Ep.1019 – อาหารเสริมชั้นดี

 

ห้วงเวลาคล้ายถูกแช่แข็ง เงียบงันไร้สรรพเสียงใด

 

คงจะมีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สา เขาเริ่มก้าวเดินต่อไป ไม่เร็วไม่ช้า ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความสุขแม้แต่น้อย ระยะห่างร้อยเมตร ใช้เวลาเพียง 3 วินาที ก็มาถึงศพของนักพรตมาร

 

บนอัฒจันทร์สำหรับรับชมของงานนประลองเมืองเซ็นทรัลซิตี้ ถึงเวลานี้ค่อยมีคนสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน เกิดปฏิกิริยาเป็นลูกโซ่ นำมาซึ่งความโกลาหล

 

ใบหน้าของเส้าตงเฟิงแข็งทื่อ

 

มุมปากของชิน นากาว่ากับริคสั่นระริก

 

ส่วนหลงถิงโห่ร้องด้วยความปิติยินดี กำหมัดแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉินเฟิง ชายหนุ่มผู้นี้ จะกลายเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่มิติของพวกเธอ

 

เสียงของพิธีกร ตอนนี้ก็กลับมาเช่นกัน

 

“เหลือเชื่อ … น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! แต่เขาสามารถทำมันได้จริงๆ!!  ผู้เข้าประลองอันดับ 5 ของฉินเฟิง เอาชนะนักพรตมาร ผู้เข้าประลองอันดับ 1 ของพันธมิตรองค์กรมืด! แถมอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตอบโต้ ก็ถูกฆ่าตายซะแล้ว!”

 

“ว่าแต่กระแสวังวนแห่งความมืดนั่นมันอะไรกัน? แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าการเผชิญหน้าในครั้งนี้ ผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือฉินเฟิง!”

 

เพียงไม่กี่วินาที เลือดในกายของผู้ชมเดือดพล่าน ไม่มีใครคิดว่าช่วงเริ่มงานมันไร้ความหมายและน่าเบื่ออีกต่อไป

 

“ฉินเฟิงคนนี้ หรือจริงๆแล้วจะเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด? ไม่สิ นี่มันไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เขาเข้ารับการทดสอบโดยใช้วรยุทธโบราณ แถมเมื่อครู่ยังใช้กระบวนท่าวรยุทธอีกเช่นกัน”

 

“ … ผู้ฝึกฝนสองสาย! ไม่น่าจะผิดพลาดแล้ว เขาต้องเป็นผู้ฝึกฝนสองสายแน่ๆ! พลังสมาธิและพลังการรับรู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าของนักพรตมาร นอกจากนี้ตามร่างกายสมควรมีอักษะรูนมืดปกคลุม ทำให้นักพรตมารไม่เจอตัวเขา!”

 

“พอเข้าใกล้ถึงในระยะ 100 เมตร ก็เปิดใช้งานเทคนิคอบิลิตี้มืด มันน่าจะมีคุณสมบัติช่วยบดบังการรับรู้ จากนั้นอาศัยจังหวะนั้นจู่โจมทันที ปลิดชีพศัตรู”

 

“ร้ายกาจ .. ร้ายกาจจริงๆ! นี่มันอัจฉริยะชั้นยอดชัดๆ!”

 

ผู้คนนับไม่ถ้วนเอ่ยปากชมเชย และเริ่มพากันวิเคราะห์ฉินเฟิงอย่างละเอียด แม้ผู้ที่ไม่เข้าใจถึงพลังของฉินเฟิง ภายใต้คำอธิบายของพิธีกร ก็ค่อยๆเริ่มรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา

 

ในสนามประลอง ฉินเฟิงเก็บมีดกษัตริย์ครามกลับเข้าฝัก ตั้งแต่ที่มันถูกหลอมรวมเข้ากับแก่นอบิลิตี้ของสัตว์ยักษ์มิติ ผลกระทบจากการฟันในแต่ละครั้งของมีดกษัตริย์ครามมันชัดเจนเกินไป ถ้าใช้ต่อสู้นานๆ มันจะสร้างรอยแยกมิติอย่างต่อเนื่อง ยามสู้มันสามารถระเบิดพลังได้มหาศาลก็จริง แต่ตรงกันข้าม หากเผยโฉมมันออกมาโดยไม่ใช้ทำอะไร จะกลับกลายเป็นสร้างปัญหาให้กับฉินเฟิงแทน

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มทำการดูดซับกำลังภายใน

 

“ทักษะลับกลืนดารา!”

 

นักพรตมารคือผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S9 ดาวเคราะห์กำลังภายในในร่างเขามีขนาดอย่างน้อย 9 ซม.

 

คนที่สามารถสร้างแต้มพลังโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าหมิงเทียนห่าวได้ ดาวเคราะห์กำลังภายในของเขาย่อมไม่มีขนาดเล็กอย่างแน่นอน

 

ไม่มัวเสียเวลา ฉินเฟิงวางฝ่ามือ ดูดพลังงานจากตันเถียนของนักพรตมาร ปรากฏหกดวงดาราย้ายเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือของฉินเฟิง

 

คลิก คลิก คลิก คลิก!

