3/10
Ep.913
“ถ้าอย่างงั้น ข้าจะมอบให้เจ้าส่วนหนึ่ง การเดินทางครั้งนี้ของเจ้าจะได้ไม่สูญเปล่า” ว่าจบ หวูโหยวก็เริ่มคุ้ยถุงเก็บของ
‘ตาแก่นี่ค่อนข้างฉลาดทีเดียว’ ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวอาสามอบสมบัติด้วยตัวเอง แบบนี้เขาก็ไม่ต้องลงมือแล้ว
เพราะถึงอย่างไร ตัวเขาและหวูโหยวไม่ได้มีความแค้นต่อกัน จึงไม่อาจหาเหตุผลลงมือได้
กระนั้น เมื่อเห็นหวูโหยวหยิบหินต้นกำเนิดพลังงานออกมาเพียงห้าก้อน และทั้งหมดยังอยู่แค่ขั้น 9 สีหน้าของซูเฉินก็เต็มไปด้วยหมอกควัน เอ่ยเสียงเย็นว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 ห้าก้อนจะทำให้ผมพอใจได้หรือ?”
“นี่เจ้าว่าน้อยเกินไป?” หวูโหยวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หยิบออกมาอีกห้าก้อน
“เช่นนั้นข้าแถมให้อีกห้าก้อน คราวนี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วกระมัง?”
ซูเฉินสูดหายใจลึก เวลานี้ เขารู้สึกว่าไอ้ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวนี่กำลังล้อเล่นกับเขา พยายามข่มความโกรธเอาไว้
ซูเฉินกล่าวเสียงเย็นว่า “แล้วถ้าผมยังไม่พอใจล่ะ?”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหวูโหยวอึมครึมลงเล็กน้อย กล่าวเสียงขรึมว่า “ซูเฉิน มีข่าวลือว่าเจ้าโหดเหี้ยมไร้ปราณี ทุกครั้งที่ขยับตัวมักมีคนตายหรือเกิดการสังหารหมู่ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ข้ารู้ แม้เจ้าจะเป็นคนมุทะลุ แต่ก็ยังรักษาไว้ซึ่งกฏเกณฑ์ของตัวเอง จะฆ่าเฉพาะคนที่มีปัญหาหรือล่วงเกินเจ้าเท่านั้น”
“แต่เราผู้เฒ่าไม่มีความแค้นเคืองใดๆกับเจ้า ทั้งวันนี้ยังได้พบกันเป็นครั้งแรก เจ้าคงไม่คิดปล้นข้าหรอกใช่ไหม?”
ให้ตายเถอะ!
ขณะรับฟัง ซูเฉินต้องตกตะลึง เจ้าผู้ทรงเกียรตินี่กำลังทวงถามหลักการกับเขา แถมประเด็นก็คือดันมีเหตุผลซะด้วย
ซูเฉินฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เคยล่วงเกินไป ขณะที่หวูโหยวไม่เคยทำเช่นนั้น หากลงมือปล้นชิง มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
กระนั้น หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 มีความสำคัญต่อเขามาก ไม่ว่ายังก็ต้องได้มา
ซูเฉินปั่นความคิด เอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสเป็นชาวเผ่าวิญญาณใช่หรือไม่?”
“ใช่” หวูโหยวพยักหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับคำถามนี้มากนัก
แต่ใครจะคาดคิดกัน ว่าจู่ๆสีหน้าของซูเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แค่นเสียงเบาๆว่า “มีสหายสนิทของผมหลายคนถูกเผ่าวิญญาณของท่านจับตัวไปขายให้เผ่าอสูร จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง”
“และคนเผ่าวิญญาณที่จับตัวเพื่อนผมไปก็สารภาพแล้ว ว่าได้รับคำสั่งจากระดับเทวะขั้น 3 … ในทวีปเผ่าวิญญาณ ไม่ใช่ว่ามีผู้อาวุโสแค่คนเดียวหรอกหรือที่อยู่ในระดับเทวะขั้น 3 ?”
กล่าวถึงจุดนี้ ทั่วร่างของซูเฉินปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ความหมายนั้นชัดเจน หากหวูโหยวไม่ชี้แจง วันนี้เกรงว่าคงจบกันด้วยดียาก
“ … ”
หวูโหยวพอได้ฟังต้องตกตะลึง เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อน ซูเฉินใช่กำลังหาหลักฐานมาใส่ร้ายเขาหรือไม่?
ฉีมู่เฟิงที่อยู่ข้างๆกลืนน้ำลายอึกใหญ่
หานคุนและคนอื่นๆถูกลักพาตัวไป เรื่องนี้เขาทราบ แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวช่วงท้ายไม่ได้ตรงกับที่ซูเฉินเล่า พี่น้องร่วมสาบานผู้นี้ของเขากำลังใส่ร้ายผู้ทรงเกียรติหวูโหยว จงใจหาเรื่องกันชัดๆ อ๊าาา!
‘เจ้ามันโจรขนานแท้!’ ฉีมู่เสวี่ยบน [รถศึกอัจฉริยะ] ลอบด่าทอ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในทวีปเอลฟ์ พวกเธอชิงนกสำรวจมาจากยักษ์ไททัน แต่สุดท้ายก็ถูกซูเฉินมอบความอัปยศ สาดเสียเทเสียว่าสมาชิกตระกูลฉีของพวกเธอทั้งหมดเป็นโจร
แต่สิ่งที่ซูเฉินกำลังทำอยู่ตอนนี้ มันไม่ได้เรียกว่าโจรหรอกหรือ? ก็แค่หาข้ออ้างไปเรื่อย เพื่อดำเนินแผนปล้นในขั้นต่อไปเท่านั้นเอง!
คนแบบนี้ ยังกล้ามาว่าตระกูลฉีเป็นโจรอีกหรือ?
ช่างหน้าไม่อาย!
“ต่อให้เจ้าเอ่ยเช่นนั้น แล้วมีหลักฐานหรือไม่?”
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวกล่าวอย่างขุ่นเคือง ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาถูกตราหน้าเป็นคนผิด เขาจะไม่ยอมรับมันเด็ดขาด
“แน่นอนว่ามี” ซูเฉินเตรียมการไว้แล้ว เขาชี้ไปทาง [รถศึกอัจฉริยะ] ข้างหลัง แล้วประกาศว่า “ทุกคนในรถล้วนเป็นพยาน พวกเขาสามารถยืนยันให้ผมได้”
4/10
Ep.914
“ให้ตายเถอะ!”
หวูโหยวลอบคร่ำครวญในใจ คนบนรถล้วนเป็นสหายของซูเฉิน แน่นอนว่าซูเฉินพูดอะไรย่อมคล้อยตาม คนพวกนั้นใช้เป็นพยานได้หรือ?
ซูเฉินจะหน้าด้านเกินไปแล้ว!
“ฉีมู่เฟิง เจ้าเล่าว่าอย่างไร เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?” หวูโหยวสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธในใจ หันไปถามฉีมู่เฟิง
เขาเคยพบฉีมู่เฟิงมาก่อน ค่อนข้างรู้จักอุปนิสัยอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อว่าฉีมู่เฟิงจะโกหก
“พี่ฉี พูดตามความจริงได้เลย”
ซูเฉินขยิบตาให้ฉีมู่เฟิง กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ … ”
ฉีมู่เฟิงพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ข้างในตัวรู้สึกราวกับมีพายุกรรโชกกำลังอาละวาด ภายใต้สายตาของหวูโหยวกับซูเฉิน เจ้าตัวก้มศีรษะลง เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ
“เป็นเช่นนั้น”
ถึงอย่างไรซูเฉินคือพี่น้องร่วมสาบานของเขา แม้ขัดต่อหลักการแต่ก็ต้องช่วยซูเฉิน ต่อให้รู้ว่าโกหก ก็ไม่มีทางเลือก
“ช่างไร้ยางอาย!”
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวโกรธจนขนลุกชัน เขาไม่คิดมาก่อนเลย ว่าฉีมู่เฟิงผู้ซึ่งมักให้เกียรติตนเอง วางตัวอย่างเปิดเผยและซื่อตรงตลอดมา วันนี้จะเริ่มโกหกแล้วจริงๆ!
ช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก!
“ผู้อาวุโส ระวังคำพูดด้วย” ซูเฉินแค่นเสียงฮึ่ม ตำหนิชายชรา “อย่าคิดว่าตัวเองอายุมากแล้วจะใช้จุดนั้นข่มคนอื่นได้ ถ้ายังไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์ ระวังจะถูกทุบตีเอา!”
ฉีมู่เฟิงกลืนน้ำลาย เหลียวมองซูเฉินอย่างเหม่อลอย ลอบพึมพำในว่า “ซูเฉินจะปากร้ายเกินไปแล้ว อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ทรงเกียรติเชียวนะ อ๊าาาา!”
เป็นอย่างที่คิด หน้าอกของหวูโหยวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าความโกรธได้มาถึงจุดเดือดแล้ว
กระนั้น เขาก็ยังฝืนทนไว้ มองไปทางซูเฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ซูเฉิน ว่ามาเถอะ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ขอผู้อาวุโสมอบหินต้นกำเนิดพลังงานบางส่วนเป็นการชดใช้ แล้วผมจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป” ซูเฉินยิ้มบาง
“เป็นแบบนี้เองสินะ” หวูโหยวตระหนักได้ทันที กัดฟันด้วยความโกรธ
ซูเฉินเอ่ยทั้งหมดออกมา กลับกลายเป็นว่าก็เพื่อหินต้นกำเนิดพลังงาน!
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?” หวูโหยวถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 อย่างละร้อยก้อน” ซูเฉินกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
น้ำเสียงยามเอ่ยมันออกมา ราวกับว่าหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 เป็นเหมือนกะหล่ำปลีที่พบเจอได้ตามรายทางทั่วไป
อย่างละร้อยก้อน?
ฉีมู่เฟิงเผยอปาก สีหน้าท่าทีกลายเป็นแข็งทื่อ
เขาเดาได้นานแล้วว่าซูเฉินคิดรีดไถเป็นสมบัติก้อนโต แต่ไม่นึกเลยว่าจะก้อนโตถึงขนาดนี้!
หินต้นกำเนิดพลังงานสองร้อยก้อน อีกทั้งต้องเป็นขั้น 9 และ 10 ! นี่มิใช่ปอกลอกจนผู้ทรงเกียรติหวูโหยวยากจนเลยหรือ?
“ซูเฉิน แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”
น้ำเสียงของหวูโหยวเย็นชาผิดปกติ ในฐานะระดับเทวะขั้น 3 ต่อให้เป็นในมิติภายนอก เขาก็ยังเป็นตัวตนที่ผู้คนให้การเคารพนับถือ แต่ในสายตาซูเฉิน ราวกับไม่นับเป็นตัวอะไรเลย
ความบ้าบิ่นของซูเฉิน ทำให้เขาโกรธอย่างสมบูรณ์แล้ว และไม่คิดจะระงับมันอีกต่อไป
“ถ้าไม่ให้ก็ต้องสู้กัน!”
ซูเฉินมุ่ยปาก กล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าไร้เทียมทานไม่มีผู้ใดเทียบ?” หวูโหยวกัดฟันเอ่ย
“บนแผ่นดินใหญ่ ผมคือตัวตนคงกระพันไร้เทียมทาน!”
สีหน้าของซูเฉินจริงจัง ประกาศกร้าว ไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย
หวูโหยวถึงกับอ้าปากค้าง
“ก็ได้ข้ายอมรับ ว่าบนแผ่นดินใหญ่เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แต่หากเจ้าหมายเอาชนะข้า –ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน!”
“มั่นใจขนาดนั้นเลยหรอ?” ซูเฉินหรี่ตาลง อุทานออกมาเบาๆ
บนแผ่นดินใหญ่ คนที่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา มีหวูโหยวเป็นคนแรก
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ –ก็ลองดู!”