1/10

 

Ep.747

 

[รถศึกอัจฉริยะ] พอได้รับคำสั่ง ก็มุ่งไปเบื้องหน้า ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเต็มพิกัด

 

ระหว่างทาง ซูเฉินคอยจับตาดูหน้าจอควบคุมส่วนกลางตลอดเวลา

 

ตอนแรก เขากะจะหาแมงป่องสัตว์ร้ายที่มีสติปัญญาอีกซักตัว จะได้จับตัวมันและให้ช่วยนำทาง

 

แต่น่าเสียดาย ที่แม้เขาจะเจอแมงป่อง แต่พวกมันล้วนอยู่ในระดับต่ำ ไม่เจอตัวที่ระดับสูงกว่าขั้น 3 เลยแม้แต่ตัวเดียว

 

ซึ่งขั้นต่ำกว่า 5 จะยังไม่สามารถพูดคุยสื่อสาร ต่อให้จับตัวมา ก็ไร้ประโยชน์

 

แต่ซูเฉินไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังคงยืนยันคำสั่งเดิม ปล่อยให้ [รถศึกอัจฉริยะ] วิ่งไปตลอดเส้นทาง

 

ห้าวันต่อมา ในที่สุดซูเฉินก็มาถึงชายขอบของทะเลทรายแห่งการดับสูญ

 

ภายนอกอาณาเขตทะเลทราย เป็นป่าโปร่งเล็กๆ แม้ยังคงดูแห้งแล้ง แต่เมื่อเทียบกับเบื้องหลังที่มีแต่ทรายแล้ว นับว่ามีชีวิตชีวากว่ามาก

 

เมื่อมาถึงที่นี่ ทุกคนต่างผ่อนลมหายใจโล่งอก

 

“เสี่ยวจือ ช่วยสแกนหาให้ที ว่ามีร่องรอยของพวกต่างเผ่าหรือมนุษย์รึเปล่า” ซูเฉินสั่ง

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบรับอย่างรวดเร็ว “รับทราบเจ้านาย … ฉันตรวจพบพวกต่างเผ่าตนหนึ่งอยู่ห่างออกไปข้างหน้า 20 ไมล์”

 

ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย “เสี่ยวจือ ล็อคเป้ามัน แล้วขยายภาพให้ที”

 

ภาพบนหน้าจอสลับสับเปลี่ยน ร่างของครึ่งออร์คปรากฏขึ้น

 

ณ ขณะนี้ ครึ่งออร์คที่ว่ากำลังนั่งยองๆอยู่บนพื้น ขุดรากหญ้าอย่างขมักเขม้น และทุกครั้งที่ขุดขึ้นมาได้ มันจะโยนใส่ปาก เคี้ยวอย่างตะกละตะกลาม

 

“เจ้าหมอนี่กินเข้าไปได้ยังไง? หรือว่าเขาอดอยากมาหลายวัน เลยหิวจนเป็นบ้าไปแล้ว?”

 

เห็นภาพนี้ ทุกคนต่างงงงวยสงสัย

 

“เสี่ยวจือ เขาเป็นคนธรรมดาหรือผู้ฝึกตน?” ซูเฉินเอ่ยถามลอยๆอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เจ้านาย เขาเป็นผู้วิวัฒนาการขั้น 9 ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบ

 

ผู้วิวัฒนาการขั้น 9 ?

 

ทุกคนบนรถอ้าปากค้าง

 

เพราะผู้วิวัฒนาการขั้น 9 ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ล้วนมีสถานะยิ่งใหญ่ แล้วจะตกต่ำลงถึงกับขุดรากหญ้ากินได้อย่างไร? นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

 

“เสี่ยวจือ นายแน่ใจนะ?” ซูเฉินค่อยๆระบายลมหายใจ สงบติอารมณ์อย่างช้าๆ เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ

 

ในตอนแรก เมื่อเห็นภาพครึ่งออร์คขุดรากหญ้ากิน ซูเฉินคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นเพียงคนธรรมดา ใครจะคาดว่าเป็นถึงผู้วิวัฒนาการขั้น 9

 

“เจ้านาย เขาเป็นผู้วิวัฒนาการขั้น 9 จริงๆ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบยืนยันหนักแน่น

 

ซูเฉินไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดอีก ออกคำสั่งโดยตรงว่า “เสี่ยวจือ ช่วยขับเข้าไปใกล้หน่อย ฉันอยากเห็นชัดๆ”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่มความเร็ว วิ่งออกจากชายขอบทะเลทราย

 

ระยะทาง 20 ไมล์ ด้วยความเร็วของ [รถศึกอัจฉริยะ] ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึง

 

เมื่อครึ่งออร์คเห็นรถฐานทัพปรากฏขึ้นตรงหน้า ตอนแรกมันอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ซักพักดวงตาก็เริ่มเปล่งประกายร้อนแรง

 

เอี๊ยดดดดด!

