3/8

 

Ep.741

 

โครม!

 

เสียงสะท้านสะเทือนดังก้อง

 

เซียวหรานถูกซูเฉินเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น

 

“คิดฆ่าฉัน? แกมีความสามารถพอหรอ?”

 

ซูเฉินเหยียบหน้าเซียวหราน กล่าวหยอกเย้า

 

ก่อนหน้านี้เซียวหรานประกาศว่าจะฆ่าเขา ดังนั้นซูเฉินไม่คิดปล่อยให้เซียวหรานมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะฆ่า เขาต้องทำให้มันอับอายขายขี้หน้าซะก่อน เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น ว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณต่อต้านซูเฉิน

 

“กรอด … ”

 

ในดวงตาเซียวหรานลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธแค้น กัดฟันดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ไร้ประโยชน์

 

พละกำลังของซูเฉินช่างยิ่งใหญ่ ราวกับภูเขาสูงตระหง่าน กดทับจนเขาขยับตัวไม่ได้

 

“ฉางไช่หลี่โปรดเมตตา! รีบหยุดศิษย์เจ้าเร็ว!”

 

นอกเวทีประลอง ชายชราเคราขาวไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป ตะโกนมาทางฉางไช่หลี่

 

คนผู้นี้มีนามว่า เล่ยเฉิงเทียน เป็นประมุขคนปัจจุบันของนิกายกิเลน

 

เมื่อเห็นศิษย์ที่ตนแสนจะภาคภูมิใจ ถูกเหยียดหยามทำให้อับอายต่อหน้าฝูงชน ปอดของเขาแทบจะระเบิด หากไม่ขัดต่อกฏ เวลานี้เขาคงกระโจนขึ้นเวทีไปสั่งสอนซูเฉินแล้ว

 

“งานประลองบนสังเวียนขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน อีกอย่าง เป็นศิษย์เจ้าที่ยั่วโมโหซูเฉินเอง สุดท้ายจึงลงเอยในสภาพนี้ แล้วเจ้ายังกล้าหน้าด้านตะโกนใส่ข้าอีก? หากรู้ว่าศิษย์เจ้าไม่มีความสามารถแต่แรก ก็อย่าเอาขึ้นสู้ให้ขายขี้หน้า!”

 

ฉางไช่หลี่เยาะเย้ยอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

 

เดิมนิกายกิเลนเป็นกลาง แต่ตัวแทนของพวกเขากลับเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาหาเรื่องซูเฉิน นี่ทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก

 

พอได้เห็นซูเฉินทำให้อีกฝ่ายอับอาย มันเลยทำให้เธอรู้สึกสุขใจเป็นพิเศษ แล้วแบบนี้เธอจะหยุดซูเฉินเพื่ออะไร?

 

ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน ต่อให้ต้องการ เธอก็ไม่สามารถหยุดเขาได้

 

“เจ้า ..!”

 

ใบหน้าของเล่ยเฉิงเทียนเริ่มเขียว แล้วกลายเป็นขาว เส้นเลือดปูดโปนด้วยความโกรธ!

 

กระนั้น เขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลออกมาโต้แย้ง ทำได้เพียงกล้ำกลืนลมหายใจลงคอ

 

บนเวที เมื่อซูเฉินสร้างความอัปยศแก่เซียวหรานจนสาแก่ใจแล้ว ในจังหวะนั้นเอง จู่ๆลูกไฟร้อนแรงก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

“เวทย์ลูกไฟขั้น 9 !”

 

ซูเฉินเลิกคิ้ว คลื่นความผันผวนของพลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากลูกไฟ สรุปได้ทันทีว่ามันได้ไปถึงขั้น 9 แล้ว

 

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ตอนนี้สิ่งแรกที่ทำคงเป็นหลบเลี่ยง ทว่าซูเฉินกลับผุดยิ้มเยาะ

 

รอจนลูกไฟใกล้เข้ามา แสงสีทองสาดประกายบนฝ่ามือเขา ตวัดไปทางลูกไฟ และคว้ามันไว้

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

 

พลังทำลายล้างของเวทย์ลูกไฟขั้น 9 ไม่ใช่เรื่องตลก กระทั่งผู้วิวัฒนาการขั้น 10 ก็ยังไม่กล้าใช้ร่างกายเพียวๆเข้าต่อต้าน

 

ขณะที่ซูเฉินเป็นเพียงขั้น 8 เท่านั้น แต่ยังกล้าคว้ามันด้วยมือเปล่า นี่ไม่เท่ากับแส่หาที่ตายหรอกหรือ?

