3/8

 

Ep.621

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ซูเฉินเกิดลางสังหรณ์ ว่าสัตว์จำแลงตนนั้นคงมีสถานะไม่ธรรมดา เขาเลยเอ่ยถามออกไป

 

“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” เฉินเฟิงส่ายหัว

 

ซูเฉินไม่ยอมแพ้ เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ติดต่อกับหงส์เพลิง

 

อีกฝ่ายมีความรู้มากมาย หากไม่นับต้นผลอายุวัฒนะ ผู้ทรงภูมิอันดับหนึ่งในกลุ่มซูเฉินก็คือหงส์เพลิง

 

ต้นผลอายุวัฒนะแตกฉานในเรื่องพืชวิญญาณ ส่วนหงส์เพลิง มิใช่มีสถานะเป็นเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเคยเข้าสู่มิติท้ารบมาแล้ว จะมากจะน้อยมีความเข้าใจถ่องแท้เกี่ยวกับพวกสัตว์อสูร

 

“เสี่ยวเหยียน นายเคยได้ยินเรื่องสัตว์จำแลงไหม?” ซูเฉินเอ่ยถาม

 

หงส์เพลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆก็อุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้านายพวกมันคือสัตว์ชั่วร้าย ทว่าแม้จะชั่วร้าย แต่จำนวนสัตว์จำแลงที่พบได้ในโลกนี้หาได้ยากมาก เพราะในร่างของพวกมัน มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะสามารถกลั่นไข่มุกวิญญาณได้–”

 

“–เป็นเพราะไข่มุกวิญญาณนั่นเอง ที่ทำให้พวกมันมักถูกตามล่า”

 

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!

 

ซูเฉินเริ่มตื่นตัวเมื่อได้รับคำตอบ รีบเอ่ยถาม “แล้วไข่มุกวิญญาณของมันมีสรรพคุณยังไง? สามารถเอาไปทำอะไรได้?”

 

หงส์เพลิงอธิบาย “ไข่มุกวิญญาณมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเลือดเป็นพิเศษเท่านั้น หลังจากพวกมันกลืนกินเข้าไปแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์สายโลหิตได้!”

 

ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

 

[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] เอง ไม่ใช่ว่าก็เป็นแมลงสัตว์ร้ายสายโลหิตหรอกหรือ? งั้นเป็นไปได้ไหมว่ามันจะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ หากได้กินไข่มุกวิญญาณเข้าไป

 

คิดได้แบบนี้ ซูเฉินรีบถามว่า “งั้นถ้าให้เสี่ยวจินกินมันเข้าไป ก็จะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ใช่ไหม?”

 

“ถ้าหมายถึงเจ้าหนูนั่น ขอตอบว่าค่อนข้างไม่คุ้มค่า แต่ถึงอย่างไรมันคือแมลงสัตว์ร้ายสายโลหิต ฉะนั้นขอตอบว่าได้” หงส์เพลิงกล่าวอย่างเฉยเมย

 

เนื่องจากความสามารถในการต่อสู้ของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] อ่อนแอเกินไป หงส์เพลิงเลยมักทำเป็นไม่เห็นหัวมัน ดังนั้นเวลาถูกกล่าวถึง เลยอดดูถูกเล็กๆน้อยๆไม่ได้

 

ซูเฉินปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียม หากมีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งให้สัตว์เลี้ยงวิญญาณของตน เขาก็จะทำอย่างแน่นอน

 

ขณะที่เขากำลังคิดวิธีตามหาสัตว์จำแลง หงส์เพลิงเอ่ยปากถามว่า “เจ้านาย ท่านพบร่องรอยของสัตว์จำแลงหรือ?”

 

ซูเฉินไม่ปิดบัง บอกเล่าเหตุการ์ที่เกิดขึ้น

 

“เจ้านาย แม้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของสัตว์จำแลงจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ความสามารถด้านการรับรู้ของพวกมันทรงพลังมาก ทั้งยังรู้จักซ่อนกลิ่นอายได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเกิดความสงสัย ว่าหากสัตว์จำแลงก่อความวุ่นวายในบริเวณนี้ มันน่าจะไม่ได้ไปไหนไกล ” หงส์เพลิงกล่าวอย่างจริงจัง

 

ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย ออกคำสั่งกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ ค้นหาอีกครั้ง ตรวจสอบดูว่ามีพวกสัตว์อสูรอยู่แถวๆนี้รึเปล่า”

 

ไม่กี่วินาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ตอบว่า “เจ้านาย ไม่พบสัตว์อสูรอยู่ในบริเวณนี้เลย”

 

ไม่ตรวจพบสัตว์อสูร ..? อย่าบอกนะว่าสัตว์จำแลงจะหนีออกไปจากขอบเขตการค้นหาของ [รถศึกอัจฉริยะ] แล้ว?

