7/10

 

Ep.917

 

“ด้วยความยินดี” หวูโหยวหัวเราะ

 

“ผู้อาวุโส ท่านพอจะรู้ไหมว่านักพรตเทียนซ่านอยู่ในระดับเทวะขั้นไหน?” ซูเฉินถามต่อ

 

ในครั้งก่อน เขาได้ยินจากปากของฉีมู่เฟิง ว่านักพรตเทียนซ่านแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ทราบถึงระดับฐานฝึกตน จึงเอ่ยถามออกมา

 

หวูโหยวครุ่นคิดอยู่หลายรอบก่อนตอบกลับไปว่า “อยู่ขั้นไหนของระดับเทวะ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่มีข่าวลือ ว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองเพียงผู้ปกครองโลกาเท่านั้น

 

ผู้ปกครองโลกา?

 

เป็นครั้งแรกเลยที่ซูเฉินได้ยินคำนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

 

ฉีมู่เฟิงอธิบายว่า “ผู้ปกครองโลกาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์ เล่าลือกันว่า ระดับฐานฝึกตนของเขาอาจสามารถทะลวงสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้แล้ว!”

 

ซู๊ดดดดด!

 

ซูเฉินสูดหายใจเย็นเยียบ ขอบเขตเทพเจ้าคือการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าระดับเทวะขั้น 10 ด้านความแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง

 

แต่ตอนนี้ยังมีขอบเขตเทพเจ้าหลงเหลืออยู่อีกหรือ?

 

นานมาแล้ว เขาเคยได้ยินด้วงเขมือบทองคำพูด ว่าในมหาศึกครั้งใหญ่เมื่อหมื่นปีก่อน ยอดฝีมือในขอบเขตเทพเจ้าทั้งหมดเกือบตกตาย

 

ในเมื่อเป็นแบบนั้น แล้วกำลังรบของผู้ปกครองโลกาจะอยู่ในขอบเขตเทพเจ้าจริงๆน่ะหรือ? เรื่องนี้ยังแคลงใจอยู่บ้าง

 

“ผู้ปกครองโลกาจะอยู่ในขอบเขตเทพเจ้าหรือไม่ เรื่องนั้นไม่อาจทราบ แต่เรื่องนี้เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์ เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย” หวูโหยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ซูเฉินถอนหายใจโล่งอก จากนั้นถามว่า “แล้วผู้ปกครองโลกาอยู่ที่ไหนของมิติภายนอก?”

 

ในความคิดเขา แม้ผู้ปกครองโลกาจะไม่ใช่ขุมกำลังระดับขอบเขตเทพเจ้า แต่อย่างน้อยต้องอยู่ในขั้น 10 ระดับเทวะ ไม่ใช่ตัวตนที่เขาสามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน

 

วันหน้าหากเข้าสู่มิติภายนอก ควรจะหลีกเลี่ยงคนผู้นี้ไว้ดีกว่า

 

หวูโหยวส่ายหัว กล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ที่อยู่ของผู้ปกครองโลกานั้นไม่แน่นอน กล่าวกันว่ามิติภายนอกทั้งหมดถือเป็นบ้านของเขา แต่ก็ไม่เคยมีใครหาตัวเขาพบ”

 

ความหมายในคำพูดนี้ก็คือ ผู้ปกครองโลกาถูกยกย่องให้เป็นตัวตนที่ลึกลับและทรงพลัง สามารถปรากฏตัวได้ทุกหนแห่ง

 

ซูเฉินไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้อีก ในเมื่อผู้ปกครองโลกาคอยดูแลทุกเผ่าพันธุ์ แบบนั้นคงวุ่นวายไม่น้อย ไม่น่าจะมีเวลาว่างได้ ขอแค่ซูเฉินทำเรื่องใหญ่โต ก็ไม่น่าจะดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย

 

ต่อมา ซูเฉินและหวูโหยวสนทนากันอีกหลายประโยคเรื่องนักพรตเทียนซ่าน แล้วออกจากสถานที่แห่งนี้ไป

 

 

หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปยังเมืองโหยวหยวน ใกล้เมืองโหยวหยวนมีทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมไปสู่เผ่าอสูร หากไปถึงที่นั่น ก็สามารถให้รถศึกข้ามเขตแดนสู่ทวีเผ่าอสูรได้

 