 

‘ดีมาก! ระเบิดไปซะไอ้สารเลว!’

 

เล่ยเฉิงเทียนภาวนาในใจด้วยความเกลียดชัง แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นในวินาทีต่อมา ก็ทำให้เขาและคนอื่นๆต้องอ้าปากค้าง

 

เห็นแค่เพียงซูเฉินคว้าลูกไฟไว้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ออกแรงบีบ ทำลายมันเป็นสะเก็ดเล็กสะเก็ดน้อยในมือเขาโดยตรง

 

“ร่างกายของซูเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?”

 

เมื่อเห็นซูเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย หยูจิงหยางสูดหายใจลึก ลูกตาแทบถลนออกมา

 

ใบหน้าของฉางไช่หลี่เองก็ยังแปรเปลี่ยน แม้เธอจะเคยประมือกับซูเฉินมาก่อน แต่ไม่รู้เลยว่าความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพของซูเฉินเอง ก็ยังทนทานถึงเพียงนี้

 

“เจ้าเด็กนี่มันร้ายกาจจริงๆ” น่านหลีชวนอดเดาะลิ้นไม่ได้

 

หลังจากซูเฉินทำลายเวทย์ลูกไฟแล้วก็ส่ายมือเบาๆ สะบัดขี้เถ้าบนฝ่ามือออก ก่อนหันกลับไปมองพวกพันธมิตรนักฆ่าและอีกสองฝ่ายที่รวมตัวกันอยู่

 

หลังจากกวาดสายตามอง ในที่สุดเขาก็หยุดลงบนร่างของหญิงสาวในชุดเหลือง เอ่ยเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

 

“แกจะออกมารับความตายด้วยตัวเอง หรือรอให้ฉันเข้าไปฆ่า!”

 

หญิงสาวในชุดเหลืองคือคนที่เพิ่งลอบโจมตีเขาด้วยเวทย์ลูกไฟเมื่อครู่ นังตัวร้ายลอบกัดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันให้ปล่อยไป!

 

4/8

 

Ep.742

 

ร่างของหญิงสาวชุดเหลืองสั่นเทิ้ม

 

ณ ขณะนี้ คล้ายเกิดภาพหลอน ว่าดวงตาของซูเฉินกลายเป็นคมมีดแหลม ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจเธอ ชวนให้ยากที่จะหายใจ

 

“พวกเรารีบโจมตีพร้อมกันเถอะ! ถ้ามัวชักช้า เขาฆ่าพวกเราแน่!”

 

หยางเหวินเซวียนในกลุ่มเองก็เริ่มตื่นตระหนกเหมือนคนอื่นๆ เขาฝืนบังคับตัวเอง ร้องคำรามเพื่อสะกดความกลัว

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉินเป็นที่ประจักษ์แล้ว เกรงว่าเวลานี้ คงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป

 

ทันทีที่เสียงคำรามหายไป เขาเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าสังหารซูเฉิน

 

“ฆ่า!”

 

คนอื่นๆที่เหลือมองหน้ากัน ตามหลังหยางเหวินเซวียนไปติดๆ ร่วมแรงโจมตีซูเฉินพร้อมกัน

 

“ศิษย์พี่กู่ พวกเราควรลงมือด้วยไหม?” เฉินเฟิงถาม ฝ่ายตรงข้ามมีเยอะเกินไป เขากังวลเล็กน้อยว่าซูเฉินจะต้านไม่ไหว

 

กู่เทียนฮวาขบคิดเล็กน้อย ก่อนกัดฟันกล่าวว่า “ไม่ ซูเฉินเคยกำชับไว้แล้ว ว่าพวกเรามีหน้าที่ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น ห้ามเข้าร่วมในการต่อสู้นี้ ”

 

สำหรับความแข็งแกร่งของซูเฉิน เขาเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ที่ซูเฉินเอ่ยปากแบบนั้น ก็มีแต่ต้องทำตาม ขอแค่เอาตัวเองให้รอด ไม่เพิ่มภาระแก่ซูเฉิน เท่านี้ก็พอแล้ว

 

“ไอ้พวกไม่รู้จักเจียมตัว!”

