7/10

 

Ep.753

 

หลีกุยหยางรู้สึกว่ายิ่งสนทนา เขาก็ยิ่งมิอาจมองทะลุจิตใจของซูเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เด็กหนุ่นผู้นี้อยู่ในขั้น 9 เท่านั้น แต่ยามเผชิญหน้ากับเสมือนเทวะ ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวใดๆ นี่มันผิดปกติเกินไป

 

เขาใช่โง่เขลาเลยไม่หวาดกลัวสิ่งใด หรือมั่นใจในตัวเองจนแสดงออกว่ากล้าหาญเช่นนี้กันแน่?

 

“ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้า แล้วขโมยของเจ้าไปหรือ?” หลีกุยหยางถามหยั่งเชิง

 

“ผมแนะนำให้ผู้อาวุโสอย่าทำแบบนั้น เพราะต่ำกว่าระดับเทวะ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้!” ซูเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ

 

ตอนอยู่ขั้น 8 เขาสามารถต่อกรกับเสมือนเทวะได้ก็จริง แต่ถ้าให้ถึงขั้นกำราบ หรือเอาชนะอย่างเด็ดขาด แทบเป็นไปไม่ได้

 

ทว่าปัจจุบันเมื่อมาถึงขั้น 9 การสังหารระดับเสมือนเทวะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

 

“เจ้ามันเสียสติไปแล้ว”

 

หลีกุยหยางกลืนน้ำลายอย่างแรง สีหน้าการแสดงออกของเขากลายเป็นโง่งม

 

ผู้ฝึกตนขั้น 9 ถึงกับขู่ว่าจะเอาชนะเสมือนเทวะได้ นี่มันไม่ใช่แค่การสวมหนังเสือแล้วคุยโวโอ้อวดธรรมดาๆแล้ว

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของหลีกุยหยางบึ้งตึง แค่นเสียงเย็น

 

ณ ขณะนี้ เขามองว่าซูเฉินกำลังใช้วาจาใหญ่โต พูดเกินจริง

 

ซูเฉินถูจมูกเขา เอ่ยเบาๆว่า “ถ้าผู้อาวุโสไม่เชื่อ พวกเราสามารถประมือกันได้”

 

เขารู้ดี ถ้าต้องการให้หลีกุยหยางเชื่อคำพูดตน หลักฐานที่สามารถแสดงได้ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น

 

“นี่เจ้าคิดจะประมือกับข้าจริงๆ?” ดวงตาของหลีกุยหยางเบิกกว้าง เกือบคิดว่าฟังผิดไป

 

“ถ้าผู้อาวุโสกลัว ก็แสร้งทำเป็นว่าผมไม่ได้พูดแล้วกัน” ซูเฉินผายมือ ทำสีหน้าเฉื่อยชา

 

หลีกุยหยางรู้ว่าซูเฉินกำลังยั่วยุเขา โทสะในใจถูกจัดประกายขึ้นทันที

 

ผู้ฝึกตนขั้น 9 กล้าทำแบบนี้ หากเขาไม่ยอมรับคำท้า คงกลายเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน

 

“ในเมื่อเจ้ามั่นใจนัก เช่นนั้นเราผู้เฒ่ายินดีทำตามที่ขอ” หลีกุยหยางตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาลอบสาบานกับตัวเอง ว่าจะแสดงให้เด็กมันดู สั่งสอนให้รู้ซึ้งไปเลย

 

“ผู้อาวุโส สถานที่นี้ไม่เหมาะที่จะประมือ ขอเชิญท่านเข้าไปข้างใน [มิติสันโดษ] ของผม หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ” ซูเฉินกล่าว พร้อมเปิด [มิติสันโดษ]

 

การต่อสู้กับระดับเสมือนเทวะ ยามลงมือมันจะเอะอะเกินไป หรือกระทั่งบางทีเมืองเทียนตู้อาจโดนผลพวง ถูกทำลายลง

 

“นี่เจ้ามีกระทั่ง [มิติสันโดษ] เชียวหรือ? ดูเหมือนว่าเราผู้เฒ่าจะประเมินเจ้าต่ำไป”

 

หลีกุยหยางถึงกับออ้าปากค้าง จากนั้นก้าวเข้าสู่ [มิติสันโดษ] อย่างไม่ลังเล

 

อาจเรียกว่ายิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งกล้าหาญ เขาไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อยว่าจะมีการซุ่มโจมตีภายใน [มิติสันโดษ]

 

เห็นหลีกุยหยางตัดสินใจเด็ดขาด ซูเฉินก็ไม่ลังเลเช่นกัน ถอดกำไล [มิติสันโดษ] นำไปวางไว้ในมุมที่ปลอดภัย จากนั้นก็ตามเข้ามาด้วย

 

เมื่อหลีกุยหยางเข้าสู่ [มิติสันโดษ] เขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่อยู่ตรงหน้า เปลือกตาเจ้าตัวกระตุกขึ้นทันใด

 

และในเวลานั้นเอง อู๋หยาจื่อก้าวออกมาเบื้องหน้า เอ่ยถามเสียงเย็น “เจ้าเป็นใคร?”

