9/10

 

Ep.529

 

“เพราะข้าได้เข้าสู่มิติท้ารบ อำนาจกฏเกณฑ์แห่งไฟจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้น” หงส์เพลิงตอบ

 

ซูเฉินรู้สึกสับสน

 

ไม่ว่าจะเป็นมิติท้ารบ หรืออำนาจกฏเกณฑ์ ล้วนเป็นอะไรที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“ช่วยอธิบายที่นายพูดให้มันชัดเจน กับละเอียดกว่านี้ที” ซูเฉินเร่ง

 

หงส์เพลิงอธิบาย “มิติท้ารบเป็นสถานที่ที่เผ่าพันธุ์นับหมื่นของพวกเรา ต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายมิติ และอำนาจกฏเกณฑ์แห่งไฟ อาจถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยงแปลงเชิงคุณภาพของพลังเวทย์ หากการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ประสบความสำเร็จ พลังโจมตีของมันจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก”

 

การต่อสู้ระหว่างหมื่นเผ่าพันธุ์กับสัตว์ร้ายมิติ?

 

สัตว์ร้ายมิติคืออะไรกัน?

 

ซูเฉินยิ่งฟังยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเริ่มหวั่นวิตก เอ่ยถามหยั่งเชิงว่า “สัตว์ร้ายมิตินี่ไม่ใช่ว่าก็อยู่ในหมื่นเผ่าพันธุ์เหมือนกันหรือ?”

 

“สัตว์ร้ายมิติพเนจร ล่องลอยอยู่ในมิติ จำนวนของพวกมันมหาศาลมาก ความสามารถในการต่อสู้เองก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ในเลเวลเดียวกัน แทบโค่นได้ทุกเผ่าพันธุ์”

 

ระหว่างกล่าว หงส์เพลิงลอบมองซูเฉิน

 

เพราะในสายตามัน ซูเฉินคือผู้ไร้เทียมทานในเลเวลเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย ตรงจุดนี้มีความคล้ายคลึงกับสัตว์ร้ายมิติ

 

แค่ไม่รู้ว่าหากทั้งสองได้เผชิญหน้ากัน ผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่า?

 

“แล้วทำไมพวกนายถึงต้องสู้กับสัตว์ร้ายมิติด้วย?” ซูเฉินถามด้วยความสงสัย

 

ตามคำพูดของหงส์เพลิง คล้ายกับว่าหมื่นเผ่าพันธุ์จะจับมือกัน ร่วมต่อกรกับสัตว์ร้ายมิติ

 

แต่เท่าที่ซูเฉินรู้ คือระหว่างหมื่นเผ่าพันธุ์อยู่ในสภาพต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง แล้วจะไปเป็นพันธมิตรกันได้อย่างไร?

 

“เพราะสัตว์ร้ายมิติต้องการรุกรานเข้ามาในอาณาเขตหมื่นเผ่าพันธุ์ของพวกเรามาโดยตลอด ดังนั้นพวกมันจึงต้องถูกฆ่า และหากรุกรานได้สำเร็จ นั่นคือหายนะสำหรับหมื่นเผ่าพันธุ์” หงส์เพลิงกล่าวด้วยความกังวล

 

ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง เขาตกใจมาก

 

หมื่นเผ่าพันธุ์คือตัวแทนของดาวเคราะห์หมื่นดวง อาณาเขตนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด?

 

และเพื่อป้องกันการรุกรานของสัตว์ร้ายมิติ หมื่นเผ่าพันธุ์มีแต่ต้องจับมือกัน

 

ตรงจุดนี้บ่งบอกได้อย่างนึงว่า สัตว์ร้ายมิติแข็งแกร่งเพียงใด

 

หลังจากถอนหายใจ ซูเฉินเอ่ยถามต่อว่า “แล้วมิติท้ารบอยู่ที่ไหน?”

