7/10

 

Ep.773

 

ชาวเต่าเขียวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ภายใต้สายตาขู่เข็ญของซูเฉิน มันยอมสารภาพตามตรง “ผู้อาวุโส พวกเราได้รับคำสั่งมาจากสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์”

 

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ” ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง ยังคงถามต่อว่า “ทำไมพวกมันถึงทำแบบนี้?”

 

“ดูเหมือนจะเป็นเพราะคนที่ชื่อซูเฉิน”

 

ชาวเต่าเขียวคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ซูเฉินผู้นั้น สังหารสมาชิกของสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ไปมากมาย แต่สุดยอดห้าเผ่าพันธุ์กลับไม่สามารถจับตัวเขาได้ ด้วยเหตุนี้เลยหันมาสังหารมนุษย์ในบ้านเกิดของซูเฉินแทน ทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้น”

 

ดวงตาของซูเฉินเย็นชากว่าที่เคย ปราณสังหารคุกรุ่นรุนแรงแผ่ฟุ้งไปทั่วร่างกาย

 

เกาะเฉียนหยูเป็นที่ที่เขาถูกส่งข้ามมายังโลกใบนี้ นับเป็นบ้านเกิดหลังที่สอง จะมากจะน้อยมีความผูกพันธ์อยู่บ้าง

 

ซึ่งการที่สุดยอดห้าเผ่าพันธุ์เลือกทำลายล้างที่นี่ นับเป็นการแตะเกล็ดย้อนของเขา

 

ณ ขณะนี้ เขาสาบานกับตัวเอง ว่าจะไม่มีวันปล่อยสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ไป แม้ไม่สามารถสังหารพวกมันทั้งหมด แต่ก็จะให้พวกมันชดใช้ด้วยราคาอันหนักหน่วง

 

ซูเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ เอ่ยถามอีกครั้งว่า “แล้วพวกแกใช้ทางผ่านเขตแดนที่ไหนของเกาะเฉียนหยู หรือว่ามาจากเกาะอื่น?”

 

“ผู้อาวุโส เกาะเฉียนหยูไม่เหลือทางผ่านเขตแดนอีกแล้ว พวกเราล้วนเดินทางมาจากเกาะอื่น”

 

ชาวเต่าเขียวไม่กล้าปิดบัง ตอบตามสัตย์จริง

 

ซูเฉินหรี่ตาลง ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนระเบิดหมัดใส่ชาวเต่าเขียว

 

สถานการณ์บนเกาะเฉียนหยู ร้ายแรงกว่าที่เขาคาดไว้ สรุปว่าสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ร่วมมือกันต่อต้านเขาจริงๆ

 

ด้วยเหตุนี้ เลยมีมนุษย์ไม่กี่คนบนเกาะเฉียนหยูเท่านั้น ที่ยังสามารถเอาชีวิตรอดได้ และโอกาสที่หานคุนกับคนอื่นๆจะยังไม่ตาย แทบไม่มีเลย

 

ซูเฉินถอนหายใจ ขณะเดียวกันประกายแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาเขา ก่อนเข้าร่วมการล่ากับคนอื่นๆ

 

ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ชาวเต่าเขียวในเมืองจิงกังก็ถูกสังหารสิ้น

 

ซูเฉินรวบรวมชิ้นส่วนเสร็จ ก็เรียกทุกคนขึ้นรถ มุ่งสู่เป้าหมายถัดไป

 

ใช้เวลาเกือบสิบวัน พวกต่างเผ่าบนเกาะเฉียนหยูถึงถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง

 

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ไม่พบร่องรอยของหานคุนและคนอื่นๆเลย

 

ซูเฉินไม่คิดจดจ่ออยู่กับแผนที่เพื่อค้นหาพวกเขาอีกต่อไป เพราะมีสิ่งสำคัญกว่ากำลังรอให้เขาจัดการ

 

อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นบนภูเขาจื่อเว่ย เป็นไปได้ว่ามันคือกับดักที่หลายขุมกำลังร่วมมือกัน ด้วยประการนี้ วังสุริยันจันทราจึงตกอยู่ในอันตราย เขาต้องรีบกลับไปยังทวีปเสวียนเทียนโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อตัดสินใจได้ ซูเฉินสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] เดินทางไปยังทวีปเสวียนเทียนทันที

 

ระหว่างทาง เมื่อผ่านเกาะบางเกาะ เขาพบว่าเกาะเหล่านั้น ส่วนใหญ่ถูกยึดครองโดยพวกต่างเผ่าเรียบร้อยแล้ว