 

[รถศึกอัจฉริยะ] หาตำแหน่งพื้นราบเหมาะๆและดับเครื่อง ซูเฉินเปิดประตู ก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ

 

“เหลือเชื่อจริงๆ ที่แท้เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์”

 

ครึ่งออร์คจับจ้องซูเฉิน ฉีกยิ้มกว้าง

 

“มนุษย์ … เจ้าเพิ่งถูกส่งเข้ามายังที่นี่งั้นหรือ?”

 

“ใช่”

 

ซูเฉินตอบเสียงเรียบ

 

“เยี่ยมไปเลย!”

 

ชาวครึ่งออร์คตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด สองมือกำแน่น เอ่ยเสียงเย็นว่า “ส่งของทุกอย่างบนรถมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

 

“ฉันไม่มีทางมอบให้แกหรอก ถ้าอยากได้ ก็ลองใช้ความสามารถตัวเองเข้ามาชิงดู” ซูเฉินเบ้ปาก เลือกที่จะกล่าวยั่วโมโห

 

“ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักชั่วดี ถ้าอย่างนั้นเราจะฆ่าเจ้าก่อน!”

 

ใบหน้าชาวครึ่งออร์คแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย เปล่งเสียงคำราม พุ่งตรงเข้าสังหารซูเฉิน

 

เมื่อใกล้เข้ามาจนห่างจากซูเฉินไม่ถึง 3 เมตร เจ้าตัวกำหมัดแน่นและซัดออก คล้ายต้องการชกซูเฉินให้ตายในหมัดเดียว

 

เห็นภาพตรงหน้า ซูเฉินกลับสงบนิ่งดุจขุนเขา กระทั่งสีหน้ายังแสดงออกถึงความเฉยชา

 

รอจนหมัดนี้ประชิดถึงตัว พลังจิตขอเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมา

 

พริบตานั้นเอง ชาวครึ่งออร์คคล้ายจมลงในหล่มโคลน หมัดที่ชกเข้ามาหยุดนิ่งกลางอากาศ

 

ซูเฉินใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้คว้าบริเวณแขนข้างนั้นของชาวครึ่งออร์คเอาไว้ จากนั้นโคจร [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า]

 

ได้ยินเพียงเสียงกร๊อบ!

 

แขนครึ่งหนึ่งของชาวครึ่งออร์ค ตั้งแต่ฝ่ามือไปจนถึงข้อศอก ถูกหักแยกเป็นสองส่วน

 

2/10

 

Ep.748

 

กระนั้น ชาวครึ่งออร์คผู้นี้จิตใจเหี้ยมหาญพอตัว ทั้งๆที่ยังถูกพันธนการ แต่เจ้าตัวฝืนทนต่อความเจ็บปวด โน้มตัวใช้หัวพุ่งเข้าแสกหน้าซูเฉิน

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น ซัดหนึ่งหมัดสวนออกไป กระดูกครึ่งซีกบนใบหน้าของชาวครึ่งออร์คแหลกเป็นเสี่ยง หากซูเฉินไม่คิดสอบปากคำต่อ เกรงว่าหมัดนี้คงป่นกะโหลกทั้งหัวแล้ว

 

“อ๊ากกกกก”

 

คราวนี้ชาวครึ่งออร์คมิอาจฝืนทน ล้มลงดิ้นกับพื้น กรีดร้องน่าสังเวช

 

ซูเฉินร่ายเวทย์น้ำแข็ง แช่ครึ่งร่างของชาวครึ่งออร์คเอาไว้ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ฉันถามอะไรแกก็ตอบแต่โดยดี มิฉะนั้นก็เตรียมทรมานยิ่งกว่าตายได้เลย!

 

“ผู้อาวุโส โปรดเมตตา! ข้ายอมบอกทุกอย่าง” ชาวครึ่งออร์คหวาดกลัวมาก ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ที่นี่คือที่ไหน?”

