…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้ขับรถกลับไปยังภูเขาแถวๆหมู่บ้านตระกูลซูพร้อมกับโยนซากศพของซ่งเต่าไปเป็นอาหารสัตว์ป่าพร้อมกับเดินกลับมาที่รถด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

เรื่องซากศพเขาจัดการได้!แต่รถของเขาล่ะจะทำยังไง ?

เขาได้ลังเลอยู่นานและจำได้ว่าไม่กี่กิโลเมตรจากนี้มีแม่น้ำอยู่เขาจึงได้เอารถไปทิ้งที่นั่น

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ถึงช่วงเช้า ถังซิ่วได้ทำลายหลักฐานทั้งหมดแล้วขับรถกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลซู

“โย่ ขับรถเป็นแล้วหรอ ?”

ถังซิ่วที่เพิ่งได้จอดรถนั้นก็ได้เห็นลุงคนหนึ่งมายืนดูรถของเขาอยู่ก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่ว

ถังซิ่วเองก็รู้จักชายชราคนนี้พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณลุงดาเหนียนตื่นเช้าจังเลยนะครับ”

ซูดาเหนียนเองก็มองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่ประหลาดใจก่อนที่จะมองไปที่รถแล้วถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“เช้าๆนั้นอากาศเหมาะที่จะตัดหญ้า อย่างไรก็ตามเธอขับรถเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังเป็นรถที่ดีซะด้วย ?แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยรู้จักเรื่องรถนักแต่ก็รู้ว่ามันต้องมีราคาแพงอย่างแน่นอนใช่ไหม ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณลุงดาเหนียน รถมันก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือช่วยในการเดินทางเท่านั้น ไม่เห็นมีตรงไหนแปลกเลย ”

ซูดาเหนียนเองก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“คนอย่างเราหากว่าสามารถขับรถดีๆราคาแพงได้ก็มักจะอวดกับคนอื่นแต่เธอนั้นยังเป็นเด็กที่นิสัยดีเหมือนตอนเล็กๆเลย ”

“คุณลุงก็ชมเกินไป !”

ถังซิ่วและซูดาเหนียนได้พูดทักมายกันเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไปที่สวนของเขา สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจนั้นก็คือแม่ของเขาได้ตื่นมาทำความสะอาดตั้งแต่เช้า

“คุณแม่ยังพักผ่อนได้ไม่เท่าไหร่เลยนะ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ยายของลูกได้ตื่นมาแล้วและเธอบ่นว่าหิวมากและแม่เองก็นอนไม่หลับอยู่แล้วจึงได้ไปทำอาหารเช้าให้เธอ ซิ่วน้อย แม่พบว่าลูกไม่ได้อยู่ที่บ้าน ลูกไปไหนมา ? ”

ถังซิ่วเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของซ่งเต่าและฮงชางหยิงให้แม่ของเขาฟังเพราะเขารู้นิสัยของแม่ดี หากว่าเขาพูดออกไปเธอจะต้องกระวนกระวายอยู่เป็นเวลานานแน่นอนดังนั้นเขาจึงได้พูดออกมาว่า

“ออกไปขับรถเล่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาครับ ไม่ได้กลับมาตั้งสองปีแต่ที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“พวกเรานั้นยากจนก็คงไม่แปลกที่ที่นี่จะไม่เปลี่ยนไปมากนัก เอาละลูกไปพักเถอะแล้วแม่จะทำอาหารมาให้ !”

“ดีเลย !”

ถังซิ่วได้ตอบตกลงก่อนที่จะเดินไปห้องข้างๆ

ผนังและเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้นเคย เขาเคยอยู่ที่นี่มาหลายปีและมันเป็นช่วงเวลาที่เขาได้รู้สึกถึงมันมากว่าหมื่นปีในดินแดนแห่งนิรันด์ เป็นปีที่ไม่สามารถลบเลือนไปจากจิตใจของเขาได้

“นี่แหละบ้านของเราอย่างแท้จริง !”

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมา ความรู้สึกอบอุ่นได้เต็มไปทั่วช่องอกของเขาแล้วรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้า เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโน้มตัวลงนอนแล้วหลับตาของเขาลง

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง

ด้านนอกของสวนนั้นได้มีคนในหมู่บ้านมากมายกำลังยืนมุงดูรถ land rover ด้วยความรู้สึกสงสัย คนบางคนเองก็ได้ไปแสดงความรู้สึกขอบคุณกับซูหลิงหยุน

“หยุนน้อย เขวียนเองก็ได้บอกพวกเราหมดแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณซิ่วน้อยด้วย หากว่าไม่ใช่เพราะเขาคุณลุงสี่ของฉันก็คงยังนั่งรออยู่ที่หน้าทางเดินของโรงพยาบาลอย่างแน่นอน”

“หลิงหยุน เธอให้กำเนิดลูกชายที่ดีมาก หากว่าไม่ใช่เพราะเขาพวกเขาเหล่านั้นคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน ”

“ถังซิ่วยังเด็กอยู่แท้ๆแต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ เขาเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้านเราได้ยินมาว่าเขามีชื่อเสียงในวงการแพทย์และยังเป็นหมอเทวดาของโรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้อีกด้วย ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง ! ”

“หลิงหยุน นี่เป็นบุตรแห่งสวรรค์ ……..”

