโรงแรม นอกเหนือไปจากร่องรอยสีเทาและดำแล้ว ยังมีลูกปัดขนาดเท่าเล็บฝ่ามือ นอนกลิ้งอยู่ พวกมันคือแก่นพลังงาน

 

แน่นอน ว่ามีจำนวนไม่มากเท่าไหร่หรอก เพราะยังไงซะ แมลงสัตว์ร้ายทั้งหมดที่บุกเข้ามาล้วนอ่อนแอ จึงมีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ครอบครองแก่นพลังงาน –พวกมันไม่ใช่กองทัพซากศพ ที่ครอบครองแก่นพลังงานกันทุกตัว!

 

“จงกักเก็บ!”

 

ฉินเฟิงบังคับพลังสมาธิตน ดึงแก่นพลังงานเหล่านี้ให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ

 

เขาฆ่าไปนับร้อย แต่กลับได้รับแก่นพลังงานแค่ 13 ชิ้นเท่านั้น นี่ขนาดนับรวมของตั๊กแตนนายพลที่เขาสังหารไปก่อนหน้านี้แล้วนะ

 

สินสงครามไม่ได้มีแค่แก่นพลังงาน แต่ฉินเฟิงยังเก็บเคียวใบมีดของตั๊กแตนนายพลลงในอุปกรณ์มิติของเขาเช่นกัน

 

ณ เวลานี้ ร่างที่สะบักสะบอมเดินตรงมายังประตูที่ถูกทำลายลง

 

“เอ่อ … ”

 

ชายที่กำลังกุมหน้าท้อง มองฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจระคนหวาดกลัว

 

“มิสเตอร์ฉิน ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา”

 

เขาคือหนึ่งในคนที่ถูกฉินเฟิงไล่ตะเพิดออกจากโถงอาหารก่อนหน้านี้

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้วและกล่าว “ฉันก็แค่คิดว่าพวกนายทำเสียงดังเกินไป มันจะเป็นการดึงดูดพวกแมลงสัตว์ร้ายเข้ามา เลยเก็บกวาดพวกมันก็เท่านั้น”

 

ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “ต้องขอโทษจริงๆ ตอนแรกสถานการณ์ก็ยังอยู่ในการควบคุม แต่เป็นเพราะพลังงานอาวุธของฉันดันหมดลง ผลก็เลยกลายเป็นแบบนี้”

 

สำหรับปืนพลังงาน มันคืออาวุธทำลายล้างสูง คือหนึ่งในอาวุธที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง แต่เวลายิงกลับเงียบเชียบ ไม่ส่งเสียงดังเหมือนกับประสิทธิภาพของมันแต่อย่างใด ทว่าน่าเสียดาย ที่การใช้งานมันสิ้นเปลืองมากเกินไป ไหนจะราคาที่สูงลิ่ว ดังนั้นมือปืนส่วนใหญ่เลยมักจะใช้กระสุนธรรมดาหรือพวกกระสุนปืนใหญ่กันซะมากกว่า

 

แม้อาชีพมือปืนส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศรษฐี แต่ก็มีบ้างเป็นบางคนที่ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดนั้น

 

“อืม .. ”

 

ฉินเฟิงพยักหน้าเข้าใจ

 

โถงชั้น 1 กว้างเกินไป ไหนจะประตูและกระจกมากมายที่สามารถทะลวงเข้ามาจากภายนอก ด้วยเหตุนี้เอง แม้พวกเขาจะสามารถต้านทานการรุกรานของสัตว์ร้ายเลเวล G ได้ แต่หากเป็นสัตว์ร้ายเลเวล F คงไม่ไหว แม้ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ กลุ่มคนเบื้องหน้าจะทำการโรยผงขับไล่สัตว์ร้ายแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากมีแมลงบุกเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินไป ดังนั้นมันเลยไม่ได้ผล

 

หลังจากที่ฉินเฟิงแก้ไขวิกฤตนี้ได้แล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะให้ความสนใจกับคนพวกนี้อีก ดังนั้นจึงหันหลังกลับ และเตรียมจะจากไป

 

“รอก่อนมิสเตอร์ฉิน!”