 

รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันบ้าคลั่งที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของอู๋หยาจื่อ สีหน้าของหลีกุยหยางคล้ายถูกแช่แข็ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “นี่เจ้าเป็นระดับเสมือนเทวะ!”

 

ณ ตอนนี้ เขาพอจะจับต้นชนปลายได้แล้ว มิน่าเล่าซูเฉินถึงไม่หวาดกลัว ที่แท้ก็มีระดับเสมือนเทวะคอยอยู่ข้างกายนี่เอง

 

“ผู้อาวุโสอู๋หยาจื่อ นี่คือผู้อาวุโสหลีกุยหยางแห่งเมืองเทียนตู้ ผมเป็นคนเชิญเขาเข้ามาเอง”

 

ในเวลาเดียวกัน ซูเฉินก้าวเข้าสู่ [มิติสันโดษ] พร้อมอธิบาย

 

เมื่อรู้ว่าเป็นซูเฉินที่เชิญเข้ามา อู๋หยาจื่อถอนหายใจโล่งอก

 

“ศิษย์พี่กู่ รบกวนคุณช่วยพาทุกคนถอยออกไปหน่อย อีกเดี๋ยวผมจะประมือกับผู้อาวุโสหลี”

 

หลังจากอธิบาย ซูเฉินก็หันไปบอกกู่เทียนฮวาและคนอื่นๆ

 

หือ?

 

นี่ซูเฉินคิดจะประมือกับเสมือนเทวะงั้นหรือ?

 

กู่เทียนฮวาและคนอื่นๆต่างตกตะลึง

 

ตันหลินกับหยางเฉียนเริ่มเป็นกังวล

 

ซูเฉินแข็งแกร่งก็จริง แต่ต่อให้แกร่งแค่ไหน ก็ไม่น่าใช่คู่ต่อสู้ของเสมือนเทวะหรอก ถูกไหม?

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซูเฉินอยู่แค่ขั้น 8 เท่านั้น ซึ่งมันห่างชั้นกับเสมือนเทวะถึง 3 ขั้น!

 

8/10

 

Ep.754

 

อู๋หยาจื่อเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมซูเฉินถึงทำเช่นนี้

 

เขากับซูเฉินเคยประมือกันมาก่อน ดังนั้นรู้ซึ้งกับกำลังรบของซูเฉินเป็นอย่างดี

 

ด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉิน มันยากที่จะเอาชนะเสมือนเทวะ และไม่แน่บางที อาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

“ซูเฉิน เจ้าแน่ใจนะ?”

 

อู๋หยาจื่อเดินมาข้างๆซูเฉิน เอ่ยถามเสียงเบา

 

“ไม่น่ามีปัญหาอะไร” ซูเฉินยิ้ม

 

อู๋หยาจื่ออึ้งไปเล็กน้อย รอยยิ้มของซูเฉิน มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างยิ่งยวด ให้ความรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นระดับเสมือนเทวะอยู่ในสายตา

 

“อย่าบอกนะว่าเขาแข็งแกร่งไปอีกขั้นแล้ว?”

 

อู๋หยาจื่อพึมพำในใจ ยอมถอยออกไปอย่างเงียบๆ

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าจะประมือกับข้าจริงๆ?”

 

รอจนทุกคนถอยไปด้านข้าง หลีกุยหยางยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อจึงลองถามย้ำดู

 

“ผู้อาวุโส อย่าให้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”

 

ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง เปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ทันที

 

เมื่อร่างกายยืดขยายถึง 10 จั้ง แรงกดดันชนิดหาตัวจับยากได้แผ่กระจายออกไป

 

พิจารณาจากกลิ่นอาย บ่งบอกว่าฐานฝึกตนของเขาได้มาอยู่ในขั้น 10 อย่างชัดเจน

 

ขั้น 10!!

 

ศิษย์น้องซูตัดผ่านไปอีกขั้นแล้วงั้นหรือ!?

