9/10

 

Ep.785

 

“เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปจักรวรรดิเฉินเชิ่ง

 

ขึ้นมาบนรถ ซูเฉินออกคำสั่งทันที

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ไม่เอ่ยพร่ำเพรื่อ ล็อคตำแหน่งจักรวรรดิเฉินเชิ่ง เปิดฟังก์ชั่นการบิน ลอยลำออกจากเมืองจ้านเฝิง

 

“ซูเฉิน เจ้าจะไปทำอะไรที่จักรวรรดิเฉินเชิ่ง” ฉางไช่หลี่ถามด้วยความกังวล

 

ในความคิดเธอ ณ ขระนี้พวกเรากำลังอยู่ท่ามกลางพายุแห่งหายนะ เนื่องจากเหล่าระดับเทวะเผ่ามนุษย์ได้ตัดสินใจฆ่าซูเฉิน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมส่งยอดฝีมือมาจัดการ

 

หากซูเฉินเดินทางไปยังจักรวรรดิเฉินเชิ่งด้วยการกระทำดั่งประโคมข่าวเช่นนี้ มันจะง่ายต่อการเปิดเผยร่องรอยที่อยู่ของพวกเขา แล้วดึงดูดยอดฝีมือเข้ามาปิดล้อมโจมตี

 

ซูเฉินไม่คิดซ่อนตัว กล่าวตามตรงว่า “บรรดาพวกที่มีส่วนร่วมในการทำลายวังสุริยันจันทรา ผมจะไม่ปล่อยมันไว้แม้แต่คนเดียว และขอเริ่มจากการบุกจักรวรรดิเฉินเชิ่งเป็นที่แรก”

 

ที่จริงแล้ว นอกจากการแก้แค้น ซูเฉินยังมีจุดประสงค์อื่น นั่นคือค้นหาที่อยู่ของต้นไม้แห่งชีวิต

 

จ้าวจักรวรรดิเฉินเชิ่ง –หลี่เซิงครั้งหนึ่งเคยได้รับกิ่งใหญ่ของต้นไม้แห่งชีวิตมา หากคลำตามเถาวัลย์จากตัวเขา ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะคลำจนพบต้นไม้แห่งชีวิต

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉางไช่หลี่กับคนอื่นๆแปรเปลี่ยนไป

 

ซูเฉินตั้งมั่นจะแก้แค้น หมายความว่าต้องเกิดการต่อสู้ใครใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากนั้น เหล่ายอดฝีมือก็จะตามรอยพวกเขา และศัตรูในครั้งนี้ต้องอยู่ในขั้น 10 ขึ้นไปเป็นแน่แท้ แถมยังมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าจะมีระดับเทวะรวมอยู่ด้วย

 

อาจเรียกได้เลยว่า ซูเฉินต้องเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งทั้งทวีป ถึงเวลานั้นซูเฉินยังจะสู้ได้อีกหรือ?

 

อู๋หยาจื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ค่อยๆกล่าวอย่างช้าๆ “ทุกคนอย่ากังวลไปเลย ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูเฉิน ไม่มีใครทัดเทียมเขาได้อีกแล้วในทวีปใหญ่ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งบุกเข้ามามากเกินไป อย่างมากพวกเราแค่ล่าถอยออกจากทวีปเสวียนเทียน พวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว”

 

อู๋หยาจื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินด้วยตาตัวเอง ยามเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งนับพันในดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง เขายังออกฆ่าทุกสารทิศ ไม่มีผู้ใดหยุดได้

 

ดังนั้น เมื่อกลับเข้าสู่ทวีปใหญ่ ซูเฉินย่อมกลายเป็นการดำรงอยู่ที่สามารถเดินเหินได้อย่างอิสระตามต้องการ แม้แต่ด้วงเขมือบทองคำระดับเทวะที่มีกายคงกระพัน ยังตกตายด้วยน้ำมือของซูเฉิน

 

จริงๆแล้วผู้แข็งแกร่งที่คุกคามซูเฉินได้ มีไม่กี่คนหรอก แต่ถึงจะมีก็ไม่เป็นไร เพราะ [รถศึกอัจฉริยะ] สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นข้ามเขตแดนได้ พร้อมหลบหนีไปทวีปอื่นตลอดเวลา เรียกได้ว่าจะเข้าหรือออกก็สะดวกสบาย

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ต่อให้ซูเฉินคิดก่อคลื่นลมในทวีปเสวียนเทียน อู๋หยาจื่อก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ได้กังวลจนเกินไปนัก

 