 

เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าฉินเฟิงกำลังจะจากไป เขาก็ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

 

แต่ฉินเฟิงกลับไม่หยุดฝีเท้า!

 

ชายคนนั้นเลยเร่งกล่าวอีกครั้ง “มิสเตอร์ฉิน ระหว่างหลบหนี พวกเราบังเอิญไปพบเจออะไรบางอย่างเข้าที่ชั้นสอง บางทีคุณอาจจะสนใจมันก็ได้ และในเมื่อคุณเองก็อยากรอดชีวิตไปจากหายนะในครั้งนี้เหมือนกัน งั้นก็สมควรที่จะมีผู้ใช้พลังให้มากเข้าไว้ ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ!”

 

ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการให้ฉินเฟิงจากไป

 

เพราะอย่างไรเสีย ฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่ง แกร่งมากเกินไป!

 

ตนได้เห็นมากับตา ว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ไหนจะพลังพิเศษที่เขาปลดปล่อยออกมาอีก นั่นไม่ใช่อำนาจที่ผู้ใช้พลังเลเวล F ทั่วๆไปจะเทียบเปรียบได้

 

เมื่อฉินเฟิงได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย เขาก็หยุดฝีเท้าลง

 

“บางอย่างที่ว่านั่นคืออะไร?”

 

“มิสเตอร์ตามฉันมาคุณก็จะรู้เอง”

 

ฉินเฟิงเกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่าคนพวกนี้คิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเขา แต่หากตามขึ้นไปและมีลูกไม้จริงๆ อย่างคนพวกนี้น่ะหรือจะสามารถสังหารเขาได้?

 

เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินเฟิงก็ตัดสินใจเดินตามไป เนื่องจากไม่มีพวกแมลงบุกเข้ามาอีกแล้ว ระหว่างทางจึงปลอดภัย

 

เวลานี้ บนทางเดินชั้นสองถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยเตียงจากห้องพัก เหลือช่องว่างไว้แค่ไม่ถึงครึ่งเมตร และมีศพของพวกแมลงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งจะใช้สถานที่แห่งนี้ต่อสู้กับแมลง เพื่อหลบหนีขึ้นไปยังชั้นบน

 

แต่นี่มันก็แค่การป้องกันง่ายๆ หากฉินเฟิงไม่ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน มันคงถูกพวกแมลงพังทลายลงในพริบตา

 

ฉินเฟิงเดินผ่านประตู ในเวลานี้มีสองคนอยู่ข้างใน เหมือนก่อนหน้านี้ไป๋หลีจะเคยพูดว่ามีทั้งหมดเจ็ดคนที่นี่ และหนึ่งในนั้นกลายเป็นอาหารแมลงไปแล้ว

 

เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าอีกสามคนจากในหกก็ตายไปแล้วเช่นกัน

 

“มิสเตอร์ฉิน ฉันชื่อว่าวังเฉิน ก่อนหน้านี้พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย แต่ปัจจุบันทุกคนต่างก็ตกที่นั่งลำบาก ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสาเรื่องที่เคยเกิดขึ้น” วังเฉินกล่าวพลางกุมท้องตน

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ส่งผลให้หน่วยความจำของตนไม่เลวร้ายจนเกินไป เจ้าตัวย้อนนึกก็จดจำได้ทันที ว่าวังเฉินคือหนึ่งในสหายของผู้ใช้วรยุทธโบราณซึ่งเคยใช้คำพูดล่อลวงไป๋หลี

 

ดูเหมือนว่าไป๋หลีจะเอ่ยถึงอาหารแมลงอะไรซักอย่าง น่ากลัวว่าไอ้ที่กลายเป็นอาหารคงไม่พ้นหมอนั่นใช่ไหม?