ระหว่างทาง ฉีมู่เฟิงเดินมาข้างๆซูเฉิน กระซิบว่า “ซูเฉิน หลังเข้าสู่ทวีปเผ่าอสูรแล้ว ข้าจำเป็นต้องกลับไปยังตระกูลโดยเร็วที่สุด”

 

“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉีงั้นหรอ?” ซูเฉินอุทานด้วยความตกใจ

 

“ไม่ใช่แบบนั้น ” ฉีมู่เฟิงยิ้ม แล้วอธิบายว่า “ข้าเพิ่งได้รับการติดต่อจากทางตระกูล ว่างานประลองระดับดวงดาวได้เลื่อนเข้ามาเร็วกว่ากำหนดหนึ่งปี ข้าต้องกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม”

 

งานประลองระดับดวงดาว?

 

ซูเฉินมองฉีมู่เฟิงด้วยความสงสัย เอ่ยถามว่า “พี่ฉี งานประลองระดับดวงดาวคืออะไร”

 

“หากให้พูดตรงๆมันคือการต่อสู้กันของผู้แข็งแกร่งที่สุดหมู่รุ่นเยาว์ของหมื่นเผ่าพันธุ์ ” ฉีมู่เฟิงกล่าว

 

งานประลองระดับดวงดาวคืองานรวมพลรุ่นเยาว์จากพันธมิตรของหมื่นเผ่าพันธุ์ และนั่นรวมไปถึงรุ่นเยาว์ในมิติภายนอกเช่นกัน

 

แต่สิ่งที่ซูเฉินไม่เข้าใจก็คือ งานประลองแบบนี้มีไปเพื่ออะไร?

 

“พี่ฉี จุดประสงค์ที่จัดงานประลองระดับดวงดาวขึ้นเพราะอะไร?” ซูเฉินถาม

 

“เพื่อเลือกโควต้าที่จะเข้าสู่เขตแดนลับ” ฉีมู่เฟิงตอบกลับ จากนั้นอธิบายเพิ่มเติมว่า “เขตแดนลับในมิติภายนอกจะเปิดออกทุกๆ 100 ปี มีสมบัติมหาศาลอยู่ข้างในนั้น มันเต็มไปด้วยวัตถุวิญญาณทุกหนแห่ง แต่ก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน ไม่เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ แต่พวกสัตว์ร้ายมิติก็เข้ามาได้เช่นกัน”

 

8/10

 

Ep.918

 

พันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์แและสัตว์ร้ายมิติต่างปรารถนาเข้าไปแย่งชิง เฉพาะเรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้ว ว่าเขตแดนลับต้องมีสมบัติดีๆอยู่มากมาย

 

หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง ลองเลียบเคียงถาม “พี่ฉี ผมสามารถเข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวได้ไหม?”

 

“ได้สิ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องเข้าร่วมกับขุมกำลังใหญ่ก่อนนะ” ฉีมู่เฟิงกล่าว

 

ซูเฉินครุ่นคิด ในทวีปเสวียนเทียนก็มีงานประลองเพื่อเข้าสู่มิติท้ารบเช่นกัน และประเด็นคือต้องเข้าร่วมกับขุมกำลังใหญ่จึงจะมีสิทธิ์ นี่มันเหมือนกับงานประลองระดับดวงดาวเลย

 

“พี่ฉี ถ้าผมขอเข้าร่วมกับทางตระกูลฉี จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ซูเฉินถาม

 

เขาได้ล่วงเกินขุมกำลังใหญ่ทั้งหมดในเผ่ามนุษย์ แล้วอีกอย่างระดับเทวะของเผ่ามนุษย์ก็ต้องการจะฆ่าเขา ฉะนั้นไม่น่ามีขุมกำลังไหนยอมอ้าแขนรับ

 

คิดไปคิดมา คงมีเพียงตระกูลฉีเท่านั้นที่เหมาะสม

 

“ไม่มีปัญหาเลย” ฉีมู่เฟิงกล่าวหนักแน่น

 

อันที่จริงแล้ว ที่เขาเดินเข้ามาเอ่ยเรื่องนี้ เดิมก็เพื่อดึงตัวซูเฉินให้เข้าร่วมกับตระกูลฉีอยู่แล้ว

 

ด้วยกำลังรบของซูเฉิน ต่อให้ในงานประลองระดับดวงดาวจะมีอัจฉริยะมากมาย แต่เขาสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างแน่นอน

 

ด้วยประการฉะนี้ เท่ากับว่าตระกูลฉีจะได้รับโควต้าเพิ่มขึ้น

 

