7/8

 

Ep.737

 

“ท่านประมุข ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว งั้นผมจะสอนวิธีเล่นเกมไพ่โต้วตี้จู่ให้ดีไหม?” ซูเฉินเสนอ

 

เขาค่อนข้างรู้สึกดีกับฉางไช่หลี่ เลยต้องการกระชับความสัมพันธ์โดยการเล่นไพ่โต้วตี้จู่

 

ได้ยินแบบนั้น เฉินเฟิงและคนอื่นๆต่างตกลึง

 

ซูเฉินต้องการลากฉางไช่หลี่มาเล่นเกมไพ่ด้วยงั้นหรอ? นี่จะล้อกันเล่นใช่ไหม?

 

หากฉางไช่หลี่ตกลงจริงๆ พวกเขายังจะเล่นอย่างมีความสุขได้อีกหรือ?

 

โชคยังดีที่ฉางไช่หลี่รู้จักวางตัว ยังคงบุคลิกอันทรงเกียรติของประมุข หากเล่นเกมกับลูกศิษย์ มันจะเหมาะสมหรือ?

 

“พวกเจ้าตามสบายเถิด ข้ามีบางอย่างต้องจัดการ”

 

ฉางไช่หลี่กล่าวขอตัว และจากไปทันที

 

เมื่อฉางไช่หลี่ออกจากหุบเขา ซูเฉินก็จัดการศพของลู่หยานและชิวอิ๋ง หันมาเล่นเกมไพ่โต้วตี้จู่กับทุกคนต่อ

 

“จิตใจของศิษย์น้องซูทำด้วยอะไรกัน”

 

เห็นภาพนี้ เฉินเฟิงลอบเดาะลิ้น

 

ซูเฉินเพิ่งฆ่าคนไป แต่กลับทำเหมือนมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญอะไร

 

 

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มาถึงรอบงานประลองคัดเลือกแห่งขุนเขาหวังเฉียว ศิษย์ตัวแทนของวังสุริยันจันรา ก้าวเข้ามาภายใต้การนำของฉางไช่หลี่และน่านหลีชวน มุ่งตรงไปยังภูเจาจื่อเว่ย

 

ภูเขาจื่อเว่ยมิได้เป็นของขุมกำลังใด ในอดีตที่ผ่านมา มักถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานประลอง

 

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินสั่งให้หวู่หยางและคนอื่นๆเข้าไปใน [มิติสันโดษ]

 

ภูเขาจื่อเว่ยกับวังสุริยันจันทราอยู่ไม่ไกลกัน ประมาณหนึ่งชั่วโมง สมาชิกวังก็มาถึงเชิงเขาจื่อเว่ย

 

ณ เชิงเขาในเวลานี้ ขุมกำลังอื่นก็ได้มารอกันก่อนแล้ว พวกเขารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง

 

“คงใช้เวลาอีกสักพักกว่างานประลองจะเริ่ม พวกเจ้าแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”

 

ฉางไช่หลี่ออกคำสั่ง เดินตรงไปยังสถานที่ๆประมุขขุมกำลังอื่นรวมตัวกัน

 

ซูเฉินหรี่ตากวาดมอง เมื่อสายตาเขาหยุดลงบนเวทีขนาดใหญ่ เจ้าตัวก็หันมาพูดกับเฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆว่า “ศิษย์พี่เฉิน อีกเดี๋ยวพวกเราจะประลองกับบนเวทีนั่นใช่ไหม?”

 

“ใช่” เฉินเฟิงตอบกลับ แล้วอธิบายว่า “ศิษย์น้องซู ขอแค่ไล่คู่ต่อสู้ออกจากเวทีได้ก็พอแล้ว”

 

กฏของงานประลองรอบคัดเลือดของขุนเขาหวังเฉียว ไม่สำคัญว่าจะสร้างพันธมิตรหรือลงมือเพียงลำพัง ขอเพียงสามารถยืนหยัดเป็นสิบคนสุดท้ายบนเวที ก็จะได้รับโควต้าไปครอง

 

“แล้วบนเวที … ฆ่าพวกเขาได้ไหม?” ซูเฉินถามต่อ

 

ได้ยินแบบนั้น เฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เขารู้ว่าที่ซูเฉินเอ่ยถาม เพราะต้องการจะฆ่าจริงๆ จึงรีบเกลี้ยกล่อม “ศิษย์น้องซู จะดีที่สุดถ้าไม่ฆ่าใคร นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สร้างความโกรธเคืองกับทุกคน”

 

หลักเลี่ยงไม่ให้สร้างความโกรธเคืองกับทุกคน?