 

ด้วยรูปลักษณ์ของไป๋หลี และการปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันในสภาพแวดล้อมที่โกลาหลเช่นนี้ ใครบ้างเล่าจะไม่คิดล่วงเกินเธอ

 

แต่ไป๋หลีก็มีวิธีปกป้องตนเอง

 

ใบหน้าของฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะหม่นลง เขามองไปทางวังเฉินด้วยความเย็นชา

 

วังเฉินรู้สึกเย็นยะเยือกในร่างกาย แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้แก่อีกฝ่าย

 

อย่างที่ทุกคนทราบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับไป๋หลีอย่างไรก็เป็นความจริง

 

แต่ไป๋หลีก็จัดการคนที่ลวนลามเธอ เหวี่ยงทะลุหน้าต่างออกไป ขณะเดียวกันก็กลายเป็นดึงดูดพวกแมลงเข้ามา คนพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่น จึงยิงปืนเข้าสกัด ผลลัพธ์เลยกลายเป็นเรียกพวกแมลงให้เข้ามามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

ในบรรดาทีมเดิม วังเฉินคือคนเดียวที่ยังรอดชีวิตจากการต่อสู้ ขณะที่คนอื่นๆล้มหายตายจากไปกันหมดแล้ว

 

แต่หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของฉินเฟิง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดแก้แค้นใดๆ

 

ที่เหลืออีกสองคนไม่มีความขุ่นเคืองใดๆกับฉินเฟิง ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาเลยแค่รู้สึกประหลาดใจที่พบกับฉินเฟิง

 

“มิสเตอร์ฉิน ส่วนฉันชื่อเหอหลิง อีกคนเซ่าเซี่ยง”

 

“อืม เรียกฉันว่าฉินเฟิงเฉยๆก็พอ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ไม่ ไม่ ไม่ได้หรอก เรียกมิสเตอร์ฉินน่ะเหมาะแล้ว เพราะตอนนี้พวกเราเป็นแค่ทีมที่แตกพ่าย และต้องการผู้นำ ฉันหวังว่ามิสเตอร์ฉินจะช่วยพวกเรา ตราบใดที่สามารถรอดชีวิตไปได้ พวกเราจะตอบแทนพระคุณอย่างแน่นอน”

 

เวลานี้ พวกแมลงสัตว์ร้ายมันทรงพลังมากเกินไป กระทั่งพวกเขาที่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล F เมื่อต้องเผชิญกับนายพลสัตว์ร้าย ตั๊กแตนใบมีดเลเวล F เอาจริงๆก็ยังไม่อาจต้านทานมันได้ แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะพบกับการดำรงอยู่อย่างฉินเฟิง ทั้งหมดบังเกิดความหวังขึ้นอีกครั้ง

 

หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น

 

นั่นเพราะเขาไม่ต้องการพวกอ่อนแอ!

 

แต่เมื่อคิดว่าปัจจุบันมีเพียงหลิวซูคนเดียวที่สู้ได้ ฉินเฟิงเลยรู้สึกว่าการมีผู้ใช้พลังพวกนี้เพิ่มเข้ามามันก็ดีเหมือนกัน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในชั้นใต้ดินยังมีตัวถ่วงกระจุกรวมอยู่กว่าอีก 20 คน!

 

“ก็ได้ ไม่มีปัญหา!”

 

“หมายความว่ามิสเตอร์ฉินยอมตกลงใช่ไหม?” เหอหลิงอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

“ขอบพระคุณมิสเตอร์ฉิน!” เซ่าเซี่ยงเร่งกล่าว กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ

“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ!” คราวนี้วังเฉินไม่ได้ฝืนยิ้มอีกต่อไป เขายิ้มด้วยความสุขจริงๆ เพราะอย่างน้อยฉินเฟิงก็เห็นด้วยกับข้อเสนอ

 

“แต่ยังไม่ลืมหรอกใช่ไหม ว่าก่อนหน้านี้นายให้ฉันขึ้นมาที่นี่ทำไม?” ฉินเฟิงย้อนทวนคำกล่าวของวังเฉิน

 

วังเฉินเร่งตอบ “มิสเตอร์ฉิน ฉันไม่ได้โกหกคุณ มาทางนี้สิ แล้วลองมองออกไปดู!”

 

วังเฉินนำฉินเฟิงมองออกไปยังหน้าต่าง