7/8

 

Ep.927

 

การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ ดำเนินต่อไปเป็นเวลานานกว่า 10 นาที

 

จี้ชางจื่อถูกทรมานแทบปางตาย ในระหว่างนั้นยังถูกโจมตีอย่างแรงจากหุ่นเชิดทองคำหลายครั้ง เรียกได้เลยว่าตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชมาก กระทั่งเกราะเทวะของเขายังถูกโจมตีจนปริร้าว

 

เมื่อตระหนักว่าตนไม่อาจสู้ได้ จี้ชางจื่อเรียกใช้งานยันต์เคลื่อนย้ายทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องหมดหวังก็คือ ยันเคลื่อนย้ายดูเหมือนจะได้รับความเสียหายบางส่วน ทำให้ไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้

 

“ซูเฉิน บอกให้สัตว์เลี้ยงวิญญาณของเจ้าหยุดมือเสีย ข้ามีเรื่องจะบอก!”

 

จี้ชางจื่อตะโกนสุดชีวิต หากยังถูกเฆี่ยนตีแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาคงตาย จึงร้องขอซูเฉินให้ได้หยุดพักหายใจก่อน

 

ซูเฉินเห็นว่าเชื้อไฟใกล้จุดติดแล้ว จึงสั่งให้เหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณล่าถอยออกมา

 

“แกยังมีอะไรอยากจะสั่งเสียอีก?”

 

ซูเฉินจับจ้องจี้ชางจื่อไม่วางตา กล่าวอย่างเฉยเมย

 

“ซูเฉิน ข้ายินดีมอบทุกอย่างให้เจ้า นอกจากนี้ ข้าจะคืนทวีปเผ่าคนแคระแก่อู๋หยาจื่อเช่นกัน แต่ได้โปรดไว้ชีวิตข้า!”

 

จี้ชางจื่อพยายามสูดหายใจเข้าปอด

 

ซูเฉินกับอู๋หยาจื่อหันมาสบตา แสยะยิ้มพร้อมกัน

 

จี้ชางจื่อคงกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว ถ้าพวกซูเฉินฆ่าเขา ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกอย่างที่กล่าวมาครอบครองอยู่ดีหรือ?

 

“แกพอจะให้อะไรที่มีประโยชน์มากกว่านี้อีกไหม? ตัวอย่างเช่นข้อมูลของเขตแดนลับหรืออะไรทำนองนั้น” ซูเฉินถาม เขาย่อมไม่มีทางปล่อยจี้ชางจื่อไป แต่เหตุผลที่พูดมาก เพราะดูว่ายังรีดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อีกหรือไม่

 

“ข้าไม่รู้ข้อมูลของพวกเขตแดนลับหรืออะไรทำนองนั้นเลย ช่วงหลายปีมามนี้ข้าเก็บตัวอยู่แต่ในทวีปเผ่าคนแคระ” จี้ชางจื่อสารภาพตามตรง

 

ซูเฉินส่ายหัว “ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นแกก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว”

 

สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่โถมเข้ามา จี้ชางจื่อตัวแข็งค้าง กัดฟันกล่าวว่า “ซูเฉิน อย่าฆ่าข้า ข้ายินดีเป็นลูกน้องเจ้า ข้าในฐานะระดับเทวะขั้น 2 ยินดีรับใช้เจ้า!”

 

เพื่อความอยู่รอด เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แล้วอีกอย่าง ในความคิดเขา ด้วยระดับฐานฝึกตนที่มี ต้องทำให้ซูเฉินหวั่นไหวอย่างแน่นอน

 

“คนทรยศอย่างแก บิดาไม่สนใจ!”

 

ซูเฉินตรงเข้าหาจี้ชางจื่อ ระหว่างนั้นเหวี่ยงหมัด [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน]

 

“เจ้า …!”

