3/10

 

Ep.851

 

“มันสายไปแล้ว”

 

มุมปากของซูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย พลังจิตถูกปลดปล่อยออกมาในพริบตา

 

โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ!

 

ได้ยินเพียงเสียงเนื้อระเบิด เหล่าผู้ฝึกตนขั้น 9 ทั้งหมดถูกเป่าสมอง ทั้งหมดจบชีวิตลงอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤตนี้ ชายชราขั้น 10 ได้ยกโล่สีดำขึ้นมา เลยรอดพ้นจากการอาละวาดของพลังจิตไปได้

 

เมื่ออำนาจทำลายล้างของพลังจิตสลาย โล่ดำก็พังทลายลงเช่นกัน ชายชราไม่เสียเวลาคิด หันหลังวิ่งหนีไป

 

“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?”

 

ซูเฉินยิ้มดูแคลน ง้างแขนและชก [หมัดดาวตก] ตามมาติดๆด้วยเงาหมัดทองคำนับร้อย ทุบตีชายชราขั้น 10 จนเนื้อตัวเละเหลว กระทั่งกระดูกยังถูกป่นเป็นผุยผง

 

ชายวัยกลางคนผิวดำเห็นภาพนี้ ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง

 

ซูเฉินฆ่าผู้วิวัฒนาการขั้น 10 ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ตัวเขาเพิ่งเคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต

 

อีกทั้งยังตระหนักได้เช่นกัน ว่าซูเฉินไม่เพียงเป็นปรมาจารย์พลังจิตระดับสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้วิวัฒนาการอีกด้วย

 

“มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย!”

 

ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ข้างในใจตื่นตระหนก รู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

 

“แล้วของล่ะ?”

 

หลังจากสังหารชายชราขั้น 10 และกลุ่มของเขา ซูเฉินก็ทวงถามสมบัติ เดินเข้าหาชายวัยกลางคนผิวดำ

 

“ผู้อาวุโส นี่คือศิลารวมวิญญาณ”

 

ชายวัยกลางคนรีบหยิบแร่ที่ส่องแสงสีน้ำเงินทั้งก้อนออกมา ยื่นถึงมือซูเฉินอย่างนอบน้อม

 

ซูเฉินแม้ดูเหมือนเป็นรุ่นเยาว์ แต่กำลังรบของเขาแข็งแกร่งมาก ดังนั้นต่อให้เรียกว่าผู้อาวุโส มันก็ไม่มากเกินไป

 

ซูเฉินรับมันและเพ่งมองอย่างตั้งใจ ก่อนหันไปพูดกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ นี่คือศิลารวมวิญญาณใช่ไหม?”

 

“มันคือศิลารวมวิญญาณ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างมั่นใจ

 

ซูเฉินใส่ศิลารวมวิญญาณลงในถุงเก็บของ ก่อนหันมามองชายวัยกลางคนผิวดำ เอ่ยถามว่า “คุณชื่ออะไร?”

 

“ผู้น้อยชื่อเจิ้งเต๋าขอรับท่านอาวุโส”

 

ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

“เจิ้งเต๋า คุณได้รับศิลารวมวิญญาณนี้มาจากที่ไหน?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น

 

ไม่ว่าจะเป็นอัคคีผลาญแปดทิศหรือโลกันต์เยือกแข็งก็ล้วนเฝ้ารอที่จะยกระดับ เห็นได้ชัดว่าศิลารวมวิญญาณแค่ก้อนเดียวไม่เพียงพอ เขาจึงคิดคลำเถาวัลย์หาแตง เผื่อจะโชคดีได้อีกหลายชิ้น

 

“ผู้น้อยได้รับมันมาจากเทือกเขาที่อยู่ไม่ไกล” เจิ้งเต๋าตอบตามความจริง

 

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกาย

 

เนื่องจากศิลารวมวิญญาณถูกขุดขึ้นมาจากในภูเขา งั้นแสดงว่ามันต้องมีมากกว่าหนึ่งก้อน

 

คิดได้แบบนี้ ซูเฉินก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “พาฉันไปที่เทือกเขานั่น เมื่อถึงที่หมายฉันจะยอมปล่อยคุณไป”

 

เจิ้งเต่าลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ผู้อาวุโส สถานที่แห่งนั้น … เกรงว่าจะไปไม่ได้”

 

เอ๋?

 

ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย จับจ้องเจิ้งเต๋าตาเขม็ง รอคำอธิบายจากอีกฝ่าย

 

เจิ้งเต๋าตระหนักดี ว่าหากไม่สามารถอธิบายให้มันชัดเจนก็คงไม่สามารถรอดไปจากที่นี่ได้ จึงกล่าวว่า “เหล่าคนที่ผู้อาวุโสเพิ่งสังหารไป ล้วนมาจากตระกูลสวี่ และเทือกเขาแห่งนี้ ก็อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลสวี่”

 

“คุณคิดว่าขะะจากตระกูลสวี่จะขวางทางฉันได้หรอ?”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ กลิ่นอายสังหารค่อยๆแพร่กระจายออกมา

 

เจิ้งเต๋าลมหายใจติดขัดทันที “ผู้อาวุโส ที่ผู้น้อยพูดออกมาแบบนี้ ก็เพราะบรรพชนระดับเทวะของตระกูลสวี่ เหมือนจะเฝ้าอยู่บนเทือกเขานั่นเช่นกัน”

 

เจิ้งเต๋ากลัวว่าจะทำให้ซูเฉินโกรธ จึงรีบอธิบายเหตุผล

 

“ที่แท้ก็มีระดับเทวะอยู่ด้วย พอดีเลย จะได้ถือโอกาสนี้แก้แค้นมัน”

 

ดวงตาของซูเฉินทอประกายเย็นยะเยือก

 

ตามข้อมูลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ ในบรรดาเผ่ามนุษย์ นอกจากระดับเทวะแห่งวังสุริยันจันทราแล้ว ระดับเทวะคนอื่นๆล้วนต้องการกำจัดเขา

 

และคนที่พยายามฆ่าเขา ซูเฉินจะไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว

 

“จะฆ่าระดับเทวะ?”

 

เจิ้งเต๋าตกตะลึง

 

แม้ระดับเทวะที่เข้ามาในทวีปมนุษย์ จะถูกสะกดพลังให้ไม่เกินขั้น 10

 

แต่ซูเฉินกลับเอ่ยปากว่าจะสังหารระดับเทวะ –เขากล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?

 

ณ ขณะนี้ เจิ้งเต๋าเกิดความคิดว่าซูเฉินคงบ้าไปแล้ว

 

4/10

 

Ep.852

 

“ผู้อาวุโส ได้โปรดทบทวนดูอีกครั้งเถอะ” เจิ้งเต๋าพยายามเกลี้ยกล่อม

 

ในความคิดเขา แม้ว่าซูเฉินจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่น่าใช่คู่มือของระดับเทวะ

 

และหากเขาติดตามไปด้วย อาจโดนลูกหลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“บอกให้นำทางก็นำทางไป”

 

ซูเฉินทำสีหน้าเย็นชา ลากคอเจิ้งเต๋าขึ้น [รถศึกอัจฉริยะ] โดยไม่คิดเอ่ยคำใดอีก

 

“ผู้อาวุโส! ผู้น้อยยอมนำทางแล้ว ได้โปรดปล่อยมือก่อน”

 

เจิ้งเต๋าหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ซูเฉินจับเขาโยนขึ้นรถแล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “รีบหน่อย อย่าให้ฉันต้องรอ”

 

“ขอรับ ขอรับ”

 

ร่างของเจิ้งเต๋าสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบนำทาง

 

จากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] เริ่มลอยลำ บินตรงไปยังทิศทางเดียว

 

เจิ้งเต๋าค่อยๆหายจากอาการตื่นตระหนก ลอบมองไปรอบๆ

 

แต่พอเห็นพวกฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา เจ้าตัวก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

“มีผู้แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้!” เจิ้งเต๋ายกมือขึ้นปิดปากไม่ให้หลุดกรีดร้องออกมา

 

กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ ล้วนแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ไม่ใช่อะไรที่เขาสามารถเทียบได้ นี่แสดงให้เห็นว่าทุกคนบนรถคือผู้ฝึกตนขั้น 10 หรือสูงกว่า

 

ผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้ ต่อให้เป็นระดับเทวะ ก็ยังไม่กล้าดูแคลน

 

ณ ขณะนี้ชายวัยกลางคนคิดว่าซูเฉินคงจะขอยืมแรงเหล่าผู้แข็งแกร่ง จึงไม่หวั่นเกรงการดำรงอยู่ระดับเทวะ

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่งบินข้ามทิวเขามาอีกลูกหนึ่ง จู่ๆมันก็แจ้งเตือนว่า “ตรวจพบผู้ฝึกตนหลายร้อยคนอยู่ข้างหน้า หนึ่งในนั้นมีตัวตนระดับเทวะ”

 

“ดูเหมือนว่าคงเป็นที่นี่ ” ซูเฉินพึมพำ หันไปถามเจิ้งเต๋าว่า “เหล่าเจิ้ง ใช่ที่นี่รึเปล่า?”