 

ซูเฉินหรี่ตาลง แค่นเสียงเย็น

 

เห็นหยางเหวินเซวียนและคนอื่นๆโร่เข้ามา อันดับแรกเขากระทืบหัวเซียวหรานแหลกในเท้าเดียว จากนั้น กวาด [ดาบเสริมมนตรา] ในมือออกไป

 

“เซียวหราน ..!”

 

เห็นเซียวหรานตายอย่างน่าอนาถต่อหน้าต่อตา เล่ยเฉิงเทียนดวงตาเบิกกว้าง เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ

 

ทันใดนนั้เปลวไฟแห่งความเกลียดชังลุกโชนบนร่างเขา ขยับเท้าทะยานขึ้นเวทีประลอง

 

เพียงแต่ว่า เขายังไม่ทันได้ก้าวขึ้นสู่เวที ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งโฉบขวางหน้าเขา

 

“เล่ยเฉิงเทียน หากเจ้าเหยียบลงบนเวทีแม้เพียงก้าวเดียว วันนี้เราผู้เฒ่าจะฆ่าเจ้า!”

 

น่านหลีชวนตวาดเตือนเล่ยเฉิงเทียนด้วยความเย็นชา ปราณสังหารแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขา

 

“นี่เจ้า … ”

 

มุมปากของเล่ยเฉิงเทียนสั่นสะท้าน แต่ด้วยกำลังรบของน่านหลีชวน ต่อให้ความโกรธในใจเขาทะลุถึงขีดสุด เจ้าตัวก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

 

นั่นเพราะเขารู้ดี ว่าน่านหลีชวนมีกำลังมากพอที่จะฆ่าเขาได้จริงๆ

 

บนเวทีประลอง ซูเฉินกวาดดาบทมิฬของเขาออกไป เปลี่ยนตลอดทั้งเวทีจมลงสู่ธารน้ำแข็ง เจตนำนงอันเย็นเยียบกระเพื่อมไปเบื้องหน้า หากไม่นับหยางเหวินเซวียนทที่เหลือล้วนถูกแช่แข็งเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง

 

“เป็นเวทย์น้ำแข็งที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”

 

หยูจิงหยางสูดหายใจลึก หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย

 

แม้ซูเฉินจะอยู่แค่ขั้น 8 แต่เวทย์ที่ปลดปล่อยออกมากลับเหนือกว่าขั้น 9 ไปแล้ว ขนาดตัวเขาในขั้น 10 เพียงมองยังรู้สึกใจสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก

 

“จงช่วยฉันทำลายมัน!”

 

หยางเหวินเซวียนกุมกระบี่ยาวในมือ กระบี่เล่มนั้นตัดผ่านไอเย็นที่แผ่ซ่านไปทุกทิศทาง

 

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น หยางเหวินเซวียนทะยานขึ้นไปในอากาศ ทั้งคนทั้งร่างเขาเปล่งแสงสีขาวสว่างไสว เริ่มพร่าเลือนหายไป คล้ายหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ยาวในมือ

 

ในเวลาเดียวกัน รังสีฆ่าฟันอันบ้าคลั่งแผ่กระจายออกมา

 

ทักษะกระบี่รวมเป็นหนึ่ง!

 

เห็นฉากนี้ คิ้วของซูเฉินกระตุกขึ้นทันที

 

เมื่อครั้งบนเกาะเฉียนหยู โม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลินก็เคยใช้กระบวนท่านี้มาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เขาเลยสามารถจดจำมันได้ในทันที

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับโม่เฉิงกงแล้ว ปราณกระบี่ของหยางเหวินเซวียนรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่า นอกเหนือจากความห่างชั้นในด้านฐานฝึกตนแล้ว ที่สำคัญกว่านั้น คงไม่พ้นเป็นเพราะกระบี่ยาวสีเงินในมือของหยางเหวินเซวียน

 

กระบี่เงินแผ่จิตสังหารออกมาตลอดเวลา ทำให้ซูเฉินรู้สึกถึงอันตราย

 

หรือว่ามันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะ?

 

ความคิดนี้ผุดเข้ามาในหัวของซูเฉิน เร่งหยิบ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ออกจากถุงเก็บของอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่เขากำลังจะขว้างมันออกไปนั้นเอง ใครจะทันคิด ว่าจู่ๆเนี่ยซือเฉียนจะพุ่งออกจากกลุ่มเฉินเฟิงอย่างกะทันหัน ร้องตะโกนว่า

 

“ศิษย์น้องซู ให้ฉันช่วยนายเอง!”