5/10

Ep.695

“พี่เฉิน พวกเราจะพักที่นี่วันนึง รองานประมูลในวันพรุ่งนี้” ซูเฉินกล่าว

งานประมูลของเมืองเทียนเฟิง จะจัดขึ้นแค่ครั้งเดียวในรอบครึ่งปี เฉินเฟิงและคนอื่นๆเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน ทั้งหมดตกลงเห็นด้วย

หลังจากนั้น ทุกคนเดินเตร่เที่ยวชมเมือง เมื่อเลี้ยวผ่านหัวมุมถนน จู่ๆก็มีทหารยามจำนวนมากปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

และผู้คนที่พลุกพล่านอยู่บนท้องถนน คล้ายจะหวาดกลัวมาก ต่างหลีกทางให้

“พี่เฉิน นัjoคือทหารยามของเมืองเทียนเฟิงหรอ? ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียว?” ซูเฮินถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่หรอก ดูเมือนจะเป็นทหารองค์รักษ์ของพวกตระกูลเฝิงมากกว่า” ใบหน้าของเฉินเฟิงเริ่มตึงเล็กน้อย นี่บ่งบอกว่ามีบุคคลสำคัญของตระกูลเฟิงมาเยือนที่นี่

และซูเฉินกับตระกูลเฝิงก็ไม่ค่อยลงรอยกัน หากทั้งสองเผชิญหน้า อาจเกิดความขัดแย้ง หรือต่อสู้ขึ้นได้

ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน เฉินเฟิงคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง

หากเป็นขุมกำลังทั่วไป เฉินเฟิงจะไม่กังวลเลย แต่ประเด็นสำคัญก็คือมีบรรพชนระดับเทวะคอยหนุนหลังตระกูลเฝิงอยู่ หากอีกฝ่ายตายด้วยน้ำมือซูเฉินขึ้นมา คงเป็นปัญหาไม่น้อย

“ตระกูลเฝิง ..?”

ซูเฉินหรี่ตา เพ่งมองไปข้างหน้า และพบว่าใจกลางวงล้อมทหาร มีชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา กำลังพูดคุยกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย รูปร่างเพรียวบางทรงเสน่ห์

โดยเบื้องหลังทั้งสอง เป็นชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาเย็นชาคอยประกบอยู่

เมื่อซูเฉินเห็นชายคนนั้น จู่ๆก็มีแสงเย็นวาบสะท้อนออกมาจากดวงตาเขา ในเวลาเดียวกัน เจตนาฆ่าในใจลุกโชนอย่างมิอาจควบคุม

เพราะเขาเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเจ้าคนหน้าตาเย็นชานั่นมิใช่ใครอื่น แต่เห็นหานซานเฉียน!

ครั้งก่อนที่หานซานเฉียนลงมือเล่นตุกติกกับค่ายกลเคลื่อนย้าย อีกฝ่ายเกือบสังหารพวกเขา!

ซูเฉินแทบอดใจรอไม่ไหว ต้องการจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ!

อย่างไรก็ตาม เขาไม่รีบร้อนที่จะลงมือ หันไปถามเฉินเฟิงต่อว่า “พี่เฉิน แล้วสองคนที่อยู่ตรงกลางคือใคร?”

ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกทำลาย ซูเฉินสงสัยมาตลอดว่าอาจมีใครบางคนชักใยหานซานเฉียนอยู่เบื้องหลัง

เนื่องจากพวกเขามากับหานซานเฉียน บางทีคราวนี้ซูเฉินอาจพบทั้งรังทั้งหนูแล้วก็ได้ จึงตั้งใจว่าจะถามข้อมูลให้ชัดเจน จะได้หว่านแหฆ่าแม่งทีเดียว

เฉินเฟิงชำเลืองมอง สีหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่าเดิม เอ่ยกระซิบว่า “ชายคนนั้นคือเฝิงหลี เป็นผู้นำของราชวงศ์เฝิงซี ส่วนผู้หญิงคือถังเจียวหลินจากพันธมิตรนักฆ่า!”

ว่าจบ เฉินเฟิงก็เหลือบมาทางซูเฉิน เลียบเคียงถามว่า “เฮียซู เฮียคงไม่คิดสร้างปัญหาให้พวกเขาหรอกนะใช่ไหม?”

“พวกมันทุกคน –วันนี้อย่าหวังว่าจะมีใครรอดชีวิต!”

