9/10

Ep.699

“เอาล่ะ ทีนี้ก็เหลือแค่แกคนเดียวแล้ว”

ซูเฉินเบนสายตา หยุดลงบนร่างของถังเจียวหลิน ยิ้มมุมปากด้วยท่าทีหยอกเย้า

ร่างของถังเจียวหลินสั่นเทา เหม่อมองซูเฉินอย่างว่างเปล่า ก่อนแสยะยิ้มเย็น “ฉันมาจากพันธมิตรนักฆ่า แกกล้าฆ่าฉันหรอ?”

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของซูเฉิน เธอกระจ่างแก่ใจว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉินอย่างแน่นอน

ดังนั้นประกาศสถานะของตัวเองออกไป เพราะคิดว่าซูเฉินคงไม่กล้าลงมือสังหารเธอเป็นแน่

ซูเฉินมองถังเจียวหลินราวกับกำลังมองคนโง่ ส่งเสียงฮึในลำคอ “คิดดูดีๆนะ ว่าแกกับเฝิงหลี่ ใครมีชื่อเสียงมากกว่ากัน? สถานะของใครยิ่งใหญ่กว่า?”

ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ขนาดบุคคลที่มีบรรพชนระดับเทวะคอยหนุนหลัง บิดายังกล้าสังหาร ส่วนเจ้า เป็นแค่ศิษย์ของพันธมิตรนักฆ่า จะนับเป็นตัวผายลมอันใด?

“แก ..!”

ถังเจียวหลินได้สติกลับมา หัวใจของเธอสั่นสะท้าน

ซูเฉินกล้าสังหารเฝิงหลี่ ดังนั้นในความเป็นจริง สถานะของเธอย่อมไม่อยู่ในสายตาเขา

“ฉันยอมรับว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก แต่ถ้าแกอยากฆ่าฉัน นั่นมันเรื่องโง่เง่าเพ้อฝัน!”

ถังเจียวหลินแค่นเสียงเบาๆ เป็นอีกครั้งที่แสงดาราสว่างวาบบนตัวเธอ ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะพร่าเลือนและหายไป

ในเมื่อไม่สามารถเอาชนะซูเฉินได้ งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนีไปเท่านั้น

เมื่อเปิดใช้งานทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาที่ได้มาจากการปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ในมิติท้ารบ เธอก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถหลุดจากเงื้อมมือของซูเฉินได้

“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?”

ซูเฉินแสยะยิ้มหยัน ไม่รีบร้อนที่จะลงมือ ช่วงเวลาที่ถังเจียวหลินหายตัว สองเท้าเขาสลับกันเหยียบลงบนอากาศที่ว่างเปล่า ก้าวขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณ กวาดออกรอบทิศทาง

แม้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาจะเป็นท่าร่างที่น่าอัศจรรย์มาก แต่เห็นได้ชัดว่าถังเจียวหลินเชี่ยวชาญมันแค่เบื้องต้นเท่านั้น ระยะทางที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในแต่ละครั้ง มีขีดจำกัด

นอกจากนี้ ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานี้ก็น่าจะสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก ไม่น่าจะใช้ติดต่อกันได้

ขนาดโม่ไฉ่เหลียนที่ซูเฉินเคยฆ่า พลังศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายก็มีลักษณะคล้ายกับของถังเจียวหลินเช่นกัน ยังใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง สุดท้ายเลยไม่สามารถหนีไปได้

“นี่เขาบินได้ด้วย!?”

เห็นซูเฉินยืนอยู่กลางอากาศ ผู้ชมที่มุงดูบนพื้นต่างตกตะลึง

“ไพ่ในมือเฮียซูมีมากมายไม่สิ้นสุดจริงๆ”

เฉินเฟิงและศิษย์คนอื่นต่างตกตะลึง เบิกตากว้าง มองซูเฉินจากระยะไกล ดวงตาวาววับไปด้วยความเลื่อมใสและศรัทธา

ซูเฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า อาศัยพลังจิตเข้าตรวจสอบ ไม่นานก็จับคลื่นความผันผวนของพลังงานที่ค่อนข้างรุนแรงได้

ความผันผวนของพลังงานนี้กระเพื่อมออกมาจากภายในบ้านหลังหนึ่ง ไม่สามารถสังเกตด้วยตาเปล่าได้

“ฉลาดนี่”

ซูเฉินยิ้มดูแคลน พุ่งเข้าชนบ้านหลังนั้น

บรึ้มม ครืนนนน!