ได้ยินแบบนั้น ฉางไช่หลี่กับคนอื่นๆถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาทราบสถานะของอู๋หยาจื่อแล้ว

 

ว่าอู๋หยาจื่อไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังเคยเป็นถึงอดีตระดับเทวะ

 

หากผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ยังไว้ใจซูเฉิน งั้นพวกเขาก็คงไม่ต้องกังวลอะไร

 

ต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] บินตรงสู่จักรวรรดิเฉินเชิ่ง

 

เนื่องจากใช้วิธีการบิน ระหว่างทางจึงไม่ถูกขัดขวางแต่อย่างใด

 

ประมาณสิบวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ลอยลำอยู่เหนือเมืองเค่อสิง

 

เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ซูเฉินไม่รีบร้อนที่จะลงมือ แต่สื่อสารกับ [รถศึกอัจฉริยะ] แทน

 

“เสี่ยวจือ ค้นหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเค่อสิง”

 

นานมาแล้ว ซูเฉินเคยได้ข้อมูลจากปากผู้อาวุโสคนหนึ่งของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู ว่าบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิเฉินเชิ่งคือหลี่เซิง เป็นปรมาจารย์มนตราขั้น 9

 

ปรมาจารย์ขั้น 9 ในสายตาซูเฉินไม่ต่างจากมด สามารถบี้ให้ตายได้ด้วยมือเดียว

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน เผ่ามนุษย์ระดับเทวะต้องการสังหารเขา บางทีเมืองเค่อสิงอาจมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ก็ได้ ดังนั้นระมัดระวังไว้ดีกว่า

 

“เจ้านาย ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือปรมาจารย์มนตราขั้น 9 แค่คนเดียว นอกจากนั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้น 8 อีกไม่กี่คน”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] สแกน แล้วตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

“ดูเหมืนอว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันเตรียมตัวป้องกัน”

 

ซูเฉินงึมงำ จากนั้นสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งของปรมาจารย์มนตราขั้น 9 เอาไว้ แล้วไปหาเขา”

 

10/10

 

Ep.786

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] รับคำสั่ง ค่อยๆลดระดับ ร่อนลงจอดในลานกว้างคฤหาสน์อันงดงาม

 

มีทหารยามในชุดเกราะจำนวนมากลาดตระเวนอยู่รอบอาคารนี้ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นเครื่องบินลงจอด ก็พากันหยิบอาวุธ และตรงเข้าล้อม [รถศึกอัจฉริยะ] ทันที

 

“ผมขอตัวลงไปดูก่อน”

 

ซูเฉินเปิดประตู ลงจากรถคนเดียว

 

“แกเป็นใคร? กล้าดียังไงมาบุกรุกเขตสำคัญ? รู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน?”

 

ทหารยามที่ดูแข็งแกร่ง กวาดมองซูเฉินอย่างระมัดระวัง ขึ้นเสียงถาม

 

ซูเฉินหรี่ตา หันมาสบตาอีกฝ่าย ระเบิดพลังจิตเข้าพันธนาการทหารยามคนนั้นไว้ แล้วลากตัวเข้ามาเบื้องหน้า

 

“ปรมาจารย์พลังจิตขั้นสูง!”

 

ทหารยามคนอื่นๆเห็นภาพนี้ แต่ละคนสีหน้าซีดเผือด

 

ทหารยามที่ดูแข็งแกร่งคือหัวหน้าของพวกเขา ทั้งยังเป็นผู้วิวัฒนาการขั้น 7 แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า กลับไร้กำลังที่จะต่อต้าน

 

นี่แสดงให้เห็นว่า ชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นปรมาจารย์พลังจิตขั้น 8 ขึ้นไปอย่างแน่นอน

 

“ไปบอกหลี่เซิงให้ไสหัวออกมา!”

 

ซูเฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ ระเบิดเสียงตะโกน

 

แรงกดดันมหาศาลถูกปล่อยออกมา บีบบังคับให้เหล่าทหารยามต้องชักฝีเท้าถอย

 

“บังอาจ! ไอ้ตัวอวดดีผู้นี้มาจากที่ไหนกัน? กล้าดียังไงถึงมาอาละวาดที่นี่!”

 

ระหว่างนั้นเอง เสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้นจากไม่ใกล้ไม่ไกล แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ชายชราร่างผอมบางก็ทะยานเข้ามาด้วยสีหน้าดุร้าย

 

“จงปล่อยเขา!”

