7/10

 

Ep.615

 

ได้ยินเพียงเสียงโครม! ดังกึกก้อง

 

เห็นแค่เพียงร่างของบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรถูกซัดกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับผนังหินที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งร่างจมลึกติดอยู่ข้างในนั้น

 

ซูเฉินเก็บ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ไม่ได้โจมตีอีกต่อไป

 

ส่วนสาเหตุที่ทำเช่นนี้ นอกจากระบายความอัดอั้นแล้ว เหตุผลหลักก็คือต้องการขู่บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูร

 

กราว ..!

 

เศษหินจำนวนมากร่วงลงมาจากผนังหิน บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรพยายามดิ้นรนออกจากผนัง

 

“ไอ้หนู เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”

 

บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรจับจ้องซูเฉินอย่างลึกล้ำ สีหน้าท่าทีของเขาดูจริงจังมากขึ้น

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่ซูเฉินมี นับว่าเพียงพอแล้วที่จะครอบครองสิ่งประดิษฐ์เทวะ ซึ่งเมื่อสองสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกัน จะก่อกำเนิดเป็นกำลังรบที่ยากจะต่อกร

 

“เป็นไง? ตอนนี้แกยังอยากจะขอสัตว์เลี้ยงวิญญาณจากฉันอีกไหม?” ซูเฉินยิ้มเยาะ

 

“ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบให้ ก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่แบบยังมีชีวิตเช่นกัน”

 

บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรข่มขู่ จากนั้นเสริมว่า “ข้าจะขังเจ้าไว้ที่นี่ แล้วเชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งขั้น 9 และ 10 จากเผ่าพันธุ์อื่นมาล้อมสังหารเจ้า! หากตนเดียวไม่สามารถฆ่าได้ ข้าก็จะเชิญ 10 ตน หาก 10 ตนฆ่าไม่ได้ ข้าก็จะเชิญ 20! ถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งสักแค่ไหน ภายใต้การรุมล้อมของเหล่าผู้แข็งแกร่งมากมาย ปลายทางเดียวที่รออยู่คือความตาย!”

 

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินเริ่มคำนวณถึงความเป็นไปได้

 

ด้วยสถานะบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรซึ่งอยู่ในระดับเทวะ เป็นไปได้มากทีเดียวที่เขาจะเชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งเลเวล 9 , 10 มาได้ หากถึงเวลานั้น ซูเฉินจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแน่นอน

 

และอาจถูกรุมล้อมและตายได้จริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้เรื่องนี้จี้จุดอ่อนเขา เพื่อบังคับให้เขามอบด้วงเขมือบทองคำให้ล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

 

“ถ้าแกกล้าทำแบบนั้น ก่อนที่พวกมันจะมาถึง ฉันจะไล่ฆ่าชาวราชวงศ์อสูรทั้งหมดในทวีปนี้! แกก็น่าจะรู้นี่ ว่าด้วยกำลังรบของฉัน ถ้าต้องการทำแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” ซูเฉินแสยะยิ้มโดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

แผนการนี้ เขาไม่ได้ข่มขู่แต่พูดจริงๆ เพราะมันจะช่วยดรอปชิ้นส่วน และเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เขาได้เช่นกัน

 

ยิ่งฆ่าเผ่าราชวงศ์อสูรเท่าไหร่ ก็ยิ่งดรอปชิ้นส่วนมากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

 

นอกจากนี้ ในตัวเขายังมีกลวิธีโจมตีอีกมากมาย สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะกำจัดเผ่าราชวงศ์อสูรลงได้จริงๆ

 

แต่แน่นอน ว่าหากไม่ใช่หนทางสุดท้ายจริงๆ ซูเฉินจะไม่เลือกตัวเลือกนี้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว กำลังรบของทุกคนใน [รถศึกอัจฉริยะ] ยังอ่อนแอเกินไป หากบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรยืนกรานจะลงมือ เขาคงไม่สามารถปกป้องคนอื่นๆได้

 

เมื่อเห็นซูเฉินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะแหกอวนปลา บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรเกิดความลังเลเล็กน้อย

 

เขาตระหนักดีถึงพลังของซูเฉิน เรื่องนี้เคยมีประสบการณ์ผ่านหุ่นเชิดของตัวเองมาแล้ว

 

ว่าหากซูเฉินเป็นบ้าขึ้นมาเมื่อไหร่ ลูกหลานเผ่าเขาคงไม่อาจต้านทาน และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะถูกสังหารหมู่

 

สถานการณ์เช่นนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะเห็น

 

กระนั้น เขาเดินมาไกลเกินไปแล้ว หากยอมถอยโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร คงต้องอับอายขายขี้หน้า

 

ขณะเดียวกัน หากคิดจบปัญหา ปล่อยให้ซูเฉินจากไปเฉยๆ เขาจะยินยอมได้อย่างไร?