 

ซูเฉินแสยะยิ้มหยันให้กับเรื่องนี้

 

เจ็ดขุมกำลังใหญ่แห่งขุนเขาหวังเฉียว ยกเว้นนิกายคลื่นธารากับนิกายกิเลน ขุมกำลังใดบ้างที่ไม่มีปัญหากับเขา?

 

แม้แต่วังน้ำแข็งที่จับมือกับวังสุริยันจันทรา ไม่กี่วันก่อนเขายังทำร้ายหลี่ซือโม่จนบาดเจ็บสาหัส

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ในความเป็นจริงเขาสร้างความขุ่นเคืองแก่ทุกคนตั้งนานแล้ว

 

ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ ฆ่าเท่าที่ควรฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจากตระกูลโอวหยางและพันธมิตรนักฆ่า ซูเฉินไม่คิดปล่อยพวกมันไป

 

นอกจากนี้ เขายังนึกได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือที่ผ่านมา ตระกูลโอวหยางกับพันธมิตรนักฆ่าไม่เคยยกขบวนมาสร้างปัญหาแก่เขาเลย จึงมีแนวโน้มว่าอีกฝ่ายจะฉวยโอกาสนี้ กำจัดเขาในงานประลองรอบคัดเลือก

 

ซูเฉินรู้สึกว่าเรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะรุ่นเยาว์จากตระกูลโอวหยางกับพันธมิตรนักฆ่าล้วนตายลงภายใต้เงื้อมมือเขา หากไม่แก้แค้น คงมิแคล้วกลายเป็นตัวตลกของขุมกำลังอื่น

 

คิดได้แบบนี้ มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้ม

 

“ศิษย์น้องซู งานประลองรอบคัดเลือกนี้ ขอฝากไว้ที่นายแล้ว”

 

ในเวลานั้นเอง กงเก๋อก้าวเข้ามา ทักทายซูเฉิน

 

“ศิษย์พี่กงสุภาพเกินไปแล้ว” ซูเฉินยิ้ม เขาค่อนข้างประทับใจกงเก๋อ จึงมอบโควต้างานประลองหนึ่งที่นั่งแก่อีกฝ่าย

 

8/8

 

Ep.738

 

“ศิษย์น้องซู ครั้งนี้วังน้ำแข็งของเราต้องขอฝากตัวด้วยเช่นกัน”

 

เนี่ยซือเฉียนกล่าว ทักทายเฉินเฟิงและคนอื่นๆเสร็จ ก็เดินเข้ามาหาซูเฉิน

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมาก

 

“ซูเฉิน ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือประมุขหยูจิงหยางแห่งนิกายคลื่นธารา และนี่คือประมุขหลิวเฉียนฉินแห่งวังน้ำแข็ง”

 

ฉางไช่หลี่ไม่รู้ว่าเดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ข้างกายเธอเวลานี้ เป็นชายชราคนหนึ่ง ให้ความรู้สึกดูเมตตาห่มจีวรเต๋า ส่วนอีกหนึ่งเป็นหญิงชราที่มีสีหน้าเย็นชา

 

“คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง” ซูเฉินกล่าวสวัสดีอย่างสุภาพ

 

“ข้าได้ยินกงเก๋อพูดถึงศิษย์แห่งวังสุริยันจันทราเช่นเจ้ามานานแล้ว วันนี้เมื่อได้เห็นตัวจริง ดูองอาจผ่าเผยอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ” หยูจิงหยางตอบกลับด้วยความกระตือรือร้น ในขณะที่หลิวเฉียนฉินกลับเงียบ มองซูเฉินด้วยสีหน้าของเธอเย็นเยียบตลอดเวลา

 

“ซูเฉิน งานประลองรอบคัดเลือกครั้งนี้ มีสองคนที่เจ้าต้องระวังไว้ หนึ่งคือเซียวหรานแห่งนิกายกิเลน อีกหนึ่งคือหยางเหวินเซวียนจากพันธมิตรนักฆ่า” ฉางไช่หลี่เตือน

 

แม้เธอจะรู้ว่าซูเฉินนั้นไร้เทียมทาน แต่งานประลองคัดเลือกเป็นเรื่องใหญ่มาก เธอยังคงรู้สึกว่าเป็นการดีกว่าหากกำชับเขา

 

“ท่านประมุขโปรดวางใจ ผมจะไม่ประมาท” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เขาหาข้อมูลก่อนมาแล้ว ว่าผู้เข้าร่วมประลองมีระดับฐานฝึกตนสูงสุดอยู่ที่ขั้น 8 เท่านั้น ส่วนเรื่องขั้น 9 ที่ฉางไช่หลี่กล่าว อาจเป็นแค่คำขู่ของเธอก็ได้

 

ซึ่งขั้น 8 ไม่ต่างจากมดในสายตาเขา ดังนั้นไม่คิดเก็บมาใส่ใจ

 

“พวกเจ้าได้หารือเรื่องวิธีรับมือกันรึยัง?”

