1/10

 

Ep.823

 

สาบานเป็นพี่น้อง?

 

จู่ๆฉีมู่เฟิงก็พูดประโยคนี้ออกมา ซูเฉินที่ไม่ทันตั้งตัวเลยตะลึงไปเล็กน้อย

 

ในความเป็นจริงแล้ว ว่าว่ากันตามตรง ความประทับใจที่ซูเฉินมีต่อฉีมู่เฟิงนั้นไม่เลวทีเดียว เนื่องจากแม้ฉีมู่เฟิงจะมาตาตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นถึงระดับเทวะ แต่สีหน้าท่าทีของเขากลับไม่ดูหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย นับว่าเป็นบุคลที่หาได้ยากยิ่ง เรียกได้เลยว่าตรงกันข้ามกับซูเฉิน

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว หากเขากับฉีมู่เฟิงสาบานเป็นพี่น้องกัน ก็นับเป็นความคิดที่ไม่เลว

 

กระนั้น ซูเฉินก็ยังไม่ลืมเช่นกัน ว่าฉีมู่เฟิงยังคงติดค้างหนี้เขาเป็นหินพลังงานขั้น 10 ถึง 20 ก้อน ซึ่งนี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

 

หากเขากับฉีมู่เฟิงเป็นพี่น้องกัน แล้วเขาจะสามารถทวงถามมันได้อีกหรือ?

 

คิดถึงเรื่องนี้ ซูเฉินเลยเกิดความลังเลเล็กน้อย

 

ฉีมู่เฟิงเห็นซูเฉินคล้ายไม่เต็มใจ รีบพูดออกมา “ซูเฉิน ข้าฉีมู่เฟิง ตลอดชีวิตประพฤติตนอย่างซื่อสัตย์และซื่อตรง เหตุผลที่ข้าเอ่ยปากขอในครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาคิดคดใดๆต่อเจ้า เพียงประทับใจในความแข็งแกร่งของเจ้าเท่านั้น”

 

ฉีมู่อวี้เหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง รีบพูดว่า “ซูเฉิน! เจ้ากับพี่สองข้าสาบานเป็นพี่น้องกัน นี่ถือเป็นเรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย”

 

“ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ในอนาคตต้องกลายเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน ซึ่งนั่นคงช่วยพี่สองข้าได้ไม่น้อย”

 

“ขณะเดียวกัน เจ้าก็ไม่เสียเปรียบอะไร รู้ไหมว่ามิติภายนอกไม่ใช่เรื่องล้อเล่น การลุยเดี่ยวเพียงลำพังไม่อาจเดินทางอย่างราบรื่น แต่ถ้าเจ้าเป็นพี่น้องกับพี่สองข้า เจ้าก็จะสามารถเอ่ยชื่อฉีตระกูลฉีของเราเป็นโล่ป้องกันได้อย่างเต็มที่”

 

“นอกจากนี้ ขอแค่เจ้าตอบตกลง ทรัพยากรฝึกตนและเขตแดนลับของพวกเรา ยังสามารถแบ่งปันและบอกต่อเจ้าได้”

 

เพื่อโน้มน้าวซูเฉิน ฉีมู่อวี้เรียกได้เลยว่าโยนเงินก้อนโต

 

“น้องเล็ก! เหตุใดเจ้าเอ่ยเช่นนี้?”

 

ฉีมู่เสวี่ยตะลึงงัน แทนที่จะห้ามปราม ฉีมู่อวี้ กลับพยายามดึงตัวซูเฉินเข้ามาแทน อย่าบอกนะว่าเธอเผลอไปหลงซูเฉินเข้าให้แล้ว?

 

“ในเมื่อตระกูลฉีแสดงความจริงใจถึงขนาดนี้ คำตอบของฉันคือตกลง” ซูเฉินกล่าวด้วยความยินดี

 

ก็อย่างที่ฉีมู่อวี้พูด หากก้าวเข้าสู่มิติภายนอก การมีขุมกำลังใหญ่คอยหนุนหลัง ย่อมดีกว่าการบุกตะลุยเพียงลำพัง อีกทั้งซูเฉินยังสามารถใช้โอกาสนี้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขตแดนลับหลายๆแห่ง ซึ่งเขาให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

 

“เยี่ยมไปเลย!”

 

ฉีมู่เฟิงตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก

 

อู๋หยาจื่อและคนอื่นก็รู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

 

ซูเฉินกับตระกูลฉีสามารถผูกมิตรกันได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการจะเห็น

 

หากมีต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลฉีคอยหนุนหลัง วันหน้ายามท่องไปในมิติภายนอก หากมีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะบางคนต้องการสร้างปัญหาแก่ซูเฉิน อีกฝ่ายคงต้องชั่งใจให้ดี

 

“ซูเฉิน ในเมื่อตอนนี้เจ้ากับพี่สองข้ากลายเป็นพี่น้องกันแล้ว เจ้าก็ควรมอบสมบัติที่ปล้นพวกเราไปคืนมา ถูกไหม?”