 

เฉินเฟิงและคนอื่นๆตกตะลึง พวกเขาจดจำได้ดี ว่าไม่นานก่อนหน้านี้ ซูเฉินเพิ่งยกระดับเป็นขั้น 8 … แล้วจู่ๆเขาสามารถยกระดับเป็นขั้น 9 ได้อย่างไร?

 

ความเร็วในการเลื่อนขั้นจะน่าหวาดกลัวเกินไปหน่อยไหม?

 

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ”

 

อู๋หยาจื่อเดาะลิ้น แสดงท่าทางว่าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

 

ในตอนที่ซูเฉินอยู่ขั้น 8 เขาสามารถรับมือกับเสมือนเทวะได้อย่างสูสี ปัจจุบันเมื่อก้าวสู่ขั้น 9 มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถเอาชนะระดับเทวะได้

 

“พี่เฉินก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วจริงๆ นี่มันสุดยอดไปเลย!”

 

หยางฮ่าวและสหายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น

 

ตันหลินกับหยางเฉียนหันมายิ้มให้กัน หลังจากรู้ว่าซูเฉินยกระดับสู่ขั้นต่อไป ความกังวลในตอนแรกหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ไม่มีใครรู้จักซูเฉินดีไปกว่าพวกเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูเฉินคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ในระดับเหนือกว่าเสมอมา

 

หลังจากใช้วิชาแปลงร่างเป็นขั้น 10 เท่ากับว่าช่องว่างระหว่างเขากับเสมือนเทวะ ห่างกันขั้นเดียวเท่านั้น มีโอกาสสูงมากๆที่จะเอาชนะหลีกุยหยางได้

 

“นี่คือไพ่ตายของเจ้า? แม้จะน่าทึ่ง แต่เกรงว่าหากอาศัยเพียงจุดนี้ ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะข้า” หลีกุยหยางหัวเราะเบาๆ

 

แม้ซูเฉินสามารถยกระดับเป็นขั้น 10 แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาเขา

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันมีช่องว่างที่ข้ามกันไม่ได้ระหว่างขั้น 10 กับเสมือนเทวะ ความห่างชั้นค่อนข้างชัดเจน

 

ซูเฉินไม่ตอบคำ ขยับเท้าก้าวเดียว โฉบเข้าโจมตีหลีกุยหยาง

 

“รวดเร็วมาก!”

 

หนังตาของหลีกุยหยางสั่นไหวอย่างแรง

 

แม้ซูเฉินจะอยู่เพียงขั้น 10 แต่เขากลับว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ความเร็วนี้ไม่ด้อยไปกว่าเสมือนเทวะเลย

 

“ทำได้ไม่เลว!” จิตต่อสู้ของหลีกุยหยางลุกฮือ ซัดหมัดออกไปในพริบตา

 

หมัดนี้ทรงพลังและหนักอึ้ง ทุกแห่งหนที่มันกวาดผ่าน จะก่อเสียงหึ่ง หึ่ง สั่นสะเทือนอากาศ

 

เห็นภาพนี้ ซูเฉินเบ้ปากเล็กน้อย ระเบิดพลังแห่งจิตวิญญาณ

 

พลังที่มองไม่เห็นราวกับคลื่นซัดสาด โถมออกไปเบื้องหน้า ห่อหุ้มหลีกุยหยางเอาไว้ในพริบตา

 

“ปรมาจารย์พลังจิต!”

 

หลีกุยหยางตกใจมาก ภายใต้พันธนาการของพลังจิตซูเฉิน เขาพบว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองเชื่องช้าอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

สามารถสร้างสภาวะเช่นนี้กับตน นี่แสดงให้เห็นว่าพลังจิตของซูเฉินอยู่ในระดับเสมือนเทวะเช่นกัน

 

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่แตกก็คือ เห็นได้ชัดว่าซูเฉินอยู่ในขั้น 10 เท่านั้น แล้วเหตุใดพลังแห่งจิตวิญญาณถึงแข็งแกร่งเพียงนี้?

 

เมื่อไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ เขาก็ไม่คิดมากอีกต่อไป ระเบิดพละกำลังอย่างดุเดือด

 

พลังที่มองไม่เห็นรอบกายแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ

 

แต่ใครจะคาดคิด ว่าเขาเพิ่งหลุดพ้น ก็ปรากฏเสียงหวีดหวิวดังก้องเข้ามาในรูหู

 

สิ่งที่เห็นในสายตา คือเงาหมัดสีทองนับร้อยพุ่งเข้าใส่เขากลางอากาศ

 

“วิชาหมัด!”

 

หลีกุยหยางกัดฟัน ผลักฝ่ามืออีกข้างหนึ่งออกไปทานรับ

 

พริบตานั้น ฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา