7/8

 

Ep.625

 

ซูเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ อันดับแรกเก็บชิ้นส่วนที่ดรอปจากศพสัตว์กลายพันธุ์ทั้งสอง จากนั้นขุดหินพลังงานเลเวล 6 สองก้อน สุดท้ายเบนสายตาตกลงบนร่างของจี้หนิงและหลิงเทียนเซียว

 

“ผู้อาวุโส พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสเรา!” จี้หนิงไม่สนใจอาการเจ็บปวดบนร่างกายอีกต่อไป ร้องอ้อนวอขอความเมตตาจากซูเฉิน

 

จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่แบบใด ความหวาดกลัวในหัวใจลุกฮือถึงขีดสุด

 

สีหน้าของซูเฉินเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ตำหนักอสูรหยกของพวกแก มีสัตว์จำแลงเก็บไว้อีกกี่ตน?”

 

พิจารณาจากข้อสันนิษฐานที่ว่า สัตว์จำแลงในมือเขาอาจไม่มีไข่มุกวิญญาณอยู่กับตัว หรือต่อให้มี แต่ไข่มุกวิญญาณเพียงลูกเดียวก็อาจไม่สามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้

 

หากตำหนักอสูรหยกยังมีตัวอื่นๆ นี่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้เป็นอย่างมาก

 

“ผู้อาวุโส พวกเราไม่มีสัตว์จำแลงเลยแม้แต่ตัวเดียว” จี้หนิงตอบด้วยความหวาดกลัว

 

“ไม่มีเลย?”

 

ซูเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ขณะเดียวกันดวงตาเขาค่อยๆหรี่ลง เอ่ยถามเสียงเย็น “งั้นพวกแกรู้ที่อยู่ของสัตว์จำแลงได้ยังไง?”

 

สัตว์จำแลงตัวนี้รอดพ้นจากเงื้อมมือของหุบเขาวิญญาณอสรพิษมาได้ และทางหุบเขาวิญญาณอสรพิษเองก็ไม่แพร่งพรายเรื่องการหายตัวไปของสัตว์จำแลง

 

แล้วสองคนนี้รู้ได้ยังไง?

 

“เสิ่นรั่วหงเป็นคนสั่งให้พวกเราออกตามล่ามัน เขาได้มอบลูกปัดที่สามารถสัมผัสถึงสัตว์จำแลงแก่เรา” จี้หนิงรีบตอบ

 

ซูเฉินควบคุมพลังจิต นำลูกปัดนี้มาไว้ในมือ กวาดสายตามองอย่างลวกๆ ก่อนยัดมันลงในถุงเก็บของ จากนั้นถามว่า “ลูกปัดนี้ใช้งานยังไง?”

 

“ลูกปัดทำงานได้โดยอัตโนมัติ ตราบใดที่มีสัตว์จำแลงอยู่ในรัศมีที่กำหนด มันจะเรืองแสงสีแดงออกมา และยิ่งใกล้เท่าไหร่ สีก็จะยิ่งสดขึ้น” จี้หนิงตอบตามความจริง

 

ซูเฉินพยักหน้า แล้วลงมือโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ระเบิดร่างของจี้หนิงและหลิงเทียนเซียวแหลกเป็นผุยผง

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ที่อยู่ข้างๆถึงกับยกมือป้องปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

ที่จี้หนิงกับหลิงเทียนเซียวต้องพบจุดจบเช่นนี้ เป็นเพราะการกระทำของพวกเขาเองทั้งสิ้น

 

เล่นกับใครไม่ว่า ดันไปล่วงเกินซูเฉิน นั่นเท่ากับเป็นการวิ่งเข้าหาทางตัน

 

หลังจากนั้น ซูเฉินเก็บแร่ที่วางไว้บนหลังคารถ และสั่งให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องกลับเข้าไปใน [รถศึกอัจฉริยะ]

 

“เอาล่ะ เฉาหราน มาเริ่มกันเลย” มาถึง ซูเฉินก็เอ่ยปากสั่งทันที

 

เขายังไม่ทราบว่าภายในร่างของสัตว์จำแลงตัวนี้มีไข่มุกวิญญาณหรือไม่ แต่เรื่องนี้ยังไงก็ต้องลองดูก่อน

 

เฉาหรานไม่พูดพล่าทำเพลง กุม [กริชอเวจี] และเริ่มเปิดท้องสัตว์จำแลง

 

ไม่นาน ช่วงท้องของสัตว์จำแลงก็ถูกกรีดเป็นทางยาว เลือดสดๆไหลรินออกมา

 

แต่เฉาหรานมิได้แสดท่าทีรังเกียจ โน้มตัวลง ยื่นมือเข้าไปคุ้ยข้างใน ไม่นานก็พบลูกปัดสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่ว

 

“พี่เฉิน ใช่เจ้านี่รึเปล่า?”