ดวงตาของซูเฉินมืดมนเย็นชา หลังจากแค่นเสียงเบาๆ ก็เดินตรงเข้าหาองครักษ์ตระกูลเฝิงทันที

“อ้าวเฮ้ย เฮียซู …”

เฉินเฟิงคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่เมื่อนึกถึงอุปนิสัยของซูเฉิน เขาก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“ศิษย์น้องเฉิน นั่นน้องซูออกไปทำอะไร?”

เห็นซูเฉินเดินไปหาองครักษ์ของตระกูลเฝิงเพียงลำพัง เหลิงมู่เย่ถามด้วยความสงสัย

“ฆ่าคน!” เฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ฆ่าคน? ฆ่าใคร? หรือว่าจะเป็น ….

สีหน้าของเหลิงมู่เย่แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พุ่งตามซูเฉินอย่างรวดเร็ว

เฉินเฟิงกัดฟันแน่น เขากับเซี่ยจิงอี้วิ่งเหยาะๆตามไปเช่นกัน

หวู่หยางและคนอื่นๆไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่เสียเวลาคิด ตามหลังไปติดๆ

“หยุด! เจ้าเป็นใคร?”

เห็นซูเฉินเดินเข้ามาใกล้ หนึ่งในองครักษ์ส่วนตัวชี้หน้าซูเฉินพร้อมตะคอก

ซูเฉินไม่คิดเสียเวลากับเขา ระเบิดพลังจิตออกมาทันที

โผล๊ะ!

หัวองครักษ์ระเบิดเป็นละอองเลือดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ร่างไร้ศีรษะกระตุกหลายครั้ง ก่อนล้มพับลงกับพื้นอย่างแรง

ทันใดนั้นเอง ตลอดทั้งท้องถนนตกอยู่ในความเงียบสงัดอันน่าขนลุก

ทุกคนหันมามองซูเฉินเป็นสายตาด้วย ในแววตาสะท้อนความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

พวกเขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงกล้าฆ่าคน?

นี่เขาบ้าไปแล้วหรอ? กระทั่งองครักษ์ของตระกูลเฝิงยังกล้าสังหาร?

6/10

Ep.696

เหลิงมู่เย่และคนอื่นๆที่เพิ่งวิ่งมาหยุดข้างฉินเฟิง เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

สังหารคนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ช่างสอดคล้องกับนิสัยของซูเฉินซะจริงๆ

แม้ต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังใหญ่อย่างตระกูลเฝิง แต่ก็ยังกล้าลงมือ เกรงว่าคงมีแต่ซูเฉินเท่านั้นที่บ้าบิ่นเช่นนี้

“ไอ้ลูกสุนัข! แม้แต่คนตระกูลเฝิงของฉันก็ยังกล้าลงมือ! แกคงเบื่อชีวิตแล้วสินะ?”

เห็นองค์รักษ์ตนถูกสังหาร หน้าตาของเฝิงหลีบิดเบี้ยว ตวาดใส่ซูเฉิน

“นี่คงไม่ใช่ความกล้าหาญหรอก แต่เป็นโง่เขลามากกว่า ได้ยินว่าคนโง่เขลามักไม่ขลาดกลัว”

ถังเจียวหลินที่อยู่ข้างๆมองซูเฉินด้วยความสนใจ รำพึงกับตัวเอง

“ทำไมเขายังไม่ตาย?”

หานซานเฉียนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นซูเฉินชัดๆ สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

ไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งของซูเฉินดีไปกว่าเขา ในตอนที่อยู่ เกาะหวังซวี่ ซูเฉินอาศัยแค่ความแข็งแกร่งของตัวเองก่อพายุนองเลือด

เขาไม่เพียงสังหารพวกต่างเผ่าและซอมบี้ทั้งหมดบนเกาะหวังซวี่เท่านั้น แต่ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนยังตกตายภายใต้เงื้อมมือเขา

กำลังรบและกลวิธีอันโหดร้ายของซูเฉิน ประทับลึกอยู่ข้างในใจอย่างไม่อาจลบเลือน

เดิมเขาคิดว่าสามารถสังหารซูเฉินได้แล้วในตอนทำลายค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ใครจะคาดคิดว่าซูเฉินจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบยังมีชีวิตอีกครั้ง

ก็อย่างที่บอก ด้วยกลวิธีและอุปนิสัยอันโหดร้ายของซูเฉิน สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า อีกฝ่ายไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

คิดได้แบบนี้ หานซานเฉียนร้องเตือนด้วยความหวาดกลัว “ท่านจ้าวรัฐ! เขาคือซูเฉิน!”