 

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน พวกต่างเผ่าเหล่านี้ ซูเฉินไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการกลับไปยังทวีปเสวียนเทียนสำคัญกว่า

 

พวกต่างเผ่าบนเกาะเหล่านี้ เอาไว้มีเวลาเมื่อไหร่ เขาค่อยมาเก็บกวาดทีหลัง

 

ครึ่งเดือนต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ในที่สุดก็มาถึงทวีปเสวียนเทียน

 

เพื่อประหยัดเวลา ซูเฉินไม่เลือกเข้าผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่นำทุกคนและรถศึกเข้าไปใน [มิติสันโดษ] ส่วนตนเองมุ่งหน้าเข้าสู่ชั้นสสารพิษเพียงลำพัง

 

ด้วยฐานฝึกตนของเขาซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้น 10 บวกกับ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] สามารถเดินเหินผ่านชั้นสสารพิษได้อย่างอิสระ จึงเข้าสู่ทวีปเสวียนเทียนได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อเข้ามาข้างในเกาะ ขณะที่ซูเฉินกำลังจะหยิบ [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา เสียงต่อสู้ดุเดือดก็ดังแว่วจากเบื้องหน้าไม่ไกล และยิ่งตั้งใจฟัง มันก็ยิ่งเอะอะขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงจนภูเขาสั่นสะเทือน คงไม่พ้นเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนระดับสูง

 

ซูเฉินกวาดสายตาไปยังตำแหน่งต่อสู้ แล้วค่อยๆย่องเข้าไปแบบไม่ให้รู้ตัว

 

ไม่นาน เขาก็พบว่าในป่าเล็กๆที่อยู่ห่างอกไปราวๆ 100 เมตร มีชายสามคนกำลังต่อสู้กันอยู่ และหนึ่งในนั้นก็บังเอิญเป็นคนที่เขารู้จักพอดี

 

–ประมขุนิกายคลื่นธารา ‘หยูจิงหยาง’

 

8/10

 

Ep.774

 

ในเวลานี้ หยูจิงหยางตกอยู่ภายใต้วงล้อมของผู้ฝึกตนขั้น 10 สองคน และใกล้จะต้านทานไม่ไหวแล้ว

 

ซูเฉินเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนพุ่งเป็นศรแหลม เข้าช่วยเหลือเขา

 

ในตอนอยู่บนภูเขาจื่อเว่ย ซูเฉินเห็นว่าระหว่างหยูจิงหยางกับฉางไช่หลี่และน่านหลีชวนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังตัดสินใจช่วยหยูจิงหยางก่อน

 

ซูเฉินกระโจนเข้าร่วมสมรภูมิ ระเบิดพลังจิตของเขาทันที ฐานฝึกตนของเขาเลื่อนสู่ขั้น 10 แล้ว อำนาจของมันยามโถมทับไปเบื้องหน้าจึงราวกับคลื่นมหาสมุทรขนาดยักษ์กลืนหยูจิหยางและคนอื่นๆในคราเดียว

 

วินาทีนั้นทุกคนคล้ายถูกโยนลงในหล่มโคลน ทุกการเคลื่อนไหวเชื่องช้าซบเซา

 

สถานการณ์ไม่คาดฝันนี้ ทำเอาทั้งสามตื่นตกใจ

 

เมื่อพวกเขาเบนสายตามา และพบว่าผู้ลงมือคือซูเฉิน ปฏิกิริยาก็แตกต่างกันออกไป

 

ชายสองคนที่ประมือกับหยูจิงหยาง สีหน้าของทั้งคู่กลายเป็นเคร่งเครียดผิดปกติ ในทางกลับกัน หยูจิงหยางดูมีความสุขมาก กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ซูเฉิน! สองคนนี้มาจากพันธมิตรนักฆ่าและตระกูลโอวหยาง”

 

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของซูเฉินเย็นเยียบเป็นชั้นน้ำแข็งค้าง

 

พันธมิตรนักฆ่ากับตระกูลโอวหยางมีความแค้นเคืองกับเขาเป็นอย่างมาก เรื่องที่ถูกส่งข้ามไปยังดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง เป็นไปได้สูงว่าอาจมีสองขุมกำลังนี้อยู่เบื้องหลัง

 

ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมองไปยังทั้งสองซัดหมัดออกไปทันที

 

หึ่ง หึ่ง! อากาศที่ว่างเปล่าเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ปรากฏเงาหมัดทองคำนับร้อยวูบไหว

 

เมื่อซูเฉินชกออกไปสุดแขน เงาหมัดทองคำก็ปะทะเข้ากับเป้าหมายพร้อมกัน

 

ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ..!