 

ฉีมู่เสวี่ยเลียริมฝีปากเธอ ก้าวมาข้างหน้า กล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ

 

สิ่งที่เธอกำลังพูดถึงคือหุ่นเชิดระดับเทวะและน้ำยาแก่นชีวิต

 

“ฉันกับพี่สองเป็นพี่น้องกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? อย่าทำตัวหน้าไม่อายหน่อยเลย ไสหัวไปให้พ้น! เห็นหน้าแกแล้วขยะแขยง!”

ซูเฉินไม่ได้มีความประทับใจใดๆต่อเธอ เมื่อถูกทวงถามจึงตวาดด้วยสีหน้าเย็นชา

 

เจ้าสองสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อเขามาก ฉะนั้นแน่นอนว่าจะไม่ยอมปล่อยมันหลุดมือไป

 

นอกจากนี้ ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ฉีมู่เสวี่ยนับเป็นตัวอะไร! ยังมีหน้ามาทวงสมบัติจากเขาอีก

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าฉีมู่เฟิง ซูเฉินคงตบหน้าเธอไปแล้ว

 

” … ”

 

ฉีมู่เสวี่ยอ้าปากค้าง รอยยิ้มบนใบหน้าเธอแข็งทื่อทันที

 

ฉีมู่อวี้เข้าใจอุปนิสัยของซูเฉินเป็นอย่างดี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซูเฉิน พี่สาวข้าแค่ล้อเจ้าเล่น อย่าจริงจังนักเลย”

 

ฉีมู่เฟิงยิ้มกระอักกระอ่วน กล่าวว่า “มู่เสวี่ยไม่รู้ความ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเธอ”

 

พอเห็นทุกคนเข้าข้างตน ซูเฉินค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาก หันไปพูดกับฉีมู่เสวี่ยว่า “เห็นแก่หน้าพี่สองและน้องสาวแก ฉันจะไม่ถือสา แต่คราวหน้าระวังหน่อยแล้วกัน อย่าเสนอหน้าทวงสมบัติจากคนอื่นอีก”

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าแววตาของฉีมู่เสวี่ยกลายเป็นเหม่อลอย เกือบสำลักลมหายใจตาย

 

2/10

 

Ep.824

 

หลังจากนั้นก็เป็นพิธีการสาบานเป็นพี่น้องอันเรียบง่าย

 

ทว่าแม้จะเป็นเพียงพิธีการ แต่ก็เอื้อนเอ่ยคำสาบานต่อเจตจำนงสวรรค์ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดเจตนาร้าย จักต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์

 

หลังเสร็จพิธีการ ซูเฉินกับฉีมู่เฟิงแม้ต่างสกุล แต่ก็นับเป็นพี่น้องกัน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม

 

“วันนี้เป็นวันดี พวกเราต้องเฉลิมฉลอง!” ขณะกล่าว ซูเฉินเปิด [มิติสันโดษ] เรียกทุกคนออกมา แล้วแนะนำให้รู้จักกัน จากนั้นขอให้หยางฮ่าวกับเหล่าสหายช่วยกันตระเตรียมอาหาร

 

สองชั่วโมงต่อมา เบื้องหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด มีทั้งเนื้อย่าง ผลไม้ และเครื่องดื่มอันหลากหลาย แม้ฉีมู่เฟิงและน้องสาวทั้งสองจะเป็นเชื้อสายของตระกูลใหญ่ แต่อาหารอันอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ทั้งสามเพิ่งเคยได้เป็นเป็นครั้งแรก

 

“ซูเฉิน ผลไม้เจ้าทำไมมันสดแบบนี้? เหมือนกับว่าเพิ่งเด็ดลงจากต้นเลย” ฉีมู่เฟิงกัดแอปเปิ้ลคำโต เอ่ยถามพลางเคี้ยวแจ๊บๆด้วยความประหลาดใจ

 

“ถ้าพี่ฉีชอบ ผมยินดียกให้ทั้งต้นเลย จากนี้ไปคุณจะได้กินผลไม้สดใหม่ได้ตลอดเวลา” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ปัจจุบันเขากับฉีมู่เฟิงนับว่าเป็นพี่น้องกันแล้ว ดังนั้นถ้าจะมอบให้เขาซักสามสี่ต้นก็ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะอย่างไรเสียในถุงเก็บของยังมีเมล็ดพันธุ์อยู่อีกมากมาย

 

“ถ้างั้นพี่ชายก็ไม่ขอเกรงใจแล้วนะ”

 

ฉีมู่เฟิงไม่ปฏิเสธ เขาเพียงมองว่าต้นผลไม้ของซูเฉินเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดาๆ ยังไม่ล่วงรู้ถึงความมหัศจรรย์ของมัน

 

หลังจากนั้น ทุกคนก็พูดคุยและกินดื่ม ค่อยๆปรับตัวทำความรู้จักกันมากขึ้น

 

เมื่ออิ่มหนำสำราญ ซูเฉินและฉีมู่เฟิงก็เข้าประเด็น หารือเรื่องสำคัญกัน

 

“พี่ฉี น้ำพุแห่งชีวิตในทวีปเอลฟ์ พี่ไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง?” ซูเฉินถาม

 

มูลค่าของน้ำพุแห่งชีวิตชัดเจนในตัวมันเอง หากบุคคลภายนอกล่วงรู้ เกรงว่าคงเกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วเหตุใดฉีมู่เฟิงถึงรู้ที่ตั้งของมันได้? ตอนนี้ซูเฉินชักสงสัยขึ้นมา ว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?

 

“ข้าซื้อข้อมูลนี้มาจากนิกายซ่อนวิญญาณด้วยราคาที่สูงลิ่ว” ฉีมู่เฟิงสารภาพตามตรง

 

นิกายซ่อนวิญญาณ?

 

ซูเฉินมวดคิ้วพลางครุ่นคิด หากได้ข้อมูลมาจากนิกายซ่อนวิญญาณ เช่นนั้นนิกายซ่อนวิญญาณไปทราบข้อมูลนี้มาจากที่ใด? และที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ในเมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว งั้นทำไมไม่บุกเข้าไปคว้ามันมาครองด้วยตัวเองซะเลยเล่า?

 

คล้ายสังเกตเห็นความแคลงใจของซูเฉิน ฉีมู่เฟิงอธิบายว่า “นิกายซ่อนวิญญาณตั้งอยู่ในมิติภายนอก กำลังรบของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลฉีของพวกเราเลย อันที่จริงพวกเขาตั้งตัวเป็นองค์กรค้าข่าว และข้อมูลที่ขายก็เป็นของจริง มีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นน่าจะรับประกันได้ว่าไม่โกหก”

 

มีองค์กรแบบนี้อยู่ด้วยหรือนี่? ซูเฉินอดเดาะลิ้นไม่ได้ เขาไม่สงสัยในคำพูดของฉีมู่เฟิง เพราะหากนิกายซ่อนวิญญาณโกหก ชื่อเสียงคงเหม็นโฉ่ไปนานแล้ว และคงไม่มีใครคิดค้าขายกับพวกเขาอีก

 

นอกจากนี้ มีขุมกำลังใหญ่มากมายในมิติภายนอก หากผู้ซื้อข้อมูลจับได้ว่าโดนหลอกลวง ทางนิกายคงถูกทำลายไปนานแล้ว

 

แต่สิ่งที่ซูเฉินยังไม่เข้าใจก็คือ ข้อมูลนี้นิกายซ่อนวิญญาณไปนำมันมาจากที่ใด? แล้วเหตุใดไม่ออกไปคว้ามันด้วยตนเอง

 

สำหรับเรื่องนี้ ฉีมู่เฟิงก็ไม่ทราบเช่นกัน แค่บอกว่านิกายซ่อนวิญญาณมักทำอะไรประมาณนี้มาโดยตลอด

 

เมื่อไม่ได้คำตอบ ซูเฉินไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ตราบใดที่ยืนยันว่าน้ำพุแห่งชีวิตเป็นเรื่องจริงก็เพียงพอแล้ว

 

“พี่ฉี เอาไว้รองานประมูลเมืองเยว่กวงจบลง พวกเราค่อยไปลองค้นหามันดู” ซูเฉินตัดสินใจ

 

ฉีมู่เฟิงเตือน “ซูเฉิน ถ้าอยากเข้าสู่เขตแดนลับ พวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อน”

 

ซูเฉินพยักหน้า ตั้งสมาธิฟังฉีมู่เฟิงพูดต่อ

 

“ข้าได้ข่าวมา ว่ามีโอกาสสูงที่จะมีวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ในเขตแดนลับ ดังนั้นพวกเราต้องซื้อสมบัติที่สามารถใช้ป้องกันความชั่วร้ายพกติดตัวกันก่อน” ฉีมู่เฟิงกล่าว

 

วิญญาณชั่วร้าย?

 

ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเคยเห็นอะไรทำนองเดียวกับวิญญาณชั่วร้ายมาก็หลายครั้งแล้ว

 

อย่างเช่นต้นนม่านหมอกนรกทมิฬ , ต้นผลกำเนิดมาร ก็จัดอยู่ในประเภทวิญญาณชั่วร้ายเช่นกัน

 

แต่เนื่องจากเขามี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] วิญญาณชั่วร้ายจึงไม่อาจทำอันตรายใดๆ