 

หรือว่าจะเป็นเหมือนกับที่หงส์เพลิงกล่าว ว่าสัตว์จำแลงซ่อนตัวเก่ง และกำลังหลบอยู่ในเงามืด?

 

แต่สถานการณ์จะเป็นแบบในข้อไหนที่กล่าวมาก็ช่าง ผลลัพธ์คือตอนนี้เขาไม่พบการดำรงอยู่ของมัน

 

“ดูเหมือนว่าเสี่ยวจินจะไม่มีวาสนากับสัตว์จำแลงซะแล้ว” ซูเฉินถอนหายใจ

 

“เจ้านาย ข้ามีวิธีที่น่าจะได้ผล” หงส์เพลิงกล่าว

 

“วิธีไหน?”

 

ซูเฉินมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

 

“มีข่าวลือว่าสัตว์จำแลงนอกจากชอบเลือดและเนื้อแล้ว ยังลือกันว่าสัตว์จำแลงยังชมชอบแร่ที่มีคุณภาพสูงเป็นพิเศษเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเจ้านายมีผลึกศิลาแดงอยู่กับตัวหรอกหรือ ลองใช้มันเป็นอย่างไร?” หงส์เพลิงอธิบาย

 

“เป็นความคิดที่ไม่เลว”

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย สั่งการให้ [รถศึกอัจฉริยะ] หยุดลง จากนั้นก็หยิบแร่ออกมาจากถุงเก็บของ เพื่อดึงดูดสัตว์จำแลง

 

เขาไม่เพียงแต่นำผลึกศิลาแดงออกมาเท่านั้น แต่ยังนำหินพลังงานระดับสูง และแร่อื่นๆที่มีมูลค่าสูงออกมาอีกมากมาย ทั้งหมดถูกโยนขึ้นไปบนหลังคารถ

 

หลังจากนั้น เขาขอให้ทุกคนระงับกลิ่นอาย แล้วเฝ้ารออย่างเงียบๆ

 

4/8

 

Ep.622

 

เวลาค่อยๆไหลไปทีละนิด ทีละน้อย จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง รอบด้านก็ยังเงียบสงัด สัตว์ร้ายจำแลงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา

 

“ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผล” ซูเฉินพึมพำ ขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้นั้นเอง

 

บนตำแหน่งหน้าจอควบคุมส่วนกลาง จู่ๆจุดสัญญาณสีดำก็ปรากฏขึ้น มันค่อยๆใกล้เข้ามายังทิศทางที่รถศึกจอดอยู่

 

ในเวลาเดียวกัน [รถศึกอัจฉริยะ] ร้องเตือนว่า “เจ้านาย ตรวจพบสัญญาณของสัตว์อสูรกำลังใกล้เข้ามาหาพวกเรา”

 

ซูเฉินสูดหายใจลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เสี่ยวจือ ล็อคเป้ามัน แล้วขยายภาพที”

 

ภาพบนหน้าจอสลับสับเปลี่ยน ไม่นานก็ปรากฏร่างๆหนึ่งที่มีลำตัวยาวกว่าหนึ่งเมตร รูปร่างคล้ายสัตว์อสูรเสือดำ

 

“เสี่ยวเหยียน สัตว์อสูรตัวนั้นใช่สัตว์จำแลงรึเปล่า?” ซูเฉินถามหงส์เพลิง

 

“เจ้านาย มันคือสัตว์จำแลงไม่ผิดแน่” หงส์เพลิงตอบอย่างมั่นใจ

 

“ยอดเยี่ยม”

 

ซูเฉินโล่งใจ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด เขาไม่ได้ลงมือในทันที

 

เนื่องจากแต่ละฝ่ายอยู่ห่างกันเกินไป ซูเฉินเลยตั้งใจรอให้สัตว์จำแลงเข้ามาใกล้ก่อนค่อยลงมือ

 

อย่างไรก็ตาม สัตว์จำแลงตนนี้ระวังตัวมาก ความจริงมันค่อนข้างว่องไว แต่ตลอดทาง มันมักหยุดและเฝ้าดู