 

“มนุษย์ หากเจ้าอยากออกไปจากที่นี่ จงทิ้งสมบัติไว้เบื้องหลัง” บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“แกต้องการอะไร?” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย

 

เมื่อเห็นว่าบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรมีเจตนาจะประนีประนอม ซูเฉินก็ไม่ยั่วโมโหอีกต่อไป

 

“กระบี่ยักษ์ของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ต้องอยู่ที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เดิมมันเป็นของเผ่าราชวงศ์อสูรของเรา” บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรกล่าว

 

กระบี่ยักษ์สีน้ำตาลดินคือสิ่งประดิษฐ์เทวะ มูลค่าของมันไม่อาจประเมินได้ ซูเฉินย่อมไม่เต็มใจที่จะตอบตกลง

 

เขากระแอมเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “แค่อาวุธชิ้นเดียวมันจะมีค่าอะไร? เอาแบบนี้ดีกว่า ฉันขอแลกผลประโยชน์อย่างอื่นกับแก

 

เมื่อเห็นซูเฉินเลือกประนีประนอม หัวใจของบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรเต้นระรัว รีบกล่าวว่า “ผลประโยชน์อะไร รีบว่ามา”

 

มุมปากของซูเฉินยกยิ้มเล็กน้อย แสร้งทำเป็นกล่าวเสียงลุ่มลึกว่า “ในอนาคตนับจากนี้ ตราบใดที่ชาวเผ่าราชวงศ์อสูรไม่ยั่วโมโหฉัน ฉันจะยอมละเว้น ไม่คร่าชีวิตพวกมัน!”

 

8/10

 

Ep.616

 

นี่เรียกว่าผลประโยชน์งั้นหรือ?

 

มองยังไงก็เป็นคำขู่ชัดๆ!

 

บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรโกรธจัด ร้องคำรามว่า “มนุษย์! เจ้าคิดสู้กับข้าจนตายไปข้างหรือ?”

 

เขายอมถอยก้าวใหญ่แล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าซูเฉินจะยังกล้าทำเป็นเล่นกับเขาอีก แล้วแบบนี้จะให้ทนต่อไปได้อย่างไร?

 

ซูเฉินยิ้มและอธิบาย “แกลองไปถามดูที่ไหนก็ได้ ว่ามีพวกต่างเผ่าตายภายใต้เงื้อมมือฉันกี่ตน ไม่ต้องพูดถึงเผ่าราชวงศ์อสูร ต่อให้ศัตรูคือสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ ฉันก็ยังไล่เข่นฆ่ามันตามใจชอบมาแล้ว!”

 

“แกน่าจะรู้ดีถึงพรสวรรค์ของฉัน ว่าการเลื่อนขั้นสู่ระดับเทวะเป็นแค่เรื่องง่ายดาย ถึงตอนนั้นใครจะเป็นคู่ต่อสู้กับฉันได้? ไอ้หน้าไหนสามารถหยุดฉัน? ตราบใดที่เผ่าพันธุ์ไหนทำให้ฉันหมั่นไส้ เผ่าพันธุ์นั้นจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก!”

 

“เล่ามาขนาดนี้แล้ว แกยังคิดว่าผลประโยชน์ที่ฉันหยิบยื่นให้ มันคือการล้อเล่นของเด็กๆอยู่อีกรึเปล่า?”

 

กล่าวถึงจุดนี้ ซูเฉินหรี่ตาลง เพ่งมองบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูร รอคอยคำตอบจากอีกฝ่าย

 

ในเวลานี้ บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรกลายเป็นตะลึงงัน

 

เดิมเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาแก่ซูเฉิน แล้วไหงซูเฉินถึงพูดแบบนั้น แล้วเขากลายเป็นคนที่ถูกสร้างปัญหาเองซะได้?