บ้านทั้งหลังถูกซูเฉินทำลายเป็นซากปรักหักพัง ร่างผอมเพรียวในสภาพน่าสังเวช วิ่งหนีตายออกมา

มิใช่ใครอื่น เป็นถังเจียวหลิน

ทันทีที่ถีงเจียวหลินปรากฏตัว ซูเฉินกระโจนมาขวางหน้า ถังเจียวหลินไม่อาจใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาได้อีกแล้ว ทำได้เพียงกัดฟัน จ้วงแทงหอกยาวหมายสกัดการโจมตีของซูเฉิน

ซูเฉินย่างสามขุมกำไป ยกมือขึ้นแล้วกางออก

เจตจำนงอันน่าสยดสยองแผ่ซ่านออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นแค่เพียงกระแสคลื่นสีขาวกระเพื่อมในอากาศ แช่แข็งทั้งคนทั้งหอกได้อย่างง่ายดาย

ถังเจียวหลินที่ถูกแช่แข็งยังไม่ตายในทันที ใบหน้าของเธอฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามที่จะหลุดพ้นจากน้ำแข็ง

แต่ซูเฉินไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอตวัดหมัดออกไป ระเบิดทั้งประติมากรรมน้ำแข็ง และคนข้างในแตกเป็นเสี่ยงๆ

ซูเฉินหยิบหอกที่ตกลงกับพื้น มองสำรวจคร่าวๆ ก่อนโยนลงในถุงเก็บของ

จากนั้นหันหลังกลับ เดินมายังที่เดิม

“ยังไม่รีบไสหัวไปกันอีก?”

เป็นเพราะเสียงเอะอะเกินไป ทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยผู้คนนับพันมุงดู

ซูเฉินกวาดสายตาเย็นชา แค่นเสียงดัง

ฟิ้ววววว

สิ้นเสียงซูเฉิน ฝูงชนรอบข้างหายวับไปราวกับลมหอบหนึ่ง ไม่เหลือใครอีกเลย

10/10

Ep.700

“พวกเราไปจากที่นี่กัน”

ซูเฉินเรียกทุกคน แล้วเดินนำไปดูสถานที่อื่นๆในเมืองต่อ

ช่วงเวลาต่อมา ทุกคนเตร่ไปทั่วเมือง อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะการตายของพวกเฝิงหลี่ ทำให้ชาวเมืองเทียนเฟิงตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างดูวุ่นวายสับสน

ซูเฉินเลยหมดความสนใจที่จะเดินช็อปปิ้งต่อ หยิบเอา [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา ให้ทุกคนอยูข้างใน

“พี่เฉิน งานประมูลของวันพรุ่งนี้จะจัดขึ้นตามกำหนดการเดิมรึเปล่า?” ซูเฉินถามด้วยความกังวล

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เฝิงหลี่คือจ้าวจักรวรรดิแห่งราชวงศ์เฝิงซี การตายของเขาย่อมกระเทือนไปทุกส่วน และมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่องานประมูล

เนื่องจากศิลาวิญญาณวายุจะเปิดขายในงาน หากมันไม่สามารถดำเนินการได้ เขาคงต้องเตรียมแผนอื่น

ไม่ว่าจะใช้กลวิธีใดก็ตาม เขาจะต้องเอาศิลาวิญญาณวายุมาอยู่ในกำมือให้จงได้

“เรื่องนั้นไม่น่าจะมีปัญหานะ” เฉินเฟิงตอบ จากนั้นอธิบายว่า “เฝิงหลี่เป็นเพียงผู้ปกครองราชวงศ์เฝิงซีในนามเท่านั้น แต่ขุมกำลังใหญ่ภายใต้ราชวงศ์ ล้วนเป็นอิสระต่อกัน”

แม้การตายของเฝิงหลี่จะส่งผลกระทบในด้านอิทธิพล แต่ก็ยังไม่น่าถึงขั้นทำให้พวกเขาล่มสลายได้

“งั้นก็ดีแล้ว”

ซูเฉินพยักหน้า เลิกสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

หลังจากนั้น เขาเอนตัวลงบนเก้าอี้คนขับ เริ่มหลับตาพักผ่อน

ตกกลางคืน กำไล [มิติสันโดษ] บนข้อมือพลันเปล่งแสงสลัวออกมา

หัวใจของซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ผุดลุกขึ้นเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

“ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มา” ซูเฉินทักทายด้วยรอยยิ้ม

ผู้มาเยือนมิใช่ใครอื่น เป็นอู๋หยาจื่อ

“ข้าได้ยินมาว่าเฝิงหลี่กับศิษย์ของพันธมิตรนักฆ่าถูกสังหารในเมืองเทียนเฟิง คงไม่ใช่ฝีมือเจ้าหรอกนะ?”