 

จึงใช้เวลากว่าสิบนาทีเต็ม ถึงค่อยๆขยับมาอยู่ห่างจาก [รถศึกอัจฉริยะ] ในระยะหลักร้อยเมตร

 

ซูเฉินเฝ้ารออย่างร้อนใจ ขณะที่กำลังจะลงจากรถไปจับมัน จู่ๆ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย มีผู้ฝึกตนเลเวล 6 สองคนจากเผ่ามนุษย์กำลังใกล้เข้ามา”

 

“เสี่ยวจือ เปิดประตูเร็ว!” ซูเฉินขมวดคิ้ว

 

แม้เขาจะไม่รู้ว่ามนุษย์ทั้งสองคนมาทำอะไรที่นี่ แต่มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองจะทำแผนเขาแตก ดังนั้นไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ตัวเขาพุ่งทะยานไปดั่งลูกศร

 

เมื่อระบุตัวแหน่งที่แน่นอนของสัตว์จำแลงได้ ซูเฉินเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] เปลี่ยนตนเองเป็นเส้นแสงระยิบระยับอันน่าทึ่ง วิ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เขาก็มาถึงเบื้องหน้าของสัตว์จำแลงแล้ว

 

เห็นคนวิ่งเข้ามา สัตว์จำแลงก็ตกใจ

 

แต่ตกใจก็ส่วนตกใจ ตัวมันไม่ยอมนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ ร่างกายเริ่มกลายเป็นพร่ามัวอย่างรวดเร็ว เมื่อซูเฉินมาถึง ตัวมันก็หายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

 

“ล่องหนได้ด้วยงั้นหรอ?”

 

ซูเฉินชะงักเล็กน้อย จากนั้นปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา กวาดไปทุกทิศทาง ไม่านานก็พบสัตว์จำแลงนั่งตัวสั่นเทาอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

 

“คิดหรือว่าจะหนีรอดจากเงื้อมมือฉันไปได้?”

 

มุมปากของซูเฉินยกยิ้มเล็กน้อย ควบคุมพลังแห่งจิตวิญญาณของเขา พันธนาการมันไว้

 

“ฮือ ฮือ … ”

 

ภายใต้พันธนาการของพลังจิตของซูเฉิน สัตว์จำแลงปรากฏร่างที่แท้จริงของมันออกมา

 

ณ ขณะนี้ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ขู่ร้องไม่หยุด

 

ซูเฉินกวาดสายตามองเที่ยวหนึ่ง ก่อนลากตัวกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] ด้วยกัน

 

“เสี่ยวเหยียน สัตว์จำแลงตัวนี้มีไข่มุกวิญญาณรึเปล่า?”

 

เมื่อมาถึง ซูเฉินถามหงส์เพลิงก่อนเป็นอย่างแรก

 

“เจ้านาย แค่เปิดกระเพาะของเจ้าเด็กน้อยตัวนี้ ก็จะรู้ได้แล้วว่ามีไข่มุกวิญญาณหรือไม่” หงส์เพลิงให้คำตอบที่เรียบง่ายและชัดเจน

 

“ฮือ … ”

 

แม้สัตว์จำแลงจะไม่อาจพูดภาษามนุษย์ได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีภูมิปัญญาทางจิต เมื่อได้ยินว่าจะถูกผ่าท้องก็หวาดกลัว ดิ้นรนสุดชีวิต

 

ซูเฉินซัดหนึ่งมันใส่มันจนสลบไป จากนั้นเรียกเฉาหรานมาข้างกายเขา มอบหมายหน้าที่เปิดกระเพาะ

 

จะทำทั้งที งั้นก็ฝากให้มืออาชีพอย่างเฉาหรานจัดการเรื่องนี้ดีกว่า

 

“พี่เฉิน เรื่องเจ้านี่ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”

 

เฉาหรานก้าวไปข้างหน้า หยิบ [กริชอเวจี] ออกมา ขณะที่เขากำลังจะใช้มีด เสียงตะโกนก็ดังเข้ามาจากนอกรถ

 

“เจ้าพวกที่อยู่ข้างใน จงมอบสัตว์กลายพันธุ์ให้กับพวกเรา มิฉะนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราไร้ปรานี!”

 

คนที่พูดจะเป็นใครอื่นไปได้อีก หากไม่ใช่ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์สองคนก่อนหน้านี้

 

และฟังจากเสียงของพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามายังสัตว์จำแลง