 

ดาวเคราะห์ทั้งห้าดวงแตกเป็นเสี่ยงๆ หลอมรวมเข้ากับมือของฉินเฟิง กลายเป็นกระแสไหลไปตามเส้นลมปราณ

 

เส้นลมปราณของฉินเฟิงกว้างมาก หลังจากเศษชิ้นส่วนดวงดาราไหลลงไป พวกมันก็แปรสภาพเป็นกำลังภายในอันไร้ที่สิ้นสุดทันที ทะลักล้นเข้าไปในตันเถียนของฉินเฟิง

 

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

 

พลังพิเศษดูดกลืน เริ่มกระบวนการซึมซับกำลังภายในเหล่านี้ สุดท้ายหนึ่งในสามของพวกมันถูกคัดออก ส่วนที่เหลือถูกรวมเข้ากับดาราทั้งเก้าของฉินเฟิงแต่ละดวงมีขนาดเพิ่มขึ้นครึ่งซม.

 

“เพิ่มขนาดขึ้นไวจริงๆ ก็อย่างว่าล่ะนะ ทักษะกำลังภายในของฉัน ฆ่าคนมันเห็นผลเร็วกว่าเป็นไหนๆ!”

 

แม้ปากพร่ำบ่น แต่การเคลื่อนไหวของฉินเฟิงไม่มีสะดุด มองจากดวงตากลมยักษ์บนท้องฟ้า การกระทำของฉินเฟิงเหมือนกับกำลังมองหาตราบนร่างของนักพรตมาร

 

ไม่นานฉินเฟิงก็พบมัน ดึงตรานี้ออก ทั้งยังนำอุปกรณ์รูนมิติบนศพของนักรพรตมารออกมาด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฉินเฟิงกำลังเดินจากไป เขาฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ วาดมือกลับไปยังทิศทางศพ รังสีแสงสีดำกระจายเข้าปกคลุมศีรษะซึ่งกำลังคาบหนอนเขมือบไขกระดูกตัวใหญ่

 

แม้ฉินเฟิงจะไม่เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับมันมาก่อน แต่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงาน และวิชามารที่นักพรตมารใช้ ว่านี่มันของดี

 

และของดี จะต้องโดนเขาดูดกลืน!

 

สามารถกล่าวได้ว่าหนอนเขมือบไขกระดูกร้อยล้านปีเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นเลิศ แมลงชนิดนี้เดินทางข้ามผ่านมิตินับไม่ถ้วน เติบโตจากการกินไขกระดูก แต่ที่กล่าวมามิใช่ไขกระดูกของสมองมนุษย์ หากแต่เป็นไขกระดูกวิญญาณในเส้นชีพจรธรณี

 

ช่วงเวลาร้อยล้านปี สิ่งมีชีวิตเช่นมัน ค่อยๆเติบใหญ่และกักเก็บพลังงานเหนือจินตนาการเอาไว้

 

ถือเป็นยาชูกำลังชั้นเลิศ

 

ฉินเฟิงกินมันต่อโดยใช้งานพลังพิเศษดูดกลืน ในพริบตา ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ปังงงง!

 

โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนหรือบ่งบอกใดๆ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงทะลุขึ้นสู่เลเวล S1 ทันที!

 

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง เขาต้องสังหารสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน จึงจะสามารถยกระดับได้ในแต่ละขั้น ทว่าด้วยหนอนเขมือบไขกระดูกร้อยล้านปีเพียงตัวเดียว มันสามารถช่วยเขาได้ ลองคิดเอาเถิดพลังงานที่มันพักเก็บไว้ มีมากมายเพียงใด

 

“ของชั้นดี!” ฉินเฟิงทอดถอนหายใจด้วยความชื่นชม

 

หลังจากดูดซับจนเสร็จสิ้น ฉินเฟิงก็เลือกทิศทางที่จะไปต่อ แล้วก้าวออกจากบริเวณนี้

 

ตามเส้นทาง หลังจากฉินเฟิงออกมา เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับคนอื่นๆเลย ดังนั้นตายักษ์จึงเบนความสนใจไปยังทิศทางอื่น จอฉายภาพอันใหญ่สุดถูกเปลี่ยนภาพ แต่แน่นอนว่ายังหันมาทางฉินเฟิงบ้างเป็นครั้งคราว

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้พลังทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ ขณะนี้ในหัวใจของพวกเขาฟุ้งไปด้วยความอิจฉา

 

ส่วนผู้ใช้พลังในมิติโลกมนุษย์ เวลานี้ต่างพากันถอนหายใจด้วยอารมณ์

 

“ฉินเฟิงคนนี้ จะว่าบ้าบิ่นก็ใช่ จะว่าโชคดีก็ไม่เชิง เขากล้าดูดซับหนอนเขมือบไขกระดูกร้อยล้านปีโดยไม่รู้สึกเสียดายเฉยเลย!” ชิน นากาว่ากล่าวด้วยความริษยา  เพราะสมบัติเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มิติของเธอจะสามารถค้นพบ หรือคิดแม้จะครอบครองได้

 