 

เป็นความจริงที่ว่าซูเฉินนั้นก้าวร้าวโอหัง แต่สิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่คำขู่เกินเลย

 

ด้วยพรสวรรค์ของซูเฉิน เป็นไปได้สูงที่จะก้าวสู่ระดับเทวะ และเมื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะแล้ว คงมีน้อยคนนักที่จะกำราบเขาได้

 

เอาจริงๆถึงเวลานั้นไม่ต้องกล่าวถึงการกำราบซูเฉิน แค่รักษาชีวิตเอาไว้ ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้รึเปล่า

 

คิดถึงเรื่องนี้ บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรลังเลเล็กน้อย ลึกๆเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ

 

ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะฆ่าซูเฉิน และหากพลาดไป เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

 

แต่หากต้องการสังหารซูเฉิน คงต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงแสนสาหัส ทั้งยังไม่มั่นใจ 100% ว่าจะสามารถสังหารซูเฉินได้

 

อีกทางเลือกหนึ่ง หากปล่อยซูเฉินไป รอจนซูเฉินเติบโตขึ้น อีกฝ่ายจะกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเขา

 

ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรก็เอ่ยปากว่า “ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากผลประโยชน์ที่เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ต้องมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อ ”

 

“ว่าต่อสิ” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย

 

“เจ้าต้องสาบาน ว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้จะเป็นจริงดังที่ลั่นวาจาไว้ หากวันหน้าเจ้าพบเจอเราบรรพชน เจ้าไม่อาจสร้างปัญหาแก่ข้าโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าห้ามสังหารข้า! ” บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรกล่าวตามตรง

 

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ผู้คนบน [รถศึกอัจฉริยะ] ต่างตกตะลึง

 

ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ กำลังขอให้ผู้ฝึกตนเลเวล 7 เอ่ยปากสาบานว่าจะไม่สังหารเขาอย่างงั้นหรือ?

 

นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปไหม?

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาคงไม่เข้าใจ ว่าการกระทำของบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรนับว่าเป็นแผนการที่รอบคอบและมองการณ์ไกลมากๆ

 

เพราะเขาเห็นศักยภาพของซูเฉินมานานแล้ว การเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะ เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น จึงเอ่ยปากขอทางออกไว้ให้แก่ตัวเอง

 

สำหรับการขอคำสาบานจากซูเฉิน แม้ดูเหมือนเป็นการละเล่นของเด็ก แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่

 

เพราะคำสาบานของผู้ฝึกตน ล้วนมีเจตจำนงแห่งสวรรค์แฝงอยู่ หากผู้ใดละเมิด ไม่ต้องกล่าวถึงการถูกประณาม แต่พวกเขาจะตัดผ่านระดับฝึกตนได้ยากกว่าเดิมมาก หรือไม่อาจติดอยู่ในระดับนั้น ไม่อาจฝึกตนได้อีกเลย

 

ด้วยเหตุนี้ น้อยคนนักที่จะกล้าฝ่าฝืนคำสาบานของผู้ฝึกตน

 

ซูเฉินจ้องมองบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูร ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้

 

เดิมที ด้วยสิ่งที่บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรทำในวันนี้ มันได้ทำให้ชื่อของเขาถูกรวมอยู่ในรายชื่อสังหารของซูเฉินแล้ว

 

แต่เนื่องจากอีกฝ่ายยอมประนีประนอม และร้องขอเช่นนี้ ซูเฉินก็ไม่สามารถฆ่าได้อีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม หากให้ปล่อยบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรไปจริงๆ ซูเฉินยังไม่ค่อยเต็มใจนัก เขากล่าวว่า “ในเมื่อแกพูดถึงขนาดนี้ มันคงไม่เหมาะสม ถ้าฉันยังไม่ยอมไว้หน้า”

 

แต่เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน แกมอบผลึกศิลาแดงที่มีมา 100 ก้อน แล้วฉันจะสาบานว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับแกอีกต่อไป ”

 

“เจ้าต้องการผลึกศิลาแดง?”

 

บรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรอ้าปากค้าง ในสมองคล้ายเกิดเสียงหึ่งๆ

 

เขายอมถอยมาถึงขั้นนี้ แต่ซูเฉินได้คืบจะเอาศอก แบบนี้มันรังแกกันมากเกินไปแล้ว!

 

ขนาดตุ๊กตาดินเผายังมีโทสะถึงสามส่วน

 

ในสายตาบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูร–

 

–เพลิงโทสะได้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง!