Ep.1000 – พรสวรรค์อันน่าตกตะลึง

แต่ทันทีที่ฉินเฟิงคิดแบบนั้น สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์อีกตัวก็แหวกว่ายเข้ามา อบิลิตี้มืดของฉินเฟิงมีประโยชน์มากก็จริง ทว่ามันช่วยกลบซ่อนเพียงกลิ่นอาย ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนเรือดำน้ำทั้งลำให้กลายเป็นความว่างเปล่า

ในขณะที่สัตว์ยักษ์ผู้มาเยือน ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลย คิดว่าคงไม่เห็นฉินเฟิง มันว่ายตรงเข้ามา หากยังปล่อยไว้ต่อไป สุดท้ายเรือดำน้ำของฉินเฟิงคงถูกทำลาย

“ไป๋หลี ฝากจัดการที!” ฉินเฟิงสั่งการ

ร่างของไป๋หลีกระพริบไหว ปรากฏกายภายนอกเรือดำน้ำ ภายใต้ท้องทะเล สามรอยแยกมิติขนาดพันเมตรผุดขึ้นทันใด ยืดขยายไปข้างหน้า สัตว์ยักษ์เลเวล S เดิมก็ตัวใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีทางเลยที่จะหลบเลี่ยง

ฟัฟฟฟ ฟัฟฟฟฟฟฟ!

สามรอยแยกมิติ ตัดผ่านร่างสัตว์ร้ายเลเวล S แยกลำตัวมันออกจากกัน ท่ามกลางท้องทะเล เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายขนาดใหญ่อันน่าเกรงขามก็จริง แต่ตัวใหญ่ไม่ได้มีแต่ข้อดี มันสามารถตกเป็นเป้าการโจมตีได้ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คู่ต่อสู้เป็นสัตว์เทวะเลเวล S !

สัตว์ทะเลถูกตัดเป็นแนวขวาง นี่นับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ เลือดเจิ่งนอง ทะลักล้นไปทั่วบริเวณผิวทะเล ดวงตาของเจียวหลินฮานมิใช่มืดบอด เขาจะไม่ตระหนักถึงมันได้อย่างไร?

การเคลื่อนไหวของเจียวหลินฮานรวดเร็วขึ้น หอกยาวในมืออัดฉีดกำลังภายใน จ้วงแทงออกไป เจาะหัวสัตว์ทะเล กดมันจมลงสู่ก้นบึ้งดังเดิม

“ใครกัน!”

เจียวหลินฮานตะโกน เห็นได้ชัดว่าเสียงพุ่งตรงไปยังทิศทางของไป๋หลี

ฉินเฟิงควบคุมเรือดำน้ำ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ

โลโก้เฟิงหลีเด่นชัดมาก เจียวหลินฮานย่อมรู้จักมัน เพียงแต่เขาไม่แน่ใจ ว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือน

“ท่านผู้ใหญ่เจียว ยินดีที่ได้พบ” ฉินเฟิงเดินออกจากเรือดำน้ำ ไป๋หลีเองก็ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างเขา

เจียวหลินฮานมีอุปนิสัยเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่ให้ความสนใจกับรุ่นเยาว์มาก อย่างที่บอกเขามีความทะเยอทะยาน ดังนั้นมักเสาะหาผู้ใต้บังคับบัญชาที่น่าสนใจ

อย่างฉินเฟิงเอง ไม่เพียงมีฐานะเป็นลูกรักของพระเจ้า แต่ยังแข็งแกร่งมาก เจียวหลินฮานย่อมให้ความสนใจ และเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาเป็นธรรมดา

“ที่แท้ก็จอมพลฉิน ยินดีที่ได้พบ ว่าแต่ทำไมจู่ๆคุณถึงมาที่นี่?” เจียวหลินฮานถาม ขณะเดียวกันเริ่มเกิดข้อสงสัยในหัวใจ

เขาไม่แน่ใจว่าตงหยางเป็นคนเรียกฉินเฟิงมารึเปล่า หรือเป็นฉินเฟิงที่ค้นพบว่าจู่ๆตงหยางเช่าเขมือบฟ้าไป เจียวหลินฮานจึงเกิดความสงสัยว่าพวกเขามาทำอะไร

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เจียวหลินฮานจะชักชวนฉินเฟิง ตัวเขายังคงระแวง

ฉินเฟิงหยิบยกชูฟ่านขึ้นเป็นข้ออ้างทันที ที่คือคำตอบที่เขาคิดเอาไว้ก่อนแล้ว

และนับจากนี้ไป มันจะถูกใช้เป็นข้อแก้ตัวอันสมบูรณ์แบบ

“หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของผมทำการศึกษาเกี่ยวกับระนาบมิติ เขาตรวจพบว่าที่นี่มีค่าความผันผวนของมิติค่อนข้างสูง และบังเอิญผมอยู่ไม่ไกล เลยแวะเข้ามาดู ไม่คาดคิดเลยว่า จะเจอเหตุการณ์น่าสนใจเช่นนี้–

–และในเมื่อเจอกันแล้ว ผมก็เลยว่าจะอยู่ช่วยสักพัก การยกระดับของจ้าวพรมแดนในครั้งนี้ ผมจะร่วมมือด้วย ”

ตอนนี้ แม้ตงหยางกำลังพยายามดูดซับอักษรรูน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สิ้นเปลืองแรงเลย เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ย่อมแสดงความขอบคุณ

“เช่นนั้นคงต้องรบกวนน้องชายฉินแล้ว หลังจากฉันสามารถยกระดับ สัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารดีๆ และนั่งสนทนากันด้วยไวน์เลิศรสกับคุณ!”

“จ้าวพรมแดนตงหยางเกรงใจเกินไปแล้ว” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เจียวหลินฮานพอได้ฟังแบบนี้ ก็หัวเราะตามไปด้วย “ประเสริฐ! ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อช่วยตงหยาง พันธมิตรหัวเซี่ยของเรา จะได้มีเลเวล S เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง!”

ฉินเฟิงย่อมไม่ปฏิเสธ

ทั้งสองรวมพลังกัน สัตว์ทะเลที่แวะเวียนเข้ามา ทั้งหมดถูกกวาดล้างสิ้น ฉินเฟิงไม่ได้แสดงพลังของเขามากเกินไป ตรงกันข้ามกับเจียวหลินฮานที่ระเบิดมันอย่างสุดเหวี่ยง

“ได้ยินว่ากลุ่มเฟิงหลีของจอมพลฉินกำลังพัฒนาไปได้ดี แต่หากคิดพัฒนาไปอีกขั้น ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น ปัจจุบันในพันธมิตรหัวเซี่ยมีเลเวล S อยู่มากมาย และแต่ละคนมีตลาดเป็นของตัวเอง ฉะนั้นคงไม่ยอมให้ถูกช่วงชิงส่วนแบ่งไปง่ายๆ”

“ท่านผู้ใหญ่เจียวกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” ฉินเฟิงตอบเสียงเฉยเมย แต่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก

“การที่พวกเราพบกัน มันคือโชคชะตา ถ้าคุณต้องการอะไร สามารถมาหาฉันได้ทุกเมื่อ แม้ฉันจะไม่ได้ยกระดับมานานแล้ว แต่อย่างน้อยก็มีช่วงชีวิตที่ยืนยาว ยังเหลือเวลาให้ฝึกปรืออีกมาก แล้วก็จะยกระดับได้ในที่สุด อะไรที่ฉันสามารถช่วยได้ ฉันจะช่วยคุณอย่างแน่นอน!”

“เช่นนั้นผมขอขอบคุณท่านผู้ใหญ่ล่วงหน้า!” เจียวหลินฮานพยายามดึงตัวฉินเฟิงเป็นลูกน้อง แต่ฉินเฟิงตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ

เจียวหลินฮานมองท่าทีที่ปรากฏ สีหน้าเริ่มหม่นหมองลง เขารู้สึกว่าฉินเฟิงกำลังทำเป็นไม่เห็นค่าเขา

อย่างไรก็ตาม เจียวหลินฮานมีทัศนคติที่ดีต่อตงหยางมาก เพราะตราบใดที่ตงหยางสามารถยกระดับได้ในครั้งนี้ อีกฝ่ายก็จะกลายเป็นพวกเขา สามารถร่วมมือกันในอนาคต ได้รับผลประโยชน์มากมายตามมา

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตงหยางเป็นแค่ผู้ใช้พลังที่เพิ่งยกระดับเป็นเลเวล S เท่านั้น ยังไม่แข็งแกร่งเท่าเจียวหลินฮาน เจียวหลินฮานเลยคิดใช้ประโยชน์จากข้อนี้ มีแผนการบางอย่างในจิตใจ

สำหรับแผนในใจของเจียวหลินฮาน ฉินเฟิงคิดว่ามันไร้สาระ เมื่อไร้กำลัง ก็พยายามทำทุกวิถีทางที่ดูไร้เดียงสาเช่นนี้แล

หากเจียวหลินฮานแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ยังต้องใช้กลวิธีเช่นนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อีกหรือ?

ยังไงก็ตาม ทุกคนมีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง ฉินเฟิงไม่คิดวิจารณ์ผู้อื่นจนเลยเถิด แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว

หลังจากสามารถขับไล่ฝูงสัตว์ทะเลเลเวล S ได้อีกระลอกหนึ่ง ช่วงเวลานี้ น้ำทะเลเบื้องล่างที่ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน ก็ได้ส่งกลิ่นเลือดแพร่กระจายไกลออกไป

กลิ่นอายเลือดสามารถก่อให้เกิดผลที่ตามมาได้สองอย่าง อย่างแรกคือชักนำสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา เพื่อดูดดื่มเลือดสัตว์ร้ายเลเวล S

อย่างที่สองก็คือ เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความตายของสัตว์ทะเลเลเวล S ทำให้ตนอื่นๆหวาดกลัว และกระจัดกระจายหนีไป

ขณะนี้ทะเลก่อตัวเป็นกระแสน้ำวน รอบๆเลยมีสัตว์ทะเลอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นฉินเฟิงคาดเดาว่าสถานการณ์ในตอนนี้ น่าจะเป็นกรณีที่สองมากกว่า

“ดูเหมือนแค่กำลังของท่านผู้ใหญ่เจียวคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว บังเอิญว่าผมก็ต้องการอักษรรูนเหมือนกัน เลยอยากจะดูดซับพวกมัน แต่เรื่องของผมท่านผู้ใหญ่ไม่ต้องกังวล แฟนผมจะช่วยดูแลให้เอง”

เจียวหลินฮานกลอกตาไปมาอยู่พักหนึ่ง ก่อนหันมายิ้มให้ฉินเฟิง “เข้าใจแล้ว และถ้ามาดามฉินตกอยู่ในอันตราย ฉันจะเข้าไปช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” ฉินเฟิงกล่าว ในความเป็นจริงแค่มีไป๋หลีอยู่ข้างๆ เจียวหลินฮานจะมีประโยชน์อะไรอีก?

ขณะเดียวกัน ในใจของเจียวหลินฮานกำลังคิด ว่าอีกสักพักถ้ามาดามฉินที่เรียกว่าไป๋หลีทนไม่ไหว เดี๋ยวก็เข้ามาอ้อนวอนเขาเอง อยากจะเห็นจัง ว่าฉินเฟิงจะยโสไปได้สักแค่ไหน

ถึงตอนนี้ ฉินเฟิงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า มาหยุดอยู่เบื้องหน้ารอยแยกมิตินับไม่ถ้วน

รอยแยกมิติเหล่านี้แปลกประหลาดมาก มันสูงเพียงเท่าฝ่ามือเท่านั้น แต่กลับสามารถยืดยาวออกไปเป็นพันไมล์ รัศมีแสงเจ็ดสีดูเหมือนจะเล็ดลอดออกมาจากรอยแยก มองดูงดงามมาก

แถมรอยแยกนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่กระจายไปทั่ว อักษรรูนรั่วไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ก่อตัวเป็นริ้วนับไม่ถ้วน ราวกับน้ำตกที่ไหลลงมาจากฟากฟ้า

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

กระแสวังวนปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของฉินเฟิง ตามมาติดๆด้วยริ้วอักษรรูนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดถูกฉินเฟิงดึงดูดเข้าหาตัว

ไม่ว่าจะสีเขียว , แดง , น้ำเงิน , เหลือง , ทอง , ขาวน้ำแข็ง , ม่วง , ฟ้า และดำ

ริ้วริบบินที่ปลิวไสวอยู่บนผืนฟ้า ทั้งหมดม้วนเข้าหาฉินเฟิง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยอมละทิ้งอักษรรูนสีฟ้าน้ำทะเล ส่วนสีอื่นๆ ทั้งหมดไหลบ่าเข้ามาในจักรวาลแห่งจิตสำนึก ลอยเข้าไปปกคลุมแก่นอบิลิตี้ ค่อยๆย้อมสีของดาวเคราะห์ให้เข้มขึ้น เริ่มเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ

เห็นฉากนี้ ตงหยางที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการตัดผ่าน อ้าปากตะลึงงัน กระทั่งเจียวหลินฮาน ยังรู้สึกไม่เชื่อสายตา พาลนึกว่าประสาทตาของตนคงหลอนไป

ต้องรู้นะว่า ความสามารถในการเข้าใจอักษรรูน มันเกี่ยวพันกับพรสวรรค์และความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลย ว่าฉินเฟิงจะเรียนรู้มันได้รวดเร็วถึงขนาดนี้

ความสามารถเช่นนี้ ใช่เป็นไปได้หรือไม่ ว่ามันคือพรสวรรค์ระดับ SSS ในตำนาน!?