“ในสนามประลอง ยิ่งมีกำลังรบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสรอดพ้นจากวิกฤตถึงตายได้เท่านั้น เขาดูดซับมันน่ะดีแล้ว เพราะตอนนี้ต้องยกระดับให้เร็วที่สุด แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจ ว่าในเวลาเจ็ดวัน ฉินเฟิงจะสามารถออกมาแบบมีชีวิตหรือไม่? แต่ถ้ารอดมาได้จริงๆ ถึงเวลานั้นพอเขาได้รางวัลเป็นมิติ มันอาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้” ยารุส ผู้ใช้อบิลิตี้ดินที่เพิ่งยกระดับขึ้นเป็นเลเวล SS คนล่าสุดกล่าว

 

คนๆนี้ คือผู้ใช้อบิลิตี้ที่สามารถตัดผ่านสู่เลเวล SS ได้ในมิติมวลหมู่ดาวรูน กลายเป็นเลเวล SS คนที่ 20 ของโลกมนุษย์ แน่นอน นั่นคือสิ่งที่ทุกคนพูด เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าอันโดรตายไปแล้ว

 

“เหอะ! ต่อให้คุณเป็นคนได้มิตินั้นไปครอง นึกหรือว่าคุณจะรักษามันได้ดีกว่าฉินเฟิง!” หลงกงเข้าใจดีว่ายารุสกำลังคิดอะไร เจ้าตัวเลยอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยและตัดบทให้อีกฝ่ายหมดหวัง

 

อำนาจที่ฉินเฟิงสำแดงออกมาทรงพลังขนาดไหน พวกเขาไม่เห็นกันเลยหรือ? แทนที่จะสนับสนุน ตอนนี้ยังเกิดจิตละโมบเล็กๆน้อยๆขึ้นอีก ไม่เคยได้ยินวลีแย่งอาหารจากเสือ แล้วสุดท้ายไม่รอดชีวิตรึไง?

 

สำหรับเรื่องนี้ ชิน นากาว่ากับริคไม่ต้องการกล่าวถึง พวกเขาทราบดีถึงความร้ายกาจของฉินเฟิง แต่ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่ออีกฝ่าย

 

ในทางกลับกัน ยารุสไม่รู้ด้วยซ้ำ บวกกับเขาเพิ่งสามารถยกระดับ ดังนั้นเปี่ยมไปด้วยความทรนง อวดเบ่งอยู่บ้าง

 

“ไม่ใช่เสียหน่อย! ฉันกำลังจะสื่อว่า ถ้าฉินเฟิงนำมิติที่ได้มาไปบรรณนาการเลเวล SSS เขาคงได้รับทรัพยากรตอบแทนมหาศาล และที่สำคัญอย่างน้อยก็มีคนคอยคุ้มกะลาหัว!”

 

หลงกงยังคงยิ้มเยาะ “ กับอีแค่ทรัพยากร ฉินเฟิงสามารถหาเองได้เป็นภูเขาเลากา จะไปก้มหัวยืมมือคนอื่นทำไม ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แลกกับของตอบแทนแค่นั้นมันคุ้มค่าหรือ?”

 

ถึงจุดนี้ ยารุสไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่สบถด่าหลงกงในใจ นี่อีกฝ่ายไม่คิดหรือว่าผู้ใช้พลังคนอื่นๆก็กำลังคิดฉกฉวยผลประโยชน์จากฉินเฟิงอยู่เหมือนกัน

 

ฉินเฟิงไม่ทราบเรื่องที่คนอื่นๆโต้เถียงกัน เขายังมุ่งหน้าต่อไป เพียงแต่ว่าทิศทางของเขา มันไม่ใช่ทิศทางที่จะเดินไปรวมตัวกับสมาชิกพันธมิตรมนุษย์คนอื่นๆ ตรงกันข้าม ฉินเฟิงกำลังเดินลึกเข้าไปในดินแดนของศัตรู

 

และไม่นาน พันธมิตรมนุษย์กับพันธมิตรองค์กรมืดก็ได้ปะทะกัน ตอนนี้มีสองคนฝ่ายพันธมิตรมนุษย์กำลังวิ่งหนี ส่วนอีกรายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต

 

บรรยากาศในเมืองเซ็นทรัลซิตี้ ขวัญกำลังใจตกฮวบ เริ่มจับตาดูงานประลองอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันเกิดความกังวลในจิตใจ

 

“ไม่เข้าท่าแล้วสิ! ทิศทางที่ฉินเฟิงกำลังเดินไป อีกไม่นานจะเจอเข้ากับพวกองค์กรมืด แถมคราวนี้อีกฝ่ายยังรวมตัวกันถึงสามคน!” จู่ๆพิธีกรก็โพล่งขึ้นมา

 

ฝูงชนที่กำลังตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึม สะดุ้งตกใจอีกครั้ง ทั้งหมดมองไปยังจอภาพที่สลับไปมา

 

และพบว่า แม้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เจอกัน แต่ได้เข้าสู่ระยะหมื่นเมตรแล้ว หากฉินเฟิงยังเดินไปตามเส้นทางเดิมเรื่อยๆ เขาจะถูกศัตรูรุมโจมตีในที่สุด!