 

จี้ชางจื่อยังไม่ทันตั้งตัว ก็จมหายเข้าไปในห้วงภวังค์ ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย

 

ซูเฉินเข้าประชิดตัว ฟาดฟันหนึ่งกระบี่ลงไป

 

วังวนสีดำขนาดประมาณหนึ่งจั้งแหวกขึ้นเหนือหัวจี้ชางจื่อ และกลืนเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

เอี๊ยดดดดด กริ๊ก กริ๊ก …

 

ตามด้วยเสียงแตกสลาย หมวกเกราะบนศีรษะของจี้ชางจื่อแตกเป็นเสี่ยงๆ หัวถูกกลืนหายเข้าไปในวังวนสีดำ จบชีวิตคาที่

 

ในคราเดียว ชิ้นส่วนหลายพันชิ้นดรอปจากศพเขา ซูเฉินรวบทั้งหมด จากนั้นหยิบถุงสมบัติขึ้นจากศพจี้ชางจื่อ และถอดชุดเกราะม่วงที่ยังเหลือออก

 

เกราะม่วงมีพลังป้องกันอันน่าทึ่ง แม้จะเสียหายไปบ้าง แต่อู๋หยาจื่อน่าจะซ่อมแซมมันได้

 

“ผู้อาวุโส เกราะนี้ขอมอบให้ท่าน”

 

กลับมายังอู๋หยาจื่อ ซูเฉินยื่นชุดเกราะม่วงแก่อีกฝ่าย

 

หากอู๋หยาจื่อมีเกราะนี้ บวกกับโล่เทวะทั้ง 18 ชิ้น ความสามารถในการป้องกันของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าด้วงเขมือบทองคำซะอีก

 

“ข้ายินดีรับไว้”

 

หลังจากอยู่กับซูเฉินมานาน อู๋หยาจื่อก็ติดนิสัยไม่เกรงใจอีกต่อไป

 

หลังจากนั้น เยว่หลิงเก็บเมืองเยว่กวง ซูเฉินและอีกสองคนกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]

 

จี้ชางจื่อตายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการรับสมัครปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์

 

การรับสมัครบุคลากรเช่นนี้ อู๋หยาจื่อต้องเป็นคนออกหน้าด้วยตัวเอง

 

ใช้เวลากว่าสามวัน อู๋หยาจื่อคัดเลือกปรมาจารย์ด้านการหลอมได้สิบคน

 

ซูเฉินส่งพวกเขาเข้าไปใน [มิติสันโดษ] กล่าวกับอู๋หยาจื่อว่า “ผู้อาวุโส ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมอยากให้ท่านช่วยสร้างกระบี่เทวะ 100 เล่มให้ผมโดยเร็วที่สุด”

 

8/8

 

Ep.928

 

ยิ่งความแข็งแกร่งของซูเฉินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ คู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญก็ยิ่งทรงพลังขึ้นเท่านั้น

 

ลูกเล่นอย่าง [หมัดดาวตก] ไม่เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายแก่คู่ต่อสู้อีกต่อไป

 

สำหรับตอนนี้ มีเฉพาะ [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] และการผสานเวทย์ไฟน้ำแข็งเท่านั้นที่สามารถกำจัดคู่ต่อสู้ได้

 

ทว่าเวทย์ไฟกับน้ำแข็งมีข้อจำกัดอยู่มาก หลังจากใช้แล้วซูเฉินจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ซูเฉินจำเป็นต้องพัฒนากระบวนท่าสังหารเพิ่มอย่างเร่งด่วน

 

และพลังทำลายล้างของร้อยกระบี่คืนสู่หนึ่งต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นไพ่ตายใหม่

 

“ไว้ใจได้เลย ข้าจะสร้างกระบี่เทวะร้อยเล่มให้เร็วที่สุด!” อู๋หยาจื่อรับปาก

 

“ขอบคุณมากจริงๆ ถ้างั้นต้องรบกวนผู้อาวุโสแล้ว” ซูเฉินกล่าวขอบคุณ

 

หลังจากนั้น อู๋หยาจื่อได้เข้าสู่ [มิติสันโดษ] แล้วเรียกประชุมเหล่าปรมาจารย์ เริ่มหลอมกระบี่เทวะ

 

 

“เสี่ยวจือ จุดเขตแดนที่อยู่ใกล้ที่สุดเชื่อมต่อไปที่ทวีปเผ่าพันธุ์ไหน?” ซูเฉินถาม

 

งานประลองระดับดวงดาวจะเริ่มขึ้นในเวลาอีกไม่ถึงปี เขาต้องฉวยโอกาสนี้รวบรวมชิ้นส่วนให้มากที่สุด ดังนั้นจึงอยากใช้เวลาที่ยังมาไม่ถึงกวาดล้างพวกต่างเผ่า

 

“เจ้านาย มีจุดเขตแดนอยู่บริเวณใกล้เคียงสองจุด หนึ่งเชื่อมต่อไปยังเผ่าสีชาด อีกหนึ่งเชื่อมไปยังเผ่าเทพ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที

 

เผ่าสีชาด …

 

เผ่าเทพ …

 

ซูเฉินทวนคำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อเผ่าสีชาด เนื่องจากไม่เคยเผชิญหน้ากัน ทั้งยังไม่มีความแค้น ดังนั้นเขาไม่คิดไปทวีปเผ่าสีชาด

 

ตรงกันข้ามกับเผ่าเทพ ซูเฉินมีบุญคุณความแค้นส่วนตัวกับสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ ทั้งยังเคยปะทะกันหลายต่อหลายครั้ง

 

เขามีแผนจะกวาดล้างเผ่าเทพมานานแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาเสียที

 

“เสี่ยวจือ ข้ามไปทวีปเผ่าเทพ” ซูเฉินออกคำสั่ง

 

“รับทราบ” [รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคจุดเขตแดนเชื่อมสู่เผ่าเทพ แล้วเปิดฟังก์ชั่นข้ามเขตแดนทันที

 

“อื๋อ?”

 

จู่ๆซูเฉินก็อุทานขึ้นมา กระบวนการข้ามเขตแดนของ [รถศึกอัจฉริยะ] เขาเคยผ่านมาหลายครั้งแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรมากไปกว่าอาการโลกหมุน

 

แต่ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น วิสัยทัศน์ของซูเฉินมีเพียงความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด รอบด้านเงียบสงัดชวนให้หายใจไม่ออก

 

ซูเฉินตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

“เสี่ยวจือ เกิดอะไรขึ้น?”

 

ไม่มีการตอบกลับใดๆ รอบด้านยังคงเงียบสงัดอย่างน่าขนลุกดังเดิม

 

เป็นไปได้ไหมว่า [รถศึกอัจฉริยะ] เกิดขัดข้องระหว่างข้ามเขตแดน จึงติดอยู่ในสภาวะหลับลึก?

 

ซูเฉินหรี่ตา เค้นสมองอย่างรวดเร็ว

 

ไม่ว่าจะเป็นแบบที่คิดหรือไม่ก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบว่าที่นี่คือที่ไหน

 

ซูเฉินกวาดพลังจิตของเขาออกไปทันที สำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ แต่ก็ต้องพบกับเรื่องน่าตกใจ เพราะพลังจิตทำได้แค่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาเท่านั้น ไม่สามารถขยายออกไปด้านนอกได้

 

“เกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?”

 

สถานการณ์เช่นนี้ เพิ่งเคยปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก คิ้วของซูเฉินอดขมวดมุ่นไม่ได้

 

“ซูเฉิน … ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก”

 

ระหว่างนั้นเอง เสียงชราดังเข้ามาในหูซูเฉิน

 

นั่นใคร?

 

ซูเฉินตกใจมาก กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ไม่นาน จุดแสงสว่างไสวก็ค่อยๆทอแสงในสายตาเขา

 

จุดแสงนี้ตอนแรกอยู่ไกล แต่ก็พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมาถึงเบื้องหน้าซูเฉิน ก็พบว่าเป็นชายชราผมเงินที่ทั้งตัวทอประกายเจิดจ้า

 

คนผู้นี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนภูเขาดอกบัวเก้าสี แม้จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับทำให้คนมองรู้สึกถึงอำนาจที่เพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถก่อคลื่นลม สร้างเมฆฝนได้ ราวกับว่าทุกสิ่งในโลกหล้า ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

 

“ผู้อาวุโส นี่ท่านรู้จักผม?” ซูเฉินมองอีกฝ่าย อุทานถาม

 

ชายชราลึกลับเบื้องหน้าเขา เจ้าตัวมั่นใจว่าเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก แล้วอีกฝ่ายรู้ชื่อเขาได้อย่างไร?

 

“เจ้ากับข้าเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก แต่ข้าได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเจ้ามานานแล้ว” ชายชราลึกลับหัวเราะ