“อะไรนะ?”

ใบหน้าของเฝิงหลี่แปรเปลี่ยนไป กวาดสายตามองซูเฉินด้วยความตกตะลึงปนสับสน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกลียดชังว่า “แกยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

“ดูเหมือนว่าคนที่สั่งให้หานซานเฉียนลงมือกับค่ายกลเคลื่อนย้าย … จะเป็นแกสินะ?”

ซูเฉินหรี่ตา จับจ้องเฝิงหลี่ ประกายเย็นวูบกระพริบไหวในดวงตาเขา

“ศิษย์พี่เหลิง ถ้าเฮียซูลงมือ ศิษย์พี่ต้องหยุดถังเจียวหลินเอาไว้นะ”

เห็นสถานการณ์ตรงหน้าตึงเครียด เฉินเฟิงกระซิบกับเหลิงมู่เย่

ถังเจียวหลินเป็นผู้ฝึกตนขั้น 8  ทั้งยังเคยเข้าสู่มิติท้ารบมาแล้วครั้งหนึ่ง มีข่าวลือว่าสามารถปลุกพลังพิเศษได้

จากบรรดาผู้คนในที่นี้ หากไม่นับซูเฉิน คงมีเพียงเหลิงมู่เย่เท่านั้นที่สามารถรับมือกระบวนท่าของเธอได้

ส่วนโม่หรง แม้เป็นผู้ฝึกตนขั้น 8 เช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นเพียงขั้น 8 ธรรมดา หากให้ไปเผชิญหน้ากับถังเจียวหลิน เกรงว่าคงถูกสังหารในคราเดียว

เหลิงมู่เย่พยักหน้ารับด้วยท่าทางเคร่งขรึม ซูเฉินกำลังจะเข้าร่วมกับวังสิรุยันจันทรา ถือได้ว่าเป็นคนของเขาแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีภูมิหลังอย่างไร ตราบใดที่ซูเฉินลงมือ เขาจะไม่ทนเฉย

“ซูเฉิน เป็นเพราะแกฆ่าลูกชายฉัน จำได้ไหมว่าเป็นฝีมือแก เพราะฉะนั้น เมื่อฉันมีโอกาส ทำไมฉันถึงฆ่าแกไม่ได้?”

เฝิงหลี่ได้สติ สลัดอาการตื่นตระหนกในตอนแรก แค่นเสียงฮึในลำคอ

หันไปกล่าวกับถังเจียวหลินข้างๆว่า “ศิษย์น้องหญิงถัง ได้โปรดสังหารชายผู้นี้ แล้วบรรพชนของฉันจะมอบของตอบแทนให้ในภายหลัง!”

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของถังเจียวหลินเปล่งประกาย กวาดสำรวจทั่วร่างซูเฉิน เอ่ยเสียงเย็นว่า “เด็กหนุ่มผู้มาจากนอกเกาะเอ๋ย กล้าดียังไงมาฆ่าคนจากทวีปเสวียนเทียนของพวกเรา? ช่างไม่รู้จักที่ตาย เจ้ามันรังแกผู้อื่นมากเกินไปแล้ว! วันนี้ ฉันจะช่วยศิษย์พี่เฝิงกำจัดเภทภัยอย่างเจ้าซะ! ”

สิ้นเสียง ขณะที่เธอกำลังจะลงมือ เหลิงมู่เย่ก้าวออกมาข้างหน้า ระเบิดเสียงตะโกนว่า “ถังเจียวหลิน! ฉันขอเตือนเธอ! น้องซูเป็นศิษย์วังสุริยันจันทราของพวกเรา ถ้าเธอลงมือกับเขา เท่ากับเป็นการหาเรื่องกับทั้งวังสุริยันจันทรา!”

สิ้นประโยคของเหลิงมู่เย่ รอบด้านเกิดความโกลาหลขึ้น

วังสุริยันจันทราคือขุมกำลังอันดับหนึ่งของขุนเขาหวังเฉียว  ชื่อเสียงกึกก้องราวอสนีบาต แม้ว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในเจ็ดขุมจากขุมกำลังใหญ่ แต่ในแง่ของอิทธิพลแล้ว พวกเขาเหนือกว่าราชวงศ์เฝิงซีเสียอีก

ณ ขณะนี้ ทุกคนต่างคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกัน ว่าคงเพราะซูเฉินมีสถานะเช่นนี้เอง เขาถึงได้กล้าลงมือแบบไม่ไว้หน้าใคร