 

ซูเฉินจับจ้องชายครึ่งออร์ค ใช้น้ำเสียงบังคับถาม

 

“ที่นี่คือดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง” ชาวครึ่งออร์คตอบอย่างว่าง่าย

 

ได้ยินคำ ‘ดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง’ คนอื่นๆไม่มีปฏิกิริยาอะไร มีเพียงอู๋หยาจื่อที่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

 

“ซูเฉิน ข้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับดินแดนที่ถูกทอดทิ้งมาก่อน”

 

อู๋หยาจื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ซูเฉินและคนอื่นๆหันมองอู๋หยาจื่อพร้อมกัน รอให้เขาพูดต่อ

 

“มีข่าวลือว่า ดินแดนที่ถูกทอดทิ้งคือมิติที่แยกตัวออกมาจากท่ามกลางจักรวาล ถ้าให้พูดละเอียดกว่านี้ก็คือ พื้นที่ในเขตแดนนี้ ด้านทรัพยากรฝึกตนและอาหารขาดแคลนมาก ”

 

“และหากเข้ามาที่นี่ ก็เท่ากับตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นอกจากความตาย ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะหลุดไปจากมิตินี้ได้” อู๋หยาจื่อกล่าวอย่างช้าๆ

 

ซูเฉินเข้าใจขึ้นมาทันที ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชาวครึ่งออร์คขั้น 9 ถึงต้องมาขุดรากหญ้ากิน ที่แท้สาเหตุก็เกิดจากการขาดอาหารอย่างรุนแรงนี่เอง

 

แต่จะเป็นอย่างที่อู๋หยาจื่อกล่าวหรือไม่ ยังต้องสอบปากคำยืนยันอีกที

 

“ดินแดนที่ถูกทอดทิ้งเป็นอย่างที่ว่ามาจริงๆรึเปล่า?” ซูเฉินจ้องมองครึ่งออร์ค เอ่ยถามเสียงเย็น

 

“ขอรับ”

 

ชาวครึ่งออร์คช่วยยืนยันอีกเสียง

 

ซูเฉินพยักหน้าเบาๆ เอ่ยถามต่อ “แล้วมีใครบ้างในดินแดนที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้? พวกเขามีระดับฐานฝึกตนเท่าไหร่?”

 

“ข้าเองก็ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด แต่น่าจะมีอย่างน้อยหลักพัน และโดยพื้นฐานแล้ว ฐานฝึกตนของพวกเขาทั้งหมด คาดว่าเป็นผู้ฝึกตนขั้น 9 ขึ้นไปทั้งสิ้น” ชาวครึ่งออร์คตอบ

 

ผู้ฝึกตนขั้น 9 นับพันคน?

 

ซูเฉินสูดหายใจลึก คนอื่นๆก็หน้าซีดลงเช่นกัน

 

สำหรับผู้ฝึกตนขั้น 9 ไม่ว่าจะอยู่ในเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม พวกเขาล้วนถูกยกให้เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นนำ

 

ซึ่งจำนวนหลายพันคน ต่อให้รวมสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์เอาไว้ด้วยกัน ก็ไม่แน่ว่าจะมีถึง

 

ทว่าในสถานที่แห่งเดียวเช่นดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง กลับมีผู้แข็งแกร่งมากมายมารวมตัวกัน? ว่าแต่พวกเขามาที่นี่ทำไม?

 

ซูเฉินครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทุกเรื่องที่แกพูดเป็นความจริงใช่ไหม?”

 

ผู้ฝึกตนขั้น 9 นับพันคน ฟังยังไงก็โม้เกินไป นี่ทำให้เขาเกือบความเคลือบแคลงในคำพูดของชาวครึ่งออร์ค

 

“ผู้อาวุโส ไม่มีคำใดที่ข้าโกหก” ชาวครึ่งออร์คให้คำมั่น

 

ซูเฉินถูจมูกเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบว่า “งั้นแกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

 

“มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่หลงเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ แต่ส่วนใหญ่เข้ามาด้วยความสมัครใจทั้งสิ้น” ชาวครึ่งออร์คตอบกลับ

 

สมัครใจเข้ามา?

 

ได้ฟังคำตอบนี้ ซูเฉินและคนอื่นๆเริ่มสับสน

 

ให้ตายเถอะ ใครกันที่เสียสติ สมัครใจเข้ามายังสถานที่ที่ทรัพยากรฝึกตนและอาหารขาดแคลนเช่นนี้?

 

อย่าบอกนะว่าที่แห่งนี้ยังมีความลับอื่นซ่อนอยู่?

 

คิดได้แบบนี้ ซูเฉินเลยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ “หมายความว่าแกเองก็สมัครใจเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองใช่ไหม? ช่วยบอกให้มันชัดเจนหน่อย”

 

ชาวครึ่งออร์คไม่กล้าปิดบัง บอกตามความจริงว่า “หากได้มาอาศัยอยู่ในดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง อายุขัยจะไร้ที่สิ้นสุด ตราบใดที่ไม่ถูกฆ่าตาย ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดกาล และคนที่เข้ามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ ทุกคนคือผู้ที่ใกล้ถึงบั้นปลายชีวิตแต่ยังไม่อยากตาย สุดท้ายจึงเลือกหนทางนี้”