Ep.1016 – การกดดันของผู้แข็งแกร่ง

ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปกว่าสิบวัน เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณพยายามระงับความแข็งแกร่งของตน ฝืนทนต่อไป บังคับให้ตนยังรั้งอยู่ในขอบเขตเลเวล S แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ด้วยวิธีนี้ แม้ภายนอกอาจดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในความเป็นจริง ภายในก้าวหน้าเป็นอย่างมาก

ช่วงวันเวลาที่ผ่านมา ฉินเฟิงควบคุมการดูดซึมของเขา จนในที่สุดเส้นผ่านศูนย์กลางของดาราทั้งเก้าขยายขึ้นเป็น 4 ซม. แม้ถ้าเอาไปเทียบกับจักรวาลแห่งจิตสำนึก จะยังสู้ไม่ได้ก็ตาม

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานที่เช่นมิติมวลหมู่ดาวรูน มันสามารถให้กำเนิดตัวตนระดับจ้าวเหนือหัวได้ เป็นมิติที่อยู่ในระดับสูงสุดของทั้งหมดทั้งมวล

“หมดเวลาแล้ว พวกเราต้องกลับเดี๋ยวนี้!”

เส้าตงเฟิงจู่ๆก็ตะโกนออกมา ผู้ร่วมประลองสะดุ้งตื่นจากภวังค์ฝึกฝน ยามลืมตาบังเกิดประกายแสงวูบวาบสะท้อนในแววตาของคนเหล่านั้น ก่อนจะค่อยๆถูกสะกดเอาไว้ในภายหลัง

เส้าตงเฟิงควบคุมเรือหยก เริ่มลอยลำกลับสู่พื้นผิว

สามชั่วโมงผ่านไป ทั้ง 13 คนก็ออกจากใต้ดิน กลับคืนสู่พื้นผิวเบื้องบน

“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน จงแยกย้ายไปพักผ่อน สิ่งแรกที่ต้องทำในเช้าวันต่อมา คือการเข้าร่วมประลองเพื่อสันติภาพอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้ว!”

“ขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่!” ทุกคนประสานมือคารวะขอบคุณ

สายตาของเส้าตงเฟิงกวาดผ่านฝูงชน ตกลงบนร่างของฉินเฟิง

“ฉินเฟิง เจ้าอย่าเพิ่งไป ฉันมีอะไรจะพูดด้วย” เส้าตงเฟิงกล่าว ขณะเดียวกันวาดฝ่ามือ เปิดประตูมิติปล่อยคนอื่นออกไป

คนอื่นๆเห็นท่าทีของเส้าตงเฟิง ก็เกิดไหวพริบรู้งาน หันหลังและพากันจากไปทันที

เหลือเพียงฉินเฟิงที่ไม่ขยับฝีเท้า รอจนกระทั่งทุกคนหายไป ตอนนี้ถึงค่อยเอ่ยปากขึ้น “ไม่ทราบว่าที่ท่านผู้ใหญ่เส้ามีอะไรให้ผมรับใช้?”

เส้าตงเฟิงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนกำลังยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร เปิดปากว่า “ฉินเฟิง ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลวเลย แต่อย่างไรยังถือว่าอยู่ในเลเวลต่ำ น่ากลัวว่าจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในงานประลองเพื่อสันติภาพได้”

ฉินเฟิงเริ่มคิดคำนวณในใจ คาดเดาความหมายจากคำพูดของเส้าตงเฟิง

เส้าตงเฟิงกล่าวต่อว่า “ฉันมียาอยู่ชนิดหนึ่ง มันสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้พลังยกระดับจากเลเวล S9 ขึ้นเป็นเลเวล SS ได้ ในกรณีของเจ้าแม้ยังมาไม่ถึงเลเวล S9 แต่ยาตัวนี้มีสรรพคุณดีมาก บางทีอาจช่วยให้เจ้าสามารถยกระดับไปอีกหลายขั้นเลยก็ได้ ถึงเวลานั้นเมื่อต้องต่อสู้กับผู้ใช้พลังคนอื่นๆ ก็ไม่น่ายากหากคิดรับมือ!”

“ผมซาบซึ้งในความกรุณาของท่านผู้ใหญ่เส้า แต่นั่นเป็นแค่ตัวช่วยจากภายนอก อีกอย่างมันไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าร่วมประลองคนอื่นๆ ฉะนั้นช่างมันเถิด!”

เส้าตงเฟิงหัวเราะเยาะฉินเฟิงในใจ แต่บนใบหน้าของเขายังดูเป็นมิตร พร้อมเกิดความรู้สึกว่าฉินเฟิงช่างไร้เดียงสา

“นั่นก็แค่กฏที่ทึกทักกันไปเอง เจ้าคิดจริงๆหรือว่ายาตัวนี้ เจ้าเป็นคนเดียวที่ได้รับมัน? ไม่เลย ทุกคนไม่ว่าใครก็สามารถใช้ได้ ลองคิดเอาเถิด เจ้าไม่ใช้มันแต่คนอื่นใช้ แบบนั้นจะเสียเปรียบขนาดไหน รอจนถึงงานประลอง เจ้าจะกลายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S เพียงคนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆสามารถตัดผ่านสู่เลเวล SS ได้ ถึงเวลานั้น เจ้าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

ในความคิดของเส้าตงเฟิง ฉินเฟิงพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต้องรู้สึกตกใจ จากนั้นสาปแช่งในความอยุติธรรม สุดท้ายหันมาอ้อนวอนเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงเวลานั้นก็เข้าแผน! หลังจากสามารถช่วยให้ฉินเฟิงรอดชีวิตมาได้ ก็จะขอมิติที่ฉินเฟิงได้รับมาเป็นการแลกเปลี่ยน

เมื่อคิดถึงแผนการอันสมบูรณ์แบบนี้ เส้าตงเฟิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก บนใบหน้าเขายิ่งฉีกยิ้มร่า ถอนหายใจอย่างจริงจัง “อันที่จริงแล้วเจ้าถูกหลอกโดยโฆษณาชวนเชื่อพวกนั้น ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามี เข้าร่วมงานประลองก็เท่ากับไปตาย เดิมทีเจ้าไม่ควรเข้าร่วม แต่ฉันพอมีวิธีช่วยเจ้ารักษาชีวิต ในหนึ่งวันที่เหลือ ฉันขอเสนอให้เจ้า … ”

คำพูดของเส้าตงเฟิงหยุดลง รอให้ฉินเฟิงขอร้องเขา

แต่ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงกลับเผยรอยยิ้มจาง กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ศัตรูก็แค่เลเวล SS ใช่ไหม? ถ้าแค่นั้น การที่พวกมันคิดจะเอาชนะผม คงเป็นไปไม่ได้ หรือต่อให้เป็นเลเวล SSS ก็ตาม แต่ถ้าคิดไม่ซื่อกับผม อย่าหวังว่าจะง่ายอย่างที่คิด!”

สิ้นประโยค ฉินเฟิงมองไปยังเส้าตงเฟิงอย่างมีความหมาย คล้ายเจตนาจะสื่ออะไรบางอย่าง

หากเป็นเมื่อสามเดือนก่อน ฉินเฟิงย่อมไม่มีทางกล้าพูดแบบนี้ ต่อให้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาทรงพลังเพียงใดก็ตาม

แต่สามเดือนในปัจจุบันนี้ ภายในร่างของเขามีโคตรดาวเคราะห์ทมิฬอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ ดังนั้นถึงกล้าตัดสินใจพูด

“ข้อเสนอของท่านผู้ใหญ่เส้า ผมขอรับมันไว้ด้วยใจ แต่ผมคิดว่า ทุกอย่างจะเป็นยังไงล้วนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้พูด ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน จะได้กลับไปพักผ่อนเสียที!”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็หันหลัง แล้วก้าวเข้าหาประตูมิติทันที

เส้าตงเฟิงไม่คาดฝันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ฉินเฟิงไม่ได้เล่นตามบทที่เขาจินตนาการเอาไว้

และอีกอย่าง ฟังจากคำพูดของฉินเฟิง อีกฝ่ายไม่เพียงปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่ยังสบประมาทตัวเขาด้วย!

“ฉินเฟิง! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย? เชื่อหรือไม่ว่าฉันสามารถฆ่าเจ้าได้!”

“งั้นแกก็ลองดูสิ! ถ้าคิดว่าทำได้ก็มางัดกันตอนนี้เลย” ฉินเฟิงยิ้มเยาะ พลังสมาธิถูกขับเคลื่อน โคตรดาวเคราะห์ทมิฬเริ่มหมุนวน

เส้าตงเฟิงไม่นึกเลยว่าฉินเฟิงจะยังกล้ายั่วโมโหเขา เจ้าตัวไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป

เป็นอัจฉริยะแล้วอย่างไร? เป็นตัวแทนผู้เข้าประลองแล้วมันจะทำไม? ถึงการหาคนมาแทนที่ฉินเฟิงจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ บนอากาศที่บางเบาเบื้องหลังเส้าตงเฟิง ร่องรอยจางๆของดารายักษ์เริ่มปรากฏขึ้น

กำลังภายในจันทร์เต็มดวง!!

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง จู่ๆวิสัยทัศน์ของเส้าตงเฟิงพลันกลายเป็นมืดบอด ไม่สิ ไม่ใช่แค่การมองเห็น กระทั่งการได้กลิ่น ได้ยิน หรือรสสัมผัส ทั้งหมดมลายหายไป

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เส้าตงเฟิงร้องตะโกนในใจ

แม้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับเขามานานมากแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ย้อนกลับไปช่วงวัยเด็ก เขาเคยสัมผัสกลิ่นอายเช่นนี้มาก่อน คาดว่าน่าจะเป็นตอนต่อสู้กับคนของกองกำลังมืด ณ เวลานั้นเขาหลบหนีหัวซุกหัวซุน และพอนึกถึงยังคงสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวของมัน

“เทคนิคโอบกอดทมิฬ?” เส้าตงเฟิงยังไม่มั่นใจ ว่านี่ใช่เขาเข้าใจผิดไปหรือไม่

เพราะเทคนิคโอบกอดทมิฬเป็นแค่เทคนิคอบิลิตี้ธรรมดาๆ จริงอยู่ที่อานุภาพของมันจะเติบโตตามความแข็งแกร่ง แต่เทคนิครูนมืดระดับนี้ มันไม่มีทางส่งผลอย่างสิ้นเชิงต่อผู้ใช้พลังระดับสูง

นอกเสียจากว่า ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเหนือกว่าตนมากเกินไป หรือไม่นี่อาจเป็นเวอร์ชั่นดัดแปลงของโอบกอดทมิฬ

ยังไงก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นอะไรที่ฉินเฟิงสามารถสำแดงออกมาได้มิใช่หรือ?

ระหว่างเส้าตงเฟิงกำลังคิด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาก็ฟื้นคืนกลับมา ช่วงที่เขาติดอยู่ในโอบกอดทมิฬ เป็นเวลาแค่เพียง 0.1 วินาทีเท่านั้น

แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าไม่เหลือร่องรอยใดๆของฉินเฟิงแล้ว ในช่วงเวลาที่มองไม่เห็น เขาตกหลุมพรางของศัตรู!

“ฉินเฟิง—— !!!” เส้าตงเฟิงแผดคำรามด้วยความโกรธอย่างมิอาจควบคุม

ทว่าแม้ภายนอกแสดงออกเช่นนั้น แต่ภายในใจของเส้าตงเฟิงกลับสั่นสะท้าน บังเกิดความรู้สึกราวกับเพิ่งรอดชีวิตมาได้ หากคนเมื่อครู่ไม่ใช่ฉินเฟิง แต่เป็นคนอื่น แล้วเขาถูกอบิลิตี้นี้เล่นงาน คงไม่สามารถรู้ตัวด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนฆ่าตน

ฉินเฟิงสามารถสำแดงเทคนิคอบิลิตี้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน เวลานี้เส้าตงเฟิงไม่อาจหาคำตอบได้

สีหน้าของเส้าตงเฟิงบิดเบี้ยว ในหัวใจเกิดแผนการชั่วร้าย “ประเสริฐนัก! ฉินเฟิง คิดหรือว่าจะหนีจากฉันไปได้? ตราบใดที่แกรอดชีวิตจากงานประลอง เกรงว่าจะมีคนอื่นๆลงมือเร็วกว่าฉันซะอีก!”

นี่แหละหนอ ที่เขากล่าวกันว่าผลกำไรที่แท้จริง กรรมกรที่ลงมือไม่เคยได้รับ แต่เป็นนายทุนต่างหากที่สามารถคว้ามันไปครอง

ฉินเฟิงคือผู้เข้าร่วมประลอง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา จะสามารถรักษารางวัลที่ได้มาอย่างปลอดภัยได้จริงหรือ?

แน่นอน นั่นเป็นไปไม่ได้!

ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงก้าวออกจากประตูแสง กลับมายังเซ็นทรัลซิตี้ของพันธมิตรมนุษย์

เมื่อมาถึงที่นี่ ก็ถือว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว

ฉินเฟิงเชื่อว่าต่อให้เส้าตงเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS แต่อีกฝ่ายคงไม่กล้าหาเรื่องเขาในที่แห่งนี้