 

ฉางไช่หลี่ถอนหายใจ เอ่ยถามต่อ

 

วังสุริยันจันทรา , นิกายคลื่นธารา และวังน้ำแข็ง ได้จัดตั้งพันธมิตร ดังนั้นอีกฝ่ายก็น่าจะรวมกลุ่มกันเช่นกัน อีกทั้งยังมีจำนวนมากกว่า

 

หากการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ซูเฉินคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่คนอื่นๆเนี่ยสิ อาจถูกโจมตีจนตกเวทีเอาได้ง่ายๆ

 

“พวกเราได้หารือกันแล้ว ศิษย์พี่กู่กับคนอื่นๆจะรวมตัวกันผนึกกำลังป้องกัน ส่วนผมคือคนเดียวเป็นฝ่ายบุกโจมตี” ซูเฉินอธิบายสั้นๆ

 

กำลังรบของกู่เทียนฮวาและคนอื่นๆไม่ธรรมดา หากร่วมมือกันป้องกัน เป็นเรื่องยากมากที่จะกดดันพวกเขาออกจากเวที ขอแค่อดทนไว้ ซูเฉินก็ไม่มีอะไรต้องกังวล จากนั้นก็จะได้ไล่เก็บศัตรูทีละคน

 

“เป็นความคิดที่ดี ” ฉางไช่หลี่พยักหน้าด้วยความพอใจ

 

เมื่อซูเฉินเริ่มโจมตี ต่อให้เป็นยอดฝีมืออย่างน่านหลีชวนก็ยังไร้กำลังตอบโต้ ดังนั้นการกำจัดขั้น 7 8 ก็ไม่น่าจะใช้เวลานานนัก

 

“พยายามอย่าฆ่าถ้าไม่จำเป็น ” ฉางไช่หลี่กระซิบเตือน ก่อนหันหลังกับไปสนทนากับพวกประมุขคนอื่นๆต่อ

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา งานประลองรอบคัดเลือกก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

ซูเฉิน , กู่เทียนฮวา , เหลิงมู่เย่ , เฉินเฟิง , เซี่ยจิงอี้ ,หลินฮั่วอิน , กงเก๋อ และเนี่ยซือเฉียนก้าวขึ้นสู่เวที

 

อีกกลุ่มหนึ่งจากพันธมิตรนักฆ่า , ตำหนักอสูรหยก และตระกูลโอวหยางรวม 12 คนก็ก้าวขึ้นมาเช่นกัน

 

ซูเฉินสังเกตเห็นว่า นอกจากกลุ่มเขากับอีกฝ่ายแล้ว บนเวทียังมีอีกร่างหนึ่งยืนโดดเดี่ยวอยู่

 

ด้วยประการฉะนี้ บนเวทีเลยแบ่งเป็นสามกลุ่ม

 

“ศิษย์พี่กู่ ผู้ชายคนนั้นคือใคร?” ซูเฉินถามด้วยความสงสัย

 

“เขาคือเซียวหรานแห่งนิกายกิเลน” กู่เทียนฮวากล่าวเสียงต่ำ

 

“เจ้าหมอนี่ทำเป็นอวดดี” ซูเฉินปาดจมูก เอ่ยพึมพำออกมา

 

มีผู้แข็งแกร่งมากมายอยู่บนเวทีประลอง แต่เซียวหรานกลับกล้าเผชิญหน้ากับทุกคนเพียงลำพัง เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างแท้จริง

 

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินได้ยึดสิบโควต้าไว้นานแล้ว หากเซียวหรานอยากนั่งตำแหน่งเหล่านั้นโดยไม่เสียจ่ายราคาใดๆ เกรงว่าคงได้แค่ฝัน

 

หลังจากทั้งสามฝ่ายเผชิญหน้ากัน จู่ๆเซียวหรานก็หันไปทางซูเฉิน ขึ้นเสียงว่า “ใครคือซูเฉิน?”

 

“ฉันเอง”

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา ก้าวออกไปข้างหน้า