“…….”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้รับฟังคำชื่นชมของทุกคนรอบๆข้างซึ่งทำให้เธอรู้สึกดีเป็นอย่างมาก ลูกชายของเธอได้ถูกชื่นชมโดยคนรอบข้างมันก็ต้องมีความสุขมากกว่าตัวเธอถูกชื่นชมอย่างแน่นอน

หลังจากที่บรรยากาศแห่งความสุขกำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นก็ได้มีรถสีดำสองคันแล่นเข้ามา พวกเขาทั้งหมดได้มองไปที่รถคันนั้นด้วยความสงสัย

“เอี้ยด….”

รถทั้งสองคันนั้นก็ได้หยุดลงข้างๆกลุ่มคนของหมู่บ้าน

ขณะที่ชายรูปร่างกำยำสี่คนได้เดินลงมากจากรถหลังจากนั้นก็ได้มีชายวัยกลางคนสวมแว่นตากรอบทองเดินออกมาเช่นกัน

คนของตระกูลซูเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้เป็นรูปลักษณ์ของชายคนนั้นพร้อมกับตั้งท่าที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

ท่าทางของชายคนนั้นเปลี่ยนไปก่อนที่ตะยิ้มออกมาแล้วโบกมือพร้อมพูดว่า

“ชาวบ้านทั้งหลายอย่าเพิ่งตื่นตัวไป เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาแม้แต่น้อย บอสของเรารู้แล้วว่าตัวเองได้ทำผิดไปดังนั้นถึงได้ส่งผมมาขอโทษทุกคน”

ซูชางเหอซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านและมีความกล้าหาญนั้นได้ก้าวออกไปยืนตรงหน้าชายคนนั้นก็ที่จะตะโกนออกมาว่า

“เราไม่ต้องการคำขอโทษของแก เราไม่ขายที่ดินให้ด้วย !ฉันแนะนำว่าอย่าได้เสียเวลาแล้วรีบไสหัวออกไปซะ !”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับพูดว่า

“ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งโมโหไป ผมได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากบอสและหากว่ากลับไปตรงๆก็คงจะโดนไม่ใช่น้อย ครั้งนี้ที่ผมมานั้นไม่ได้มาเพื่อขอโทษเท่านั้นแต่ก็ยังเอาเงินค่ารักษาและค่าชดเชยมาให้ทุกคนอีกด้วย”

“ค่าชดเชย ? ”

ชาวบ้านจากตระกูลซูเองก็ได้มองไปที่กันและกันด้วยความว่างเปล่าพร้อมกับความไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาไม้ไหนอีก

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พูดต่อว่า

“ชาวบ้านทั้งหลาย เมื่อวานนี้บอสของผมได้ฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้รับกรรมจากเรื่องชั่วช้าที่เขาได้ทำไว้ เมื่อวานนี้เองก็ได้มีลูกน้องที่เขาไว้ใจอยู่หลายปีได้แอบเข้าไปทำร้ายเขาถึงในโรงพยาบาลและหากว่าเขาไม่ได้กำลังบาดเจ็บสาหัสนั้นก็คงจะมาที่นี่ด้วยตัวของเขาเอง ”

ชาวบ้างเองก็ได้มองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านด้วยท่าทางแปลกๆ

“ต้องการจะชดใช้อย่างไร ? ”

ซูชางเหอเองก็ได้มองไปที่เขาอย่างดูถูกก่อนที่จะถามออกมาด้วยเสียงโทนต่ำ

ชายวัยกลางคนนั้นก็ได้เอากระเป๋าถือมาจากชายรูปร่างกำยำก่อนที่จะชูมันขึ้นแล้วพูดออกมาว่า

“บอสของเราได้บอกมาว่าเขาจะชดใช้ให้ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บคนละ1แสน ดังนั้นก็รวมกันเป็น6แสน”

“อะไรน่ะ ?”

ชาวบ้านทั้งหมดนั้นถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์มันจะกลับกันได้ถึงขนาดนี้

อย่าบอกนะว่าบอสของเขาได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองจนเป็นบ้าไปแล้ว ?

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พูดออกมาอย่างดังว่า

“มีใครจะเป็นตัวแทนของผู้ป่วยทั้ง6หรือไม่ หากว่ามีก็โปรดก้าวออกมารับเงินแทนพวกเขา”

ชาวบ้านเองก็ได้มองไปที่กันและกันอย่างวางเปล่า ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาคนที่ได้รับบาดเจ็บมากๆ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้รับค่าชดเชยมากถึงขนาดนั้น พวกเขาเองก็อยากบาดเจ็บเหมือนกัน !!