 

เมื่อเขาเห็นซูเฉินกำลังบีบคอหัวหน้าทหารยามด้วยมือข้างเดียว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา แค่นเสียงเย็น

 

“จัดให้ตามที่ขอ” มุมปากซูเฉินโค้งงอเล็กน้อย ออกแรงบีบเพิ่มหักคอหัวหน้าทหารยาม จากนั้นโยนลงแทบเท้าชายชราร่างผอม

 

“จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

 

ชายชราร่างผอมย่ำเท้าด้วยความโกรธ ถีบตัวเองทะยานเข้าหาซูเฉิน ง้างแขนและชกออกไป สาบานในใจว่าต้องสังหารซูเฉินในหมัดเดียว

 

“ผู้วิวัฒนาการขั้น 8? แกก็แค่มดในสายตาฉัน ” ซูเฉินยิ้มดูแคลน พิจารณาจากกลิ่นอายที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา บ่งบอกว่าเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้น 8 เท่านั้น

 

ฐานฝึกตนแค่นี้แต่ยังกล้าโจมตีเขา นี่ไม่ต่างจากการทุบไข่ลงหิน

 

ขณะที่ชายชราใกล้เข้ามา ซูเฉินควบคุมพลังจิตกวาดไปเบื้องหน้า

 

ได้ยินเสียงโผล๊ะ! สะท้อนก้อง

 

เห็นแค่เพียงชายชราร่างผอมถูกบีบอัดโดยพลังที่มองไม่เห็น กลายเป็นหมอกเลือดโดยตรง กระทั่งศพหรือกระดูกก็ไม่มีเหลือ

 

ซู๊ดดดด

 

ได้เห็นฉากนี้ เสียงสูดหายใจดังไปทั่ว

 

ทหารยามทุกคนจ้องมองซูเฉินด้วยอาการเหม่อลอย เผลอชักฝีเท้าถอยโดยไม่รู้ตัว

 

ชายชราร่างผอมบางคนเมื่อครู่ คือผู้ฝึกตนขั้น 8 ที่แท้จริง ทว่ากลับถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดาย แม้แต่โบกมือก่อคลื่นลมก็ยังไม่ทันได้ทำด้วยซ้ำ

 

เห็นได้ชัดว่าซูเฉินน่ากลัวเพียงใด

 

“เจ้าเป็นใครกัน? เหตุใดจึงฆ่าคนไม่เลือกปฏิบัติในคฤหาสน์ข้า?”

 

ในเวลานั้นเอง ปรากฏชายนับสิบก้าวออกมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม ชายที่อยู่หน้าสุดมีบุคลิกสง่าผ่าเผย ให้กลิ่นอายของผู้บังคับบัญชา

 

ทันทีที่บุคคลนี้ปรากฏตัว เขาตวาดใส่ซูเฉิน

 

ซูเฉินปาดจมูกตัวเอง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “แกคงเป็นหลี่เซิง ถูกไหม?”

 

“บังอาจ!”

 

คนอื่นๆได้ยินซูเฉินกล้าเรียกชายผู้สง่างามด้วยชื่อเพียงอย่างเดียว ไม่เอ่ยศักดิ์ฐานะใดๆ พวกเขาต่างโกรธจัด กระโจนเข้าจู่โจมซูเฉินพร้อมกันในคราเดียว

 

ฐานฝึกตนของพวกนี้ไม่อ่อนแอ ทั้งหมดล้วนอยู่ขั้น 8 ขึ้นไปทั้งสิ้น อีกทั้งยังประสานงานกันเป็นอย่างดี

 

ปรมาจารย์มนตราหลายคนร่วมมือกันปลดปล่อยเวทมนต์ ขณะที่ผู้วิวัฒนาการที่เหลือพุ่งเข้าปิดล้อมสังหารซูเฉิน

 

ดูจากท่าทางแล้ว คงคิดจะตีกรอบสังหารเขาให้เร็วที่สุด

 

หลี่เซิงยังไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนมุมปากเขา

 

ในความคิดเขา ยอดฝีมือจำนวนมากประสานงานโจมตี ต่อให้ศัตรูเบื้องหน้ามีกลวิธีเลิศเลอเทียมฟ้าก็ยากที่จะเอาชีวิตรอด

 

แต่ในวินาทีต่อมา ฉากที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาต้องตื่นตะลึงอย่างสิ้นเชิง

 

เห็นแค่เพียงคาถาหลากสีสันถล่มยิงใส่ซูเฉิน แต่ทันทีที่สัมผัสโดน พวกมันกลับสะท้อนออกมาอย่างน่าพิศวง

 

ไม่เพียงไม่ทำร้ายซูเฉิน แต่กลับทำร้ายเหล่าทหารยามที่อยู่รอบๆ โดนระเบิดจนเสียชีวิตแทน