3/8

 

Ep.789

 

“เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งวิหารศักดิ์สิทธิ์”

 

ซูเฉินออกคำสั่ง แล้วหันมาถามฉางไช่หลี่อีกครั้ง “ท่านประมุข ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีกองกำลังย่อยแยกเป็นฝ่ายไหนบ้าง?”

 

“นอกจากกองกำลังหลักของวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ยังมีอีกหลายตระกูลรวมอยู่ด้วย” ฉางไช่หลี่กล่าวตามตรง

 

“แล้วในบรรดาพวกมัน กองกำลังไหนที่มีส่วนร่วมในการทำลายวังสุริยันจันทรา?” ซูเฉินถามต่อ

 

เขาไม่ใช่ฆาตกรกระหายเลือด ดังนั้นจะไม่สังหารกองกำลังที่ไม่เกี่ยวข้อง

 

“มีเพียงวิหารศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหลิงเท่านั้นที่มีส่วนร่วม” ฉางไช่หลี่ตอบ

 

ตระกูลหลิง?

 

ซูเฉินทวนคำ ย้อนคิดพักหนึ่ง ก่อนที่ประกายเย็นเยียบจะฉายวาบออกมาจากดวงตาเขา

 

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินฉางไช่หลี่พูดถึงมัน ว่าตระกูลหลิงคือตระกูลใหญ่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีบรรพชนระดับเทวะคอยหนุนหลัง

 

ลูกสาวของลู่หยานนามลู่ไช่เฟิงก็แต่งงานเข้าตระกูลหลิงเช่นกัน แต่สุดท้ายลู่หยานก็จบชีวิตลงด้วยน้ำมือซูเฉินไปพร้อมๆกับชิวอิ๋ง

 

ซูเฉินเลยตระหนักได้ทันที ว่าที่พวกเขาลงมือ เป็นเพราะต้องการแก้แค้น

 

ต่อมา ซูเฉินเอนหลังบนเก้าอี้คนขับ เปิด [พื้นที่เพาะปลูก] ตรวจดูความคืบหน้าการเจริญเติบโตของพืชวิญญาณต่างๆ

 

ส่วนฉางไช่หลี่และคนอื่นๆแยกย้ายกันหาสถานที่พักผ่อน

 

ช่วงเวลาต่อจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] เคลื่อนตรงไปยังอาณาเขตของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู

 

ตลอดเส้นทางเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด ตรงจุดนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกแปลกๆ

 

ก็ในเมื่อระดับเทวะของเผ่ามนุษย์ตั้งใจจะฆ่าเขา เช่นนั้นที่ต้องทำ ไม่ใช่ว่าควรส่งยอดฝีมือจำนวนมากมาปิดล้อมเขาหรอกหรือ?

 

แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้เขาเดินทางอย่างอิสระได้ยาวนานขนาดนี้?

 

เป็นไปได้ไหมว่าพอเฝิงเหอเซียงกับจินกวงหยูตาย เลยกลัวที่จะส่งคนอื่นมา?

 

ซูเฉินคิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้น 100% เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูของเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะของเผ่ามนุษย์

 

หากระดับเทวะเหล่านั้นยอมรามือแต่เพียงเท่านี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะเอาศักดิ์ศรีไปไว้ที่ไหน?

 

หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่? เช่นหาโอกาสลอบโจมตีในช่วงเวลาสำคัญ?

 

เนื่องจากเหล่าระดับเทวะล้วนมีชีวิตอยู่มานานนับหมื่นปีแล้ว ดังนั้นแต่ละคนน่าจะมีไหวพริบและแผนการลึกล้ำ

 

ซูเฉินรู้สึกว่าที่กล่าวมาข้างต้นนี้ มีความเป็นไปได้มากกว่าข้อแรก

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจมากเกินจำเป็น จะทำเฉกเช่น ‘ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน’

 

ตราบใดที่ยังอยู่ในทวีปใหญ่ ต่อให้ศัตรูดาหน้ามาเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

 

 

สิบวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] เข้าสู่อาณาเขตของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู

 

ตามแผนเดิมที่วางไว้ เป้าหมายแรกที่จะสังหารคือเหล่าคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ

 

เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงวิหาร ในตัวตึกกลับว่างเปล่า แทบไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย เหลือแค่ผู้ฝึกตนระดับต่ำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

 

หลังจากเค้นถามข้อมูล ก็ได้คำตอบว่า เหล่าผู้แข็งแกร่งของวิหาร ได้ทำการอพยพออกจาสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาแล้ว และยังไม่เหลือร่องรอยใดๆให้ตามเจอ

 

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าซูเฉินกำลังเดินทางมาฆ่าพวกเขา เลยหนีไปซ่อนตัวล่วงหน้า

 

ซูเฉินพอเข้าใจสถานการณ์ ก็ต้องทอดถอนหายใจ อารมณ์ตอนนี้รู้สึกหดหู่มาก

 

นอกจากไม่สามารถฆ่าระดับสูงของวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เขายังไม่พบศิลาวิญญาณวายุแม้แต่ก้อนเดียว

 

ดังนั้น เพื่อระบายความอัดอั้นใจ ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินทำลายสิ่งปลูกสร้างของวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าครึ่ง แล้วค่อยยอมล่าถอยออกมา

 

[รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปทางตระกูลหลิงด้วยความเร็วสูง แต่ก็เช่นเดียวกันวิหารศักดิ์สิทธิ์ เหล่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลได้หลบหนีไปแล้ว

 

“ซูเฉิน พวกเราจะเอายังไงกันต่อ?” ฉางไช่หลี่ถาม

 

ซูเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง กล่าวว่า “ไปเกาะชิงหยุน”

 

สี่ขุมกำลังใหญ่ของทวีปเสวียนเทียน ราชวงศ์เฝิงซีและจักรวรรดิเฉินเชิ่งถูกเขาทำลายไปแล้ว ขณะที่ขุนเขาหวังเฉียวเหลือแค่ชื่อเท่านั้น นอกจากกองกำลังหลักสองกลุ่มของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่หนีไป โดยพื้นฐานนับว่าเขาบรรลุจุดประสงค์ในการแก้แค้นแล้ว

 

เท่ากับอยู่ทวีปเสวียนเทียนต่อก็ไม่มีความหมาย

 

ได้ยินแบบนั้น ฉางไช่หลี่ไม่เอ่ยท้วงติงใดๆ เพราะก่อนหน้านี้ ซูเฉินตัดสินใจแล้วว่าจะไปเกาะชิงหยุน ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเดินทางไปอยู่ดี

 

4/8

 

Ep.790

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งเกาะชิงหยุน ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ระหว่างทางซูเฉินเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ตรวจดูว่าด้วงเขมือบทองคำหลังจากกินศพของจินกวงหยูแล้ว มันได้ยกระดับเป็นขั้น 10 รึยัง

 

ช่วงเวลาที่ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ถูกเปิดออก ซูเฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุกรุ่นรุนแรง และกลิ่นอายนี้มาจากด้วงเขมือบทองคำ

 

“เสี่ยวฉง นายยกระดับแล้วสินะ” ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเดิมทีด้วงเขมือบทองคำก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ยิ่งมันยกระดับไปขั้น 10 ก็จะยิ่งกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของเขา

 

ปัจจุบัน กำลังรบของมัน น่าจะแข็งแกร่งกว่าอู๋หยาจื่อในสภาวะที่ถูกข่มฐานฝึกตนอยู่หนึ่งส่วน

 

“เจ้านาย ข้าทำสำเร็จแล้ว!” ด้วงเขมือบทองคำตะโกนด้วยความตื่นเต้น

 

ยกระดับเป็นขั้น 10 ก็เหมือนดั่งได้รับปีกใหญ่ที่ช่วยให้เดินเหินได้สะดวกยิ่งขึ้น

 

ณ ขณะนี้มันบินขึ้นๆลงๆในอากาศต่อเนื่องไม่หยุด

 

หงส์เพลิงและสัตว์เลี้ยงวิญญาณตนอื่นๆ ล้วนปลีกตัวหลบไปอยู่ในระยะไกล

 

ที่ทำเช่นนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากร่างของด้วงเขมือบทองคำแข็งแกร่งเกินไป หากสัมผัสโดน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น บางทีกระดูกของพวกมันอาจหักเป็นชิ้นๆ

