9/10

 

Ep.589

 

เผ่าราชวงศ์อสูรเลเวล 7 นับแต่เข้ามายังทวีปนี้ ซูเฉินเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ชาวราชวงศ์อสูรมักมีสัตว์ขี่ และเลเวลของพวกมันมักใกล้เคียงกับเจ้านาย

 

ในกรณีนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเจอสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 7 ถึงสองตัว

 

หรือความหมายก็คือ หลังจากฆ่าพวกมัน นอกจากดรอปชิ้นส่วนแล้ว ยังสามารถได้เก็บเกี่ยวหินพลังงานเลเวล 7 ได้ถึสองก้อน

 

สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สามารถนำไปใช้กับ [อุปกรณ์เร่งเวลา] แต่ยังนำไปติดตั้งลงใน [นักรบจักรกล] หลังจากอัพเกรดเป็นเลเวล 7 ได้อีกด้วย

 

และอีกอย่างนึงก็คือ หาก [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้ดูดเลือดของพวกมัน ก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นเลเวล 7 ได้

 

ดังนั้นไม่ว่ายังไง ซูเฉินไม่มีทางปล่อยชาวราชวงศ์อสูรสองตนนี้ไป

 

“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าพวกมัน แล้วเร่งความเร็วไล่ตาม”

 

ซูเฉินออกคำสั่งด้วยท่าทีตื่นเต้น

 

แต่พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ก็เปลี่ยนไป

 

เพราะแม้ซูเฉินจะอยู่ในเลเวล 7 แต่ท้ายที่สุดแล้วเขามีเพียงลำพัง ขณะที่ชาวราชวงศ์อสูรสองตนนั้น อาจมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 7 อยู่ด้วยถึงสองตัว

 

ในกรณีนี้ จะเท่ากับซูเฉินต้องสู้แบบ 1 ต่อ 4 และไม่แน่ว่าอาจถูกสังหารได้

 

หรือต่อให้เขาและเธอร่วมมือกันช่วยซูเฉิน ก็ไม่แน่ว่าจะชนะคู่ต่อสู้

 

“เฮียซู คิดดูดีๆอีกครั้งเถอะ ชาวราชวงศ์อสูรไม่ง่ายเลยที่จะยั่วยุ” เซี่ยจิงอี้พยายามเกลี้ยกล่อม

 

ซูเฉินรู้ว่าเซี่ยจิงอี้หวังดี แต่เขาไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงมอบรอยยิ้มที่ดูสบายๆ ผ่อนคลายให้เธอ

 

เซี่ยจิงอี้อึ้งไป ไม่รู้ว่าทำไมซูเฉินถึงได้มั่นใจขนาดนี้

 

แต่ในเวลานั้นเอง ตันหลินได้ก้าวเข้ามา กล่าวกับเซี่ยจิงอี้ด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาวเซี่ยไม่ต้องกังวล ถ้าซูเฉินเป็นแบบนี้ แสดงว่าเขามั่นใจว่าทำได้”

 

เฉาหรานที่อยู่ข้างๆเอ่ยสนับสนุน “พวกต่างเผ่าเลเวล 7 เป็นแค่มดปลวกในสายตาพี่เฉิน ขอแค่มือเดียวก็บี้พวกมันได้แล้ว”

 

พวกต่างเผ่าเลเวล 7 เป็นแค่มดปลวก?

 

ขอแค่มือเดียวก็บี้พวกมันได้?

 

เซี่ยจิงอี้มองเฉาหรานอย่างตกตะลึง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นการแสดงออกที่ดูซับซ้อน

 

เธอรู้สึกว่าชายหนุ่มที่ชื่อเฉาหรานตรงหน้าพูดจาเวอร์วังเกินจริง คุยโวเรื่องซูเฉินมากเกินไปหน่อย

 

เฉินเมิ่งเฟยเหลือบมองเซี่ยจิงอี้ ในใจเธอลอบยิ้มเยาะ

 

เซี่ยจิงอี้ไม่เชื่อคำพูดของเฉาหรานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินแล้วเธอจะรู้สึกอย่างไร? จะเป็นอารมณ์เดียวกับเธอในตอนนั้นรึเปล่านะ?