 

เฉาหรานส่งไข่มุกวิญญาณถึงมือซูเฉิน

 

ซูเฉินไม่เคยเห็นไข่มุกวิญญาณมาก่อน ดังนั้นส่งมันไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] และติดต่อกับหงส์เพลิง “เสี่ยวเหยียน ใช่นี่รึเปล่า?”

 

“เจ้านาย นี่คือไข่มุกวิญญาณจริงๆ”

 

หงส์เพลิงตอบกลับอย่างมั่นใจ จากนั้นกล่าวว่า “แต่คุณภาพของไข่มุกวิญญาณลูกนี้ไม่ค่อยดีนัก อีกอย่าง พรสวรรค์ของเจ้ายุงนั่นก็แย่จนเกินไป หากกลืนไข่มุกนี้ เกรงว่าคงมีโอกาสน้อยที่จะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ ควรเก็บไว้ก่อนดีกว่า เอาไว้รอจนรวบรวมได้อีกเม็ดค่อยให้มันกิน ในกรณีนี้จะได้มีโอกาสปลุกลพลังมากขึ้น”

 

เมื่อ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้ยินหงส์เพลิงพูดจาแย่ๆใส่มัน ก็เกิดความขุ่นเคืองเล็กน้อย

 

กระนั้น แม้เลเวลของมันจะสูงกว่าหงส์เพลิงถึง 1 ขั้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะมีปากเสียงกับหงส์เพลิงอยู่ดี

 

เพราะอาจเป็นตนที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวได้

 

“แล้วฉันจะหาเม็ดอื่นได้จากที่ไหน” ซูเฉินขมวดคิ้ว

 

หากเขารู้ที่อยู่ของสัตว์จำแลงตัวอื่น ก็คงเป็นเรื่องง่าย แต่ประเด็นคือสัตว์จำแลงมีจำนวนน้อยนิด แค่เจอตัวนึงก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว แบบนี้เขาจะไปหาอีกตัวจากที่ไหน?

 

8/8

 

Ep.626

 

หงส์เพลิงเตือนว่า “เจ้านาย ตามปกติแล้วสัตว์จำแลงมักอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ถ้าท่านจับได้ตัวหนึ่ง แสดงว่าจะต้องมีอีกตัวอย่างแน่นอน”

 

“โอ้?”

 

ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย สมองเริ่มทำงาน

 

ในความคิดเขา หากมีสัตว์จำแลงตัวอื่นอยู่จริงๆ ไม่อยู่ในหุบเขาวิญญาณอสรพิษ ก็น่าจะอยู่ในมือของเสิ่นรั่วหง

 

หรือแม้ไม่อยู่ในมืออีกฝ่าย ก็สมควรจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เมื่อคิดได้ เขาก็หันไปถามเฉินเฟิงทันที “พี่เฉิน ระดับฐานฝึกตนของเสิ่นรั่วหงอยู่ขั้นไหน?”

 

หากต้องการหาสัตว์จำแลง จำเป็นต้องติดต่อกับเสิ่นรั่วหง ซึ่งไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจเกิดการปะทะกัน ดังนั้นจำเป็นต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายให้ชัดเจน

 

“เสิ่นรั่วหงคือผู้วิวัฒนาการขั้น 8 นอกจากนี้ยังมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ ครอบครองกำลังรบอันแข็งแกร่ง ติดอันดับยอดฝีมือแห่งขุนเขาหวังเฉียว”

 

“แล้วยังมีข่าวลืออีกว่า เคยมีผู้ฝึกตนขั้น 9 ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับเขา แต่สุดท้าย คนที่รอดชีวิตมาได้คือเสิ่นรั่วหง” เฉินเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

 

เหตุที่ต้องพูดให้มันชัดเจน ก็เพื่อเป็นการเตือนซูเฉิน ว่าทางที่ดีอย่าไปตอแยเสิ่นรั่วหงง่ายๆ

 

“แสดงว่าเจ้าหมอนั่นเองก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง” ซูเฉินพึมพำ

 

ในแห่งขุนเขาหวังเฉียว มียอดฝีมือขั้น 9 และ 10 อยู่ไม่น้อย

 

แต่การที่เสิ่นรั่วหงซึ่งมีเลเวลแค่ 8 แต่ยังสามารถติดอันดับยอดฝีมือได้ นั่นเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขา

 

และการสามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นนึงได้ เป็นเรื่องที่น้อยคนนักจะสามารถกระทำได้

 

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินไม่ได้สนใจมากนัก

 

สามารถสังหารศัตรูที่เลเวลสูงกว่าขั้นนึงแล้วอย่างไร? ตัวซูเฉินเองสามารถสังหารข้ามได้สองขั้น!

 

ขอเพียงสืบพบว่าเสิ่นรั่วหงมีสัตว์จำแลงอยู่กับตัว เขาจะไม่ยอมปล่อยมันไป

 

หลังจากทราบข้อมูลเสิ่นรั่วหงแล้ว ซูเฉินก็หันไปสั่งการ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ค้นหาตำแหน่งหุบเขาวิญญาณอสรพิษ”

 

ในเมื่อกำลังมองหาสัตว์จำแลงอีกตัว งั้นสถานที่แรกที่ต้องไป คือหุบเขาวิญญาณอสรพิษ

 

หน้าจอควบคุมส่วนกลางสลับสับเปลี่ยนภาพ ไม่นานตำแหน่งที่แน่นอนของหุบเขาก็ปรากฏขึ้น

 

ซูเฉินก้มลงมองดู และพบว่าหุบเขาวิญญาณอสรพิษอยู่ห่างจากเมืองหยานจื่อไม่กี่ร้อยกิโลเมตรเท่านั้น เขากล่าวว่า “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปหุบเขาวิญญาณอสรพิษ”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งหุบเขา แล้วขับไปตามเส้นทาง

 

ระหว่างทาง ซูเฉินเอ่ยปากถามว่า “พี่เฉิน มีพวกต่างเผ่าอยู่บนเกาะชงซวี่มากไหม?”

 

ด้วยอุปนิสัยของเขา แน่นอนว่าหากเจอพวกต่างเผ่า เขาจะไม่ยอมปล่อยมันไป ถ้ามีโอกาสว่าง ก็ถือโอกาสนี้เก็บเกี่ยวชิ้นส่วนซะเลย

 

“บนเกาะชงซวี่ไม่มีกองกำลังของพวกต่างเผ่า อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเฉพาะในแง่จำนวนก็นับว่ามีไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วล้วนมาจากเกาะอื่นๆ ” เฉินเฟิงตอบ

 

“พวกเขามาทำอะไรที่นี่?” ซูเฉินไม่เข้าใจ

 

เฉินเฟิงอธิบายว่า “ก็มีอยู่สองประเด็นหลักๆ หนึ่งคือต้องการเข้าสู่ทวีปเสวียนเทียนผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายของที่นี่ สองคือเพื่อเข้าร่วมงานประมูลเมืองหยานจื่อ”

 

“นี่พวกต่างเผ่าสามารถเข้าร่วมประมูลได้ด้วยหรอ?” หากพวกต่างเผ่าสามารถเข้าสู่ทวีปเสวียนเทียนผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ ถ้าอย่างงั้นชั้นสสารพิษนอกทวีปเสวียนเทียนจะไม่กลายเป็นแค่เครื่องประดับหรอกหรือ?

 

พวกปรมาจารย์ที่สร้างชั้นสสารพิษ มีหรือจะไม่ทราบเรื่องนี้ ถ้างั้นเพราะอะไรกัน?

 

“เฮียซูคงยังไม่รู้ แม้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจะอนุญาตให้พวกต่างเผ่าใช้งาน แต่มันก็มีข้อจำกัด นั่นคือพวกต่างเผ่าขั้น 8 ขึ้นไปไม่สามารถใช้ค่ายกลได้” เฉินเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

 

“แบบนี้นี่เอง” ซูเฉินค่อยเข้าใจ

 

ตอนนี้ เขากระจ่างแล้วถึงความสำคัญของการมีอยู่ของค่ายกลเคลื่อนย้าย

 

หากทวีปเสวียนเทียนถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ ก็เหมือนกับการล็อกดาวน์ประเทศ ไม่เอื้อต่อการพัฒนา

 

ขณะที่การปล่อยให้พวกต่างเผ่าเลเวลต่ำกว่า 8 ลงไปเข้ามา จะได้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและสมบัติกันได้

 

อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกมันจะสร้างปัญหาในทวีปเสวียนเทียน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กำลังรบของพวกมัน อยู่ในเกณฑ์ที่ผู้แข็งแกร่งในทวีปเสวียนเทียนสามารถรับมือได้