ทันทีที่ก้าวขึ้นรถ อู๋หยาจื่อลองถามหยั่งเชิง

“ผมเป็นคนฆ่าพวกมันเอง”ซูเฉินไม่ปฏิเสธ

ได้ยินแบบนั้น อู๋หยาจื่อต้องเดาะลิ้นส่งเสียงออกมา ครั้งแรกที่เขาเจอซูเฉิน ก็รู้สึกว่าซูเฉินคือทรชนผู้กล้าหาญ แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าทันทีที่มาถึงเมืองเทียนเฟิง เขาจะตรงเข้าสังหารจ้าวจักรวรรดิแห่งราชวงศ์เฝิงซี ระดับความก้าวร้าว มันทะลุเหนือจินตนาการเขาไปไกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของซูเฉินที่ระดับต่ำกว่าเทวะมิอาจหาผู้ใดเทียบ เขาก็ไม่ว่าอะไรอีก

คนในรถ เห็นชายชราตัวเตี้ยแปลกหน้าเดินเข้ามา แต่ดูคุ้นเคยกับซูเฉินเป็นอย่างดี ตอนแรกพวกเขาสับสน

แต่หลังจากเห็นรูปลักษณ์ของชายชราชัดเจนแล้ว เฉินเมิ่งเฟยกับเหลิงมู่เย่ก็มิอาจสงบได้อีกต่อไป

เพราะทั้งสองเคยเห็นอู๋หยาจื่อมาก่อน ต้องร้องอุทานออกมาพร้อมกัน

“ปรมาจารย์อู๋หยาจื่อ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“อะไรนะ? เขาคือปรมาจารย์อู๋หยาจื่องั้นหรอ?”

คนอื่นๆตกใจ อ้าปากฉีกถึงใบหู หันขวับไปมองอู๋หยาจื่อพร้อมกัน

อู๋หยาจื่อคือปรมาจารย์หลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงของทวีปเสวียนเทียน แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่กลางดึก? แถมดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูเฉินด้วย

ณ จุดนี้ ทำให้ทุกคนดูสับสนเป็นอย่างมาก

“สาวน้อย ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง”

อู๋หยาจื่อเบนสายตาหยุดลงบนร่างเฉินเมิ่งเฟย เผยรอยยิ้มบาง

เจอกันคราวก่อน เขาไม่ได้มีความประทับใจใดๆในตัวเหลิงมู่เย่ จึงจดจำไม่ได้ ตรงกันข้ามกับเฉินเมิ่งเฟย ที่รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต้นผลจำลองจิตที่เฉินเมิ่งเฟยขายให้ มันช่วยยื้อชีวิตเขา

“ผู้อาวุโสอู๋หยาจื่อจะเป็นพวกเดียวกับเรานับจากนี้ไป”

ซูเฉินปิดประตูรถ อธิบายด้วยรอยยิ้ม

พวกเดียวกับเรา?

ฝูงชกตะลึงงันไปชั่วขณะ

ซูเฉินอธิบายว่าเป็นพวกเดียวกัน งั้นหมายความว่านับจากนี้อู๋หยาจื่อจะเดินทางไปด้วยกันกับพวกเขาน่ะสิ?

แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ตกก็คือ ซูเฉินได้พบกับอู๋หยาจื่อเพียงครั้งเดียว แล้วเขาใช้กลวิธีใดถึงดึงอู๋หยาจื่อมาเป็นพรรคพวกได้?

“พี่เฉินสุดยอดจริงๆ!” หยางฮ่าวทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมเลื่อมใส

ซูเฉินไม่เพียงทรงพลังหาผู้ใดเทียบ แต่วิธีการชักชวนผู้คนเป็นพวกยังเรียกได้ว่าเหนือมนุษย์ กระทั่งอู๋หยาจื่อก็ยังดึงมาอยู่ข้างกาย

ดูเหมือนในโลกใบนี้–

–จะไม่มีสิ่งใดที่ซูเฉินทำไม่ได้อีกแล้ว!