 

ภายใต้เสียงปะทะสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน ชายสองคนถูกทุบกลายเป็นแอ่งเลือด

 

“ … ”

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ หยูจิงหยางอ้าปากค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจอย่างมิอาจอธิบาย ไม่สามารถเอ่ยคำใดได้เป็นเวลานาน

 

เขาจดจำได้ดี ช่วงเวลาที่อยู่ในภูเขาจื่อเว่ย ซูเฉินยังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้น 8 เท่านั้น แล้วเหตุใดในเวลาไม่ถึงเดือน ถึงก้าวขึ้นมาเป็นขั้น 10 ได้?

 

แล้วอีกอย่าง ความแข็งแกร่งของเขามันทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ สามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งขั้น 10 ลงอย่างง่ายดาย

 

และยังมีอีกจุดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าซูเฉินถูกส่งเข้าไปยังดินแดนที่ถูกทอดทิ้งหรอกหรือ?

 

ได้ยินว่าเมื่อเข้าไปที่นั่นแล้ว จะไม่มีทางออกมาจากข้างในได้อีกเลย แล้วซูเฉินกลับมาได้อย่างไร?

 

ข้อสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจของหยูจิงหยาง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยถาม ซูเฉินก็เป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้น

 

“ประมุขหยู แล้วประมุขฉางกับผู้อาวุโสน่านเล่า? พวกเขาอยู่ที่ไหน”

 

การแสดงออกทางสีหน้าของหยูจิงหยางมืดมนลง ถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกเขาถูกจับตัวไป”

 

ถูกจับตัวไป?

 

ซูเฉินขมวดคิ้วมุ่น

 

ฉางไช่หลี่กับน่านหลีชวนเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ต้องสู้กับผู้แข็งแกร่งในขั้นเดียวกันหลายคน แม้ไม่ชนะ แต่ถ้าหลบหนีก็ไม่น่าใช่ปัญหา แล้วใครกันที่สามารถจับกุมพวกเขาได้?

 

“ใครเป็นคนทำ?” ซูเแินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

“บรรพชนระดับเทวะแห่งราชวงศ์เฝิงซี –เฝิงเหอเซียง” หยูจิงหยางกล่าวด้วยหัวใจที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว

 

ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะถึงกับเข้าสู่ทวีปใหญ่ นี่เรื่องจริงงั้นหรือ?

 

ซูเฉินหรี่ตาลงพลางครุ่นคิด จิตสังหารฉายวาบในแววตาเขา

 

ความบาดหมางระหว่างเขากับราชวงศ์เฝิงซีได้มาถึงจุดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายแล้ว ไม่มีทางแก้ไขได้อีก

 

บรรพชนของตระกูลเฝิงกล้ากลับเข้าสู่ทวีปใหญ่ นี่เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ประมุขหยู ไม่ทราบว่าประมุขฉางกับผู้อาวุโสน่านถูกจับไว้ที่ไหน?” ซูเฉินเอ่ยถาม

 

“น่าจะถูกนำตัวไปขังไว้ในตระกูลเฝิง” หยูจิงหยางขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

 

สมองของซูเฉินเริ่มทำงาน จากนั้นถามต่อว่า “แล้วทำไมเฝิงเหอเซียงถึงทำแค่จับกุมประมุขฉางกับผู้อาวุโสน่าน?”

 

เบื้องหลังของฉางไช่หลี่กับน่านหลีชวนมีระดับเทวะคอยหนุนหลัง การที่เฝิงเหอเซียงกล้าทำเช่นนี้ เขาไม่กลัวว่าจะไปยั่วยุบรรพชนระดับเทวะของวังสุริยันจันทราหรือ?

 

“ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดเช่นกัน” หยูจิงหยางส่ายหัว สำรวจมองซูเฉิน ถอนหายใจและพูดว่า “แต่มีข่าวลือว่า สุดยอดห้าเผ่าพันธุ์กดดันชนชั้นเทวะของพวกเราเผ่ามนุษย์ ให้ยินยอมส่งคนมาฆ่าเจ้าและกวาดล้างคนที่เกี่ยวข้อง”

 

“และบังเอิญในเผ่ามนุษย์เรามีหลายคนไม่พอใจเจ้าพอดี–

 

–ดังนั้นทุกอย่างเลยลงตัว”