5/8

 

Ep.735

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน?”

 

น่านหลีชวนตกตะลึง

 

แม้ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อ ว่ากระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา จะมิอาจก่อคลื่นลมใดๆได้แม้แต่น้อย

 

“ศิษย์น้องซูแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่?”

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ตื่นตกใจจนอธิบายไม่ถูก

 

น่านหลีชวนใช้ไพ่ตาย ก็ยังไม่สามารถหยุดซูเฉินได้ นั่นไม่ใช่หมายความว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉินหรอกหรือ?

 

ซูเฉินแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้ยังไง?

 

ขณะที่น่านหลีชวนจมอยู่ในห้วงภวังค์ เท้าของซูเฉินขยับไหว ทั้งคนทั้งร่างหายวับไปกับตา

 

“ศิษย์พี่ ระวัง!” ฉางไช่หลี่เตือนเสียงดัง เธอยังคำจดจำความเร็วของซูเฉินได้เป็นอย่างดี และตระหนักว่าซูเฉินจะต้องใช้โอกาสนี้ลอบโจมตีน่านหลีชวนอย่างแน่นอน

 

ยามสิ้นเสียง เธอโฉบเข้ามาขวางหน้าน่าหลีชวนอย่างไม่ลังเล หมายจะหยุดซูเฉิน

 

และเป็นอย่างที่ฉางไช่หลี่คาดไว้ เป้าหมายของซูเฉินคือการลอบโจมตีจริงๆ

 

หลังจากถูกขัดขวางโดยฉางไช่หลี่ การลอบโจมตีก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

 

กระนั้น ซูเฉินกลับไม่ใส่ใจเลย เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เรียกเหล่าสัตว์วิญญาณทั้งหมดออกมาพร้อมกัน จากนั้นชี้ไปทางฉางไช่หลี่ ปากเอ่ยคำสั่ง “สกัดเธอไว้!”

 

ในพริบตา สัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งหมดรวมไปถึงโลกันต์เยือกแข็งเข้ารุมล้อม ปิดกั้นฉางไช่หลี่เอาไว้จากทุกทิศทาง

 

ต่อให้ระดับของพวกมันไม่สูงเท่าฉางไช่หลี่ แต่กำลังรบทุกตนล้วนเหนือกว่าขั้นเดียวกันมาก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจ สามารถสะกดฉางไช่หลี่ได้อย่างสมบูรณ์

 

“สัตว์เลี้ยงวิญญาณระดับสูงเยอะขนาดนี้เชียว!”

 

เห็นซูเฉินเรียกสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้ง 6 ตนออกมา ทั้งแต่ละตนล้วนอยู่เหนือกว่าขั้น 7 ฟันของน่านหลีชวนกระทบกันดังกึกๆ

 

ชิวอิ๋งที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นฉากนี้ จู่ๆก็เกิดกระสับกระส่าย ไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

แต่เดิม เธอคิดว่าหากฉางไช่หลี่กับน่านหลีชวนร่วมมือกัน จะสามารถบดขยี้ซูเฉินได้อย่างง่ายดาย

 

แต่สถานการณ์ในสนามกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม ฉางไช่หลี่กับน่านหลีชวนกำลังเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่ว่าซูเฉินจะชนะหรอกหรือ?

 

แล้วเธอจะยังรอดชีวิตไปได้อยู่ไหม?

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ชิวอิ๋งก็ค่อยๆชักฝีเท้าถอยอย่างเงียบเชียบ หมายจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หลบหนีไปจากที่นี่

 

แต่ใครจะทันคาดคิด ว่าเธอถอยไปได้แค่สองก้าว ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของซูเฉินก็ดังสะท้อนเข้ามาในหู

 

“ถ้ากล้าขยับอีกก้าวเดียว ฉันจะฆ่าแกทันที!”

 

ชิวอิ๋งตกใจสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามอีก

 

หลังจากขู่ชิวอิ๋ง ซูเฉินเบนสายตามายังร่างของน่านหลีชวน มุมปากเขาโค้งงอเล็กน้อย “ผู้อาวุโส คราวก่อนพวกเรายังสนุกกันไม่เต็มที่เลย คราวนี้มาต่อกันจนจบเถอะ”

 

ได้ยินแบบนั้น น่านหลีชวนรู้สึกหนังศีรษะด้านชา

 

การต่อสู้ครั้งก่อน เขาถูกซูเฉินกดดันตลอดทาง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอึดอัดคับข้อง แต่มันถึงขั้นเกือบทิ้งเงามืดที่มิอาจลบเลือนไว้ในหัวใจเขา และเจ้าตัวไม่อยากลิ้มรสมันอีกครั้ง

 

หากเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่สู้กันครั้งก่อน น่านหลีชวนคงพร้อมยอมแพ้และหนีไปนานแล้ว

 

แต่ที่นี่ไม่ได้! รอบข้างมีคนมุงดูอยู่เยอะเกินไป เขาจะยอมเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด!