 

“ขอรับ” เจิ้งเต๋าถอนหายใจ เขาเดาจุดประสงค์ของซูเฉินออกแล้ว ว่าคงมาเพื่อแย่งชิงศิลารวมวิญญาณเป็นแน่ อีหรอบนี้คงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงเวลานั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครคือผู้รอดชีวิต

 

พอระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ ซูเฉินก็หันไปถามนกสำรวจ “เสี่ยวซุ่น ในการรับรู้ มีศิลารวมวิญญาณอยู่บนภูเขาด้านล่างไหม?”

 

“เจ้านาย ด้านล่างไม่ได้มีแค่ศิลารวมวิญญาณเท่านั้น แต่ยังมีศิลาวิญญาณวายุอีกด้วย”

 

ศิลาวิญญาณวายุ?

 

นี่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของซูเฉิน เพราะศิลาวิญญาณวายุเองก็คือสิ่งจำเป็นสำหรับเขาเช่นกัน การเดินทางเที่ยวนี้นับว่าคุ้มค่าจริงๆ

 

“เสี่ยวจือ ร่อนลงข้างล่าง” ซูเฉินแทบอดใจรอไม่ไหว

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ได้ปิดบังใดๆ มันจอดลงท่ามกลางฝูงชนเบื้องล่างโดยตรง

 

“เป็นใครกัน?”

 

หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง เหล่าสมาชิกตระกูลสวี่เบื้องล่างก็พากันหยิบอาวุธขึ้นมา แล้วกระจายกันล้อม [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้

 

พวกเขาตระหนักดี ว่าในอาณาเขตของตระกูลสวี่ แต่อีกฝ่ายยังกล้าบุกเข้ามา แสดงว่าผู้มาเยือนไม่มาดีอย่างแน่นอน

 

“ลงไปกันเถอะ”

 

ซูเฉินกวาดสายตามองออกไปด้านนอก เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป

 

ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆก็ลงจากรถเช่นกัน

 

เจิ้งเต๋าคร่ำครวญในใจ หนังศีรษะด้านชา ก้าวลงจากรถอย่างแข็งกระด้าง

 

“พวกเจ้าเป็นใคร? รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”

 

ท่ามกลางฝูงชนตระกูลสวี่ ชายชราหลังค่อมแต่เปี่ยมไปด้วยบารมีดูน่าเกรงขามก้าวออกมา

 

คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นสวี่หลีฉง ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะของตระกูลสวี่

 

เจ้าตัวหรี่ตาลง กวาดมองซูเฉินและคนอื่นๆ ตวาดเสียงเย็น

 

“ฉันได้ยินว่าที่นี่มีศิลารวมวิญญาณ เลยแวะมาดู” ซูเฉินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ

 

แวะมาดู?

 

ดวงตาของสวี่หลีฉงทอประกายเย็นยะเยือก เพ่งมองมายังซูเฉิน

 

สถานที่สำคัญของตระกูลสวี่ จะยอมปล่อยให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายได้อย่างไร?

 

ไม่ว่าซูเฉินกับคนอื่นๆจะมาจากที่ใด เกรงว่าคงต้องซัดให้หมอบลงกับพื้นก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

 

สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมา ซูเฉินปลดปล่อยแรงกดดันสวนกลับไป บดขยี้มันอย่างง่ายดาย ก่อนจ้องซสวี่หลีฉงอีกครั้ง กระชากเสียงเย็น “ไอ้แก่ กล้าดียังไงถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เดี๋ยวก็จับควักลูกตาซะเลย!”

 

เจิ้งเต๋าที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินประโยคนี้ ต้องตกใจจนแทบหงายหลัง

 

ซูเฉินถึงกับขู่ว่าจะควักดวงตาของผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ นี่เขาบ้าไปแล้วรึไง?