หากร่วมมือกับซูเฉิน ต่างฝ่ายต่างได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นประโยชน์แก่ทั้งคู่

 

ซูเฉินพยักหน้า “งั้นเรื่องนี้คงต้องรบกวนพี่ฉีแล้ว แต่ผมยังมีบางเรื่องที่ต้องจัดการ ตอนนี้คงไม่สามารถกลับไปตระกูลฉีกับพวกคุณได้”

 

ช่วยชีวิตหานคุนและคนอื่นๆ , สังหารจี้ชางจื่อ , ตามหาปรมาจารย์หลอมอาวุธ เป็นเรื่องที่มิอาจล่าช้าได้

 

อย่างน้อยต้องจัดการสองในสามเรื่องให้จบ จึงจะพร้อมเข้าสู่มิติภายนอก

 

“ไม่เป็นไร ขอแค่เจ้ามาทันเวลาก็พอ”

 

ฉีมู่เฟิงตอบกลับ ก่อนหยิบแก้วทรงกลมสีใสออกมา มอบให้แก่ซูเฉิน กล่าวกำชับ “ซูเฉิน นี่คือลูกปัดสื่อสาร เจ้าสามารถใช้มันนำทาง เพื่อค้นหาที่ตั้งของป้อมปราการมิติได้”

 

“แม้มีขุนเขาและสายน้ำนับร้อยนับพันคอยขวางกั้น อยู่ห่างกันเป็นพันลี้ ก็ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้”

 

เห็นได้ชัดว่าลูกปัดสื่อสารที่ฉีมู่เฟิงมอบให้นั้นไม่ธรรมดา ซูเฉินเก็บมันใส่ถุงเก็บของอย่างระมัดระวัง จากนั้นสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของงานประลองระดับดวงดาวกับฉีมู่เฟิง

 

 

หลังจากนั้น เขาติดตั้งหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 ที่เพิ่งได้มาแก่ [รถศึกอัจฉริยะ]

 

รอจน [รถศึกอัจฉริยะ] อัพเกรดเป็นขั้น 9 แล้วจึงค่อยติดตั้งหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 10 อีกครั้ง อัพเกรดสู่ขั้น 10 ได้สำเร็จ

 

ประสิทธิภาพของฟังก์ชั่นต่างๆของ [รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

 

อย่างฟังก์ชั่นตรวจจับที่ซูเฉินใช้บ่อยที่สุด รัศมีของมันเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 กิโลเมตร

 

นอกจากนี้ เขายังใช้ [อัญมณีอัพเกรด] อีกสองเม็ด อัพเกรด [นักรบจักรกล] ขึ้นเป็นขั้น 10 แล้วติดตั้งหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 10 ทั้งหมดที่เหลือให้ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานเป็นระยะเวลานาน

 

 

สองวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] สามารถเข้าสู่ทวีปอสูรได้สำเร็จ

 

เนื่องจากยังไม่ทราบพิกัดที่แน่นอนของของทุนเถียน ซูเฉินจึงจับสัตว์อสูรที่เจอมาสอบปากคำ

 

หลังจากถูกเค้นถาม เขาก็ทราบถึงพิกัดที่ต้องการ

 

รังของทุนเถียนตั้งอยู่ในเทือกเขาที่เรียกกันว่าทะเลสาบลิหู เทือกเขาทะเลสาบลิหูอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 10,000 กิโลเมตร บังเอิญอยู่ในรัศมีตรวจจับของรถศึกพอดี

 

หลังจากล็อคพิกัดเทือกเขาทะเลสาบลิหู [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เริ่มออกเดินทาง

 

ตามรายทางไม่พบเจออุปสรรคใด ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เทือกเขาทะเลสาบลิหูก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

 

“เสี่ยวจือ สแกนออกไป ว่ามีมนุษย์อยู่รึเปล่า” ซูเฉินสั่ง

 

หานคุนและคนอื่นๆถูกทุนเถียนซื้อตัวมา หากมีมนุษย์อยู่ที่นี่ ก็น่าจะเจอได้ไม่ยาก

 

“เจ้านาย ฉันตรวจเจอสี่คน”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมโอนภาพมนุษย์ทั้งสี่ขึ้นหน้าจอควบคุม

 

“หานคุน … ”

 

ซูเฉินจดจำพวกเขาได้ในทันที ถอนหายใจโล่งอก