 

“ดีมาก”

 

ซูเฉินพยักหน้า มุมปากยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

 

จากนั้น เขาสนทนากับเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]

 

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ออกจากทวีปเสวียนเทียน มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด

 

ซูเฉินว่างไม่มีอะไรทำ เอาแต่จ้องหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

เนื่องจากระยะทางระหว่างทวีปเสวียนเทียนกับเกาะชิงหยุนค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 10 วัน ระหว่างนี้หากเจอฝูงสัตว์ทะเล จะได้ฆ่าพวกมัน แล้วรวบรวมชิ้นส่วน แม้เล็กน้อยก็ยังดี

 

ไม่นาน ซูเฉินก็พบจุดสัญญาณสีดำขนาดใหญ่บนหน้าจอ และรอบๆจุดสีดำนั้นยังมีจุดสีดำขนาดเล็ก และจุดสีดำน้ำเงินอีกนับสิบๆจุดกำลังรวมตัวกัน

 

พวกต่างเผ่ากับมนุษย์?

 

ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้น หันไปออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ล็อคเป้าพวกมันไว้ แล้วขยายภาพที”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคเป้า ภาพถูกฉายบนหน้าจออย่างรวดเร็ว

 

ซูเฉินกวาดสายตามอง และพบว่ามีอสูรสีดำสนิทตัวหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางทะเล สัตว์อสูรตัวนี้มีลักษณะเหมือนกับหอย ให้ความรู้ลึกนุ่มลื่นไปทั้งตัว อีกทั้ง ร่างกายของมันยังใหญ่โตมาก เทียบได้เลยกับเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง

 

และบนหลังของสัตว์อสูรตัวนี้ มีมนุษย์และพวกต่างเผ่านับสิบคนกำลังยืนอยู่

 

พวกต่างเผ่าเหล่านี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ซูเฉินเคยเจอพวกมันมาทั้งหมดแล้ว ในที่นี้มี เผ่าปีศาจราตรี , เผ่าวิหคเหิน , เผ่าสมุทร และเผ่าเทพ

 

“เจ้าพวกนี้มาสุมหัวกันทำอะไร?” ซูเฉินขมวดคิ้ว บ่นพึมพำ

 

แต่ในเวลานั้นเอง [รถศึกอัจฉริยะ] ได้ร้องเตือนว่า “ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพบพวกเราแล้ว พวกมันกำลังว่ายตรงเข้ามา!”

 

“เอ๋?”

 

ซูเฉินอุทานเบาๆ หันมองหน้าจอควบคุมอีกครั้ง

 

เป็นอย่างที่พูด สัตว์อสูรยักษ์เวลานี้เริ่มแหวกว่าย ก่อคลื่นทะเลขนาดใหญ่ ความเร็วในการว่ายน้ำของมันว่องไวเป็นอย่างมาก อีกทั้งกำลังตรงมาทางพวกเขา

 

เห็นภาพนี้ ซูเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หันไปถามฉางไช่หลี่ว่า “ท่านประมุข ไม่ทราบรู้จักมนุษย์บนจอนี้หรือไม่?”

 

ฉางไช่หลี่ก้าวออกมาข้างหน้า กวาดสายตามอง สีหน้าการแสดงออกของเธอพลันกระชับขึ้นทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “มีบางคนมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหลิง ส่วนที่เหลือข้าไม่รู้จักพวกเขา”

 

คนของวิหารกับตระกูลหลิง?

 

รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นตรงมุมปากของซูเฉิน เขากำลังกังวลว่าจะหาคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์กับตระกูลหลิงไม่เจออยู่พอดี ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมาเคาะประตูตายถึงที่ด้วยตัวเอง

 

นี่เป็นเวลาเหมาะที่จะหว่านแห จับพวกมันทั้งหมดในคราเดียว

 

“เสี่ยวจือ ตรวจสอบระดับฐานฝึกตนของพวกมัน” ซูเฉินสั่ง

 

ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาเขาด้วยตัวเอง งั้นก็ต้องเตรียมการไว้ก่อน

 

ระวัดระวังเข้าไว้ รู้จุดแข็งของอีกฝ่าย จะได้สู้อย่างเต็มที่