 

“ซูเฉิน! ไว้หน้าเราผู้เฒ่าหน่อยเถิด!”

 

น่านหลีชวนกระซิบเสียงเบา เลือกใช้ฝีปากโจมตีซูเฉิน

 

ไว้หน้ากันบ้าง?

 

ซูเฉินได้ฟังต้องปาดจมูกเขา และไม่ลังเลเลยที่จะกวัดแกว่ง [ดาบเสริมมนตรา] ออกไปอีกที

 

ไม่นาน น่านหลีชวนก็จมอยู่ท่ามกลางคลื่นโจมตีของซูเฉิน ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

 

นอกจากฝืนใจรับกระบวนท่าอย่างเต็มที่แล้ว ก็ไม่เหลือเวลาว่างให้ต่อสู้กลับอีก สภาพดูน่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง

 

“ศิษย์น้องซูแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนอีกแล้ว!”

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้มองหน้ากัน ขณะเดียวกันถึงกับอ้าปากค้าง

 

พวกเขาจดจำได้ดี เมื่อครั้งเพิ่งรู้จักกับซูเฉิน อีกฝ่ายยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้

 

แต่ในช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว กำลังรบของซูเฉินพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด กระทั่งขั้น 10 ก็ยังสามารถบดขยี้ได้

 

อัตราเร็วในการยกระดับ จะน่าสยดสยองเกินไปแล้ว!

 

6/8

 

Ep.736

 

“ให้ตายเถอะ! ข้าไม่สู้กับเจ้าแล้ว!”

 

ถูกซูเฉินกดดันอย่างต่อเนื่อง จิตต่อสู้ของน่านหลีชวนมลายหาย เขาหดหู่แทบอาเจียนเป็นเลือด

 

เจ้าตัวทราบดี ว่าหากยังฝืนสู้ต่อไปเช่นนี้ก็มีแต่ความอัปยศ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ จังตึดสินใจหยุดการต่อสู้กับซูเฉิน

 

สิ้นประโยค เขาก็หันหลังและหนีออกไปจากที่นี่ทันที

 

“ตาแก่นี่นับว่ายังพอมีหัวคิดอยู่บ้าง” ซูเฉินพึมพำ ไม่รั้งอีกฝ่ายไว้

 

น่านหลีชวนจากไปนับว่าฉลาดคิด มิเช่นนั้นหากซูเฉินเอาจริงขึ้นมา ถึงเวลานั้นก็ยากจะรับประกันว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ

 

รอจนน่านหลีชวนหายลับไปจากสายตา ซูเฉินหันหัวกลับมา เหยียดแขนกางฝ่ามือ ยิงใบมีดสายลมสังหารชิวอิ๋ง จากนั้นก็ซัดอีกหมัดหนึ่ง ระเบิดร่างลู่หยานที่อยู่ในสภาพประติมากรรมน้ำแข็ง ทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

ฉางไช่หลีมองเห็นทุกฉากทุกตอน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไร ได้แต่ทอดถอนหายใจเบาๆ

 

“ทุกคนหยุด”

 

ซูเฉินตะโกนไปทางสัตว์เลี้ยงวิญญาณทุกตน

 

ลู่หยานกับชิวอิ๋งถูกฆ่าตายแล้ว มันมีประโยชน์ที่จะสู้กับฉางไช่หลี่อีกต่อไป

 

ณ ขณะนี้ ฉางไช่หลี่เดินมาหาซูเฉิน เหม่อมองเขาอย่างว่างเปล่า เอ่ยเสียงกระซิบ “รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงหยุดเจ้าไม่ให้สังหารลู่หยาน? นั่นเป็นเพราะสถานะของลู่หยานไม่ธรรมดา”

 

“ขอท่านประมุขโปรดชี้แนะ” ซูเฉินตอบด้วยท่าทีสงบไม่เปลี่ยนแปลง

 

เมื่อสังหารแล้ว จะไม่มีคำว่า ‘เสียใจ’ ในพจนานุกรมของเขา ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ลู่หยานและชิวอิ๋งต้องพบจุดจบเช่นนี้ เป็นเพราะการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น เขายิ่งไม่รู้สึกผิดแม้ครึ่งส่วน

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา อุปนิสัยของซูเฉินมักเป็นเช่นนี้ หากอยากให้เขาเปลี่ยนแปลง –ฝันไปเถอะ!

 

ฉางไช่หลี่ทอดถอนหายใจยาว “ลู่หยานเองก็มีเบื้องหลังเช่นกัน ลูกสาวของเขาลู่ไช่เฟิงแต่งงานกับตระกูลหลิงแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู และตระกูลหลิงไม่เพียงแต่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยูเท่านั้น แต่ยังมีบรรพชนระดับเทวะคอยหนุนหลังอีกด้วย”

 

“สำหรับเรื่องตระกูลหลิง ท่านประมุขไม่จำเป็นต้องใส่ใจใดๆ” ซูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส

 

ไว้รอจนงานประลองรอบคัดเลือกจบลงเมื่อไหร่ เขาจะแวะไปเยี่ยมเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยูด้วยตัวเอง หากตระกูลหลิงไม่มีสมอง กล้าที่จะหาเรื่องเขา ซูเฉินจะขุดรากถอนโคนพวกมัน!

 

“เจ้าไม่กลัวว่าบรรพชนระดับเทวะของตระกูลหลิงจะลงมือกับเจ้าหรือ?” ฉางไช่หลี่เอ่ยด้วยความกังวล

 

ซูเฉินได้รับการยกย่องจากเธอว่าคือความหวังของวังสุริยันจันทรา เธอไม่ต้องการให้ซูเฉินประสบกับเภทภัยใดๆ

 

“บรรพชนระดับเทวะไม่สามารถเข้าสู่ทวีปใหญ่ได้ตามใจชอบ ยังมีอะไรต้องกลัวอีก?”

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา ท่าทียังคงดูสงบ

 

“ด้วยกำลังรบของเจ้า บนแผ่นดินนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลดังว่าจริงๆ แต่อย่าลืมสิ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเข้าสู่มิติท้ารบ” ฉางไช่หลี่เตือน

 

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินคิดว่าก็จริง เขาหรี่ตาลง ใคร่ครวญกับตัวเอง

 

เมื่อเข้าสู่มิติอื่น ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะจะไม่ถูกสะกดพลังจากอำนาจเขตแดนอีกต่อไป สามารถสำแดงกำลังรบที่มีได้ตามต้องการ ซึ่งนั่นสามารถคุกคามเขาได้

 

แล้วอีกอย่าง ซูเฉินได้ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งระดับเทวะมากกว่าหนึ่งคน หากอีกฝ่ายร่วมมือกัน มันจะยิ่งอันตรายเข้าไปอีก

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่ายังเหลือเวลาตั้งหนึ่งปีกว่าจะเข้าสู่มิติท้ารบ ถึงตอนนั้นเขาคงไม่หยุดอยู่แค่ขั้น 8

 

ด้วยระยะเวลาหนึ่งปี การก้าวสู่ขั้น 10 ไม่น่าจะมีอุปสรรคใดๆ

 

ถึงเวลานั้น ภายใต้การเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] อย่างน้อยความแข็งแกร่งของเขาก็สามารถไปถึงระดับเสมือนเทวะได้ ต่อให้ระดับเทวะขั้น 2 คิดสังหารเขา ก็ไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น

 

“ท่านประมุขโปรดวางใจ เมื่อเข้าสู่มิติท้ารบ อย่างน้อยผมจะไปถึงขั้น 10 ให้ดู” ซูเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ

 

ฉางไช่หลี่ตกตะลึง พริบตานั้นเองก็ฉุกคิดขึ้นได้ ว่าด้วยพรสวรรค์ในการฝึกตนของซูเฉิน มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะยกระดับขึ้นเป็นขั้น 10 ภายในหนึ่งปี

 

และด้วยกำลังรบที่เหนือกว่าระดับเดียวกัน แน่นอนว่าคงสามารถงัดข้อกับระดับเทวะได้

 

คิดได้แบบนี้ ฉางไช่หลี่ก็ถอนหายใจโล่งอก