1แสน !!!

มันเป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับพวกเขา ใครก็ตามที่มีเงิน1แสนนั่นก็จะถือเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่บ้านนี้

“แม่ของฉันได้รับบาดเจ็บ”

ซูหลิงหยุนเป็นคนแรกที่พูดออกมาด้วยความกล้า

จริงๆแล้วเธอไม่ได้ต้องการเงิน1แสนนึงแม้แต่น้อยเพราะกำไรจากร้านอาหารเธอเองก็มากกว่านั้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการจะเสียเงินแล้วจะมีใครที่ไม่รับบ้าง ?

ชายวัยกลางคนเองก็ได้ถามออกมาว่า

“มีใครอีกไหม ? ”

ซูชางเหอเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ญาติของคนอื่นๆนั้นได้ไปเฝ้าผู้ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้ดังนั้นหากว่านายต้องการจะชดใช้จริงๆก็เอาเงินของคนที่เหลือมาให้ฉันแล้วฉันจะเป็นคนไปให้กับพวกเขาเอง”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“นี่…….นี่มันจะดี ? ”

ในพริบตานั้นชาวบ้านทั้งหมดก็ได้อธิบายว่านิสัยของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเป็นคนดี ทุกคนเองก็รู้สึกโล่งใจที่ให้เขาเป็นคนถือเงิน

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเอาเงิน1แสนให้กับซูหลิงหยุนแล้วเอาที่เหลือให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน

“เงินชดเชยนั้นเราก็ได้ให้ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือบอสของเราได้ฝากมาบอกว่าเขาล้มเลิกโครงการที่จะเอาที่ดินของพวกคุณแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะไม่มารบกวนพวกคุณอีกดังนั้นเราก็อย่าได้มีความขัดแย้งกันอีกเลย ”

ซูชางเหอเองก็ได้มองไปที่เงินในมือพร้อมกับมองไปที่หน้าตาที่จริงใจของชายวัยกลางคนแล้วพูดออกมาว่า

“เราเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น หากว่าคุณไม่มาล่วงเกินเราแน่นอนว่าเราเองก็จะไม่ไปล่วงเกินคุณ”

“ตกลง !”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้ตอบตกลงก่อนที่จะนั่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ซูหลิงหยุนที่กำลังถือเงินแสนอยู่นั้นได้เดินกลับเข้าไปในสวนบ้าน ที่นี่เป็นเขตชนบทดังนั้นจึงได้ไม่มีธนาคารซึ่งเธอไม่สามารถเก็บเงินนี้ได้ เธอได้เดินเข้าไปในห้องของถังซิ่วและเห็นว่าเขากำลังหลับอยู่จึงได้แอบใส่เงินไว้ในลิ้นชักอย่างเงียบๆ

ช่วงบ่ายถังซิ่วเองก็ได้ตื่นขึ้นและรู้เรื่องที่พวกเขามาจ่ายค่าชดเชยแล้ว เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาได้เข้าไปในเมืองพร้อมกับเอาเงินไปฝากไว้ในบัญชีของคุณยาย ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะทิ้งเงินไว้ให้เธอแต่ตอนนี้ก็ได้เงิน1แสนนี่มาแล้วเขาจึงได้ละทิ้งความคิดนั้นไปทันที

“ถังซิ่ว !”

ซูเปิ่นและซูเขวียนเองก็ได้มาถึงลานหน้าบ้านและเห็นว่าถังซิ่วกำลังพูดคุยอยู่กับซางฉีดังนั้นพวกเขาจึงได้เรียกออกมา ซูเปิ่นเองก็ได้ถือถุงเอาไว้ในมือ เขาที่เป็นคนไม่พูดนักแต่ก็ยังแสดงท่าทางมีความสุขออกมา

ถังซิ่วได้ก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับสวมกอดกับซูเขวียนทันที เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เขวียน ขอบคุณที่ไปส่งยายของฉันที่โรงพยาบาลนะ ”

ซูเขีวยนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ขอบคุณอะไรกัน เราจำเป็นต้องสุภาพกันขนาดนั้น ? ตอนแรกฉันเองก็ว่าจะพายายไปที่โรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้แต่เธอปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้นาย”

คิ้วของถังซิ่วเองก็ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะมองไปที่ซูเปิ่นแล้วถามอออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“พี่เปิ่น ในถุงนั่นคือหญ้ามังกรเงิน ? ”

ซูเปิ่นเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ใช่แล้ว ! ฉันกลับไปที่บ้านและเจอมันถึง16ต้นยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อเช้านี้ฉันและซูเขวียนได้ไปที่ภูเขามาและพบพวกมันอีก12ต้น รวมกันเป็น28ต้น”