 

เฉินเมิ่งเฟยตั้งตารอเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นมัน

 

เฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันมากระซิบกับเซี่ยจิงอี้ว่า “อีกเดี๋ยวพวกเราจะร่วมมือกันก่อกวนชาวราชวงศ์อสูรตนหนึ่ง ซื้อเวลาให้เฮียเฉินจัดการอีกตัว”

 

หลังจากได้รู้จักกับซูเฉินมาหลายวัน เขาคิดว่าพอเข้าใจอุปนิสัยของซูเฉินอยู่บ้าง ว่าเมื่อซูเฉินตัดสินใจจะทำอะไรไปแล้ว จะไม่มีใครสามารถหยุดได้

 

ในเมื่อหยุดไม่ได้ งั้นก็ทำได้เพียงช่วยเหลือซูเฉินอย่างสุดความสามารถ

 

แม้พวกเขาจะมีเลเวลแค่ 6 แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าเลเวลเดียวกันมาก ฉะนั้นน่าจะสามารถยื้อชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 และสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 7 ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

เซี่ยจิงอี้ถอนหายใจ พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

 

ซูเฉินยืนกรานที่จะทำตามใจตนเอง มันทำให้เธอไม่อยากยอมรับและรู้สึกหดหู่มาก

 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอกับซูเฉินอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบร่วมมือกัน เธอไม่สามารถยืนดูซูเฉินพลาดพลั้งได้

 

จำต้องเลยตามเลย

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] อยู่ห่างจากชาวราชวงศ์อสูรทั้งสองไม่ถึง 1 กิโลเมตร ซูเฉินก็สั่งให้มันจอด

 

เพราะบนหน้าจอควบคุม ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าพวกต่างเผ่าสองตนนี้กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ซูเฉินนึกไม่ถึงจริงๆว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้

 

10/10

 

Ep.590

 

เห็นภาพนี้ เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ผุดลุกขึ้นด้วยความปิติยินดี

 

แม้เขาและเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมชาวราชวงศ์อสูรทั้งสองถึงต่อสู้กันเอง แต่สถานการณ์เอื้ออำนวยต่อฝ่ายพวกเขามาก

 

เพราะหากรอจนกระทั่งหนึ่งในชาวราชวงศ์อสูรตาย หรือทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจะได้ฉวยโอกาสนั้นลงมือพร้อมกัน และค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าจะสามารถฆ่าพวกมันได้

 

แต่ซูเฉินไม่ต้องการรอ เนื่องจากหากชาวราชวงศ์อสูรตาย เขาก็เสียโอกาสที่จะได้รับชิ้นส่วนไปน่ะสิ

 

ขณะที่เขากำลังก้าวลงจากรถ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนว่า “เจ้านาย พวกมันมีผลึกศิลาแดงอยู่กับตัว”

 

“ผลึกศิลาแดง!”

 

สีหน้าของซูเฉินเปลี่ยนไปทันที

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน

 

“เสี่ยวจือ … รีบเปิดประตูเร็ว!”

 

ซูเฉินออกคำสั่ง ทันทีที่ประตูอ้าปาก เขาก็กระโจนออกจากรถอย่างรวดเร็ว

 

“อาเฮียซู … ”

 

เฉินเฟิงพยายามหยุดเขา แต่ไม่มีโอกาสเลย

 

เมื่อไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงวิ่งตามออกไปเท่านั้น

 

เซี่ยจิงอี้กัดฟัน และตามลงไปติดๆ

 

ตัวเธอในเวลานี้ดูหดหู่มาก ลอบตำหนิซูเฉินว่าไม่ควรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้

 

แม้จะรู้ว่ามีผลึกศิลาแดง ก็แค่รอให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ มันก็คงไม่สายเกินไปหรอกใช่ไหม?

 

ทำไมต้องเป็นกังวล รีบไปถึงขนาดนี้ด้วย?

 

หลังจากที่ซูเฉินลงรถ เขาก็เปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ทะยานไปข้างหน้าทันที

 

“ว่องไวอะไรขนาดนี้!” เฉินเฟิงตกใจ

 

ในสายตาเขา เห็นแค่เพียงประกายพรั่งพราว จากนั้นก็สูญเสียร่องรอยของซูเฉินไป

 

ความเร็วที่น่าสะพรึงเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรก

 

“อ้าว เฮียซูไปไหนแล้ว?”

 

เซี่ยจิงอี้ลงมาเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ไม่พบซูเฉิน

 

เฉินเฟิงชี้ไปข้างหน้า กล่าวเสียงเบาราวกระซิบ “เขาไปทางนั้น พวกเราไล่ตามไปกันเถอะ”

 

 

ระยะทางหนึ่งกิโลเมตร สำหรับซูเฉิน พริบตาเดียวก็ถึงแล้ว

 

เมื่อชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 ทั้งสองตนเห็นมนุษย์รุ่นเยาว์คนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา พวกมันชะงักไปพักหนึ่ง ขณะเดียวกันหยุดการต่อสู้

 

ที่นี่คือทวีปของเผ่าราชวงศ์อสูร การที่จู่ๆมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏตัวขึ้น ถือเป็นเรื่องอุกอาจมาก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ผู้นี้กำลังตรงเข้ามาหาพวกมัน นี่ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่

 

“มนุษย์ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

หนึ่งในชาวราชวงศ์อสูรที่ขี่หมาป่าดำ จับจ้องซูเฉินไม่วางตา ตะโกนถามเสียงขรึม

 

“แน่นอน ว่าฉันมาที่นี่ก็เพื่อฆ่าพวกแก!”

 

ซูเฉินเบ้ปาก บนใบหน้าเผยท่าทีหยอกล้อ

 

ได้ยินแบบนั้น สองชาวราชวงศ์อสูรอึ้งไปเล็กน้อย

 

เผ่ามนุษย์คนหนึ่งกล้าขู่ว่าจะฆ่าพวกมัน?

 

ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถอาละวาดเช่นนี้?

 

สมองของมันใช่โดนลาเตะมาหรือไม่?

 

ซูเฉินไม่พูดพล่ามทำเพลง ง้างแขนและซัด [หมัดดาวตก] โจมตีออกไปทันที

 

วินาทีถัดมา เงาหมัดทองคำผุดพรายขึ้นกลางอากาศ กลืนร่างสองชาวราชวงศ์อสูรหายเข้าไปอย่างสิ้นเชิง

 

ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก .. กร๊อบ …

 

ภายใต้เสียงปะทะดังต่อเนื่อง สองชาวราชวงศ์อสูรและสัตว์ขี่ของพวกมัน กระดูกทั่วร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ นอนกองเป็นเนื้อเหลว

 

แม้ยังไม่ถึงตาย แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง

 

ในเวลาเดียวกัน เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ก็มาถึง

 

แต่เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ทั้งสองก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าท่าทีกลายเป็นเหม่อลอย

 

ซูเฉินหรี่ตากวาดมอง เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย ก็เรียก [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ออกมา เอ่ยกับมันว่า “เสี่ยวจิน สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 7 สองตัวนี้มอบให้นาย”

 

“ขอบพระคุณเจ้านาย!”

 

[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ตื่นเต้นดีใจมาก บินเข้าไป ในชั่วพริบตาเดียว สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 7 ทั้งสองตัวก็ถูกดูดเลือดจนแห้ง

 

ขณะเดียวกัน กลิ่นอายของเสี่ยวจินก็ค่อยๆเลื่อนขั้นกลายเป็นเลเวล 7

 

“เฮียซูมีแมลงสัตว์ร้ายเลเวล 6 เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณด้วยหรือนี่!” เซี่ยจิงอี้อ้าปากค้างไปถึงใบหู

 

เฉินเฟิงเดาะลิ้นเขา เอ่ยเสริมว่า “ตอนนี้มันกลายเป็นแมลงสัตว์ร้ายเลเวล 7 แล้ว!”