 

หากเข้าสู่มิติท้ารบ มีโอกาสที่จะปลุกอำนาจกฏเกณฑ์ขึ้นมาได้ และอานุภาพของมัน เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ดังนั้นเกิดความคิดที่จะไปยังมิติท้ารบ

 

“มิติท้ารบก็ตามชื่อ มันคือสถานที่พิเศษบางแห่งที่สร้างขึ้นในมิติ หน้าที่หลักคือจัดการสถานที่สำหรับต่อสู้ระหว่างหมื่นเผ่าพันธุ์และสัตว์ร้ายมิติ”หงส์เพลิงอธิบาย

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เริ่มปั่นความคิดในใจ “แล้วฉันจะเข้าสู่มิติท้ารบได้อย่างไร?”

 

“เจ้านายเป็นมนุษย์ หากต้องการเข้าสู่มิติท้ารบ จำเป็นต้องได้รับการแนะนำจากผู้ยิ่งใหญ่เผ่ามนุษย์” หงส์เพลิงบอกตามตรง

 

ผู้ยิ่งใหญ่เผ่ามนุษย์?

 

แล้วคนแบบนั้นจะต้องมีระดับฝึกตนในขั้นใดกัน

 

สีหน้าของซูเฉินแปรเปลี่ยนไป ลองเลียบเคียงถาม “เสี่ยวเหยียน เผ่ามนุษย์ของฉัน ผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับไหน?”

 

“ระดับเทวะ!”

 

ซู๊ดดดด!

 

ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง ที่แท้เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีตัวตนที่ยืนอยู่เหนือเลเวล 10 นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

เนื่องจากมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ แล้วเหตุใดเผ่าพันธุ์อื่นๆถึงบอกว่าเผ่ามนุษย์คือเผ่าอ่อนแอที่สุดเล่า?

 

“เสี่ยวเหยียน งั้นทำไมถึงมีข่าวลือบอกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอมาก?”

 

หงส์เพลิงอธิบายว่า “หมื่นปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์ถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นนำไม่เป็นสองรองใคร และมีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะอยู่เกือบร้อยคน”

 

“แต่ในสงครามระหว่างสัตว์ร้ายมิติ ผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์เหล่านั้นล้มหายตายจาก สิ่งนี้ส่งผลให้กำลังรบโดยรวมของเผ่ามนุษย์ลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆถูกเผ่าพันธุ์อื่นแซงหน้า หลายปีผ่านไปพวกเขายังไม่อาจฟื้นฟูกำลังรบ จึงค่อยๆอ่อนแอลง สุดท้ายจึงถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ”

 

10/10

 

Ep.530

 

ได้ฟังคำอธิบายของหงส์เพลิง หัวใจของซูเฉินเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

 

เผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อหมื่นปีที่แล้ว มีการดำรงอยู่ของระดับเทวะเกือบร้อยคน เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของทุกหมื่นเผ่าพันธุ์

 

ทว่าความรุ่งเรืองแบบสุดโต่งนี้กลับค่อยๆลดทอนลง จนปัจจุบันเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกกดขี่ข่มเหงจากทุกเผ่าพันธุ์ คิดแล้วก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้

 

หลังจากสงบสติอารมณ์ลง ซูเฉินยังคงถามต่อไปว่า “ถ้าฉันอยากเข้าสู่มิติท้ารบ จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ยิ่งใหญ่เผ่ามนุษย์เท่านั้นเองหรือ?”

 

“ขอรับเจ้านาย โควต้าที่จะเข้าสู่มิติท้ารบ ทั้งหมดถูกควบคุมโดยผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น นี่คือหนทางเดียว” หงส์เพลิงตอบอย่างมั่นใจ

 

ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นเอ่ยถามว่า “นายมีศิลาวิญญาณเหินอยู่กับตัวไหม?”

 

อย่าลืมสิว่าจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือเพื่อศิลาวิญญาณเหิน สำหรับเรื่องของมิติท้ารบ เขาต้องเข้าไปอย่างแน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในตอนนี้

 

“เจ้านาย ศิลาวิญญาณเหินตอนนี้อยู่ในมือของหอการค้าจูหลงแห่งเมืองเทียนหวังแล้ว”

 

“เอ๋?”

 

ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ศิลาวิญญาณเหินเป็นของล้ำค่า แต่หงส์เพลิงกลับบอกว่าขายไปแล้ว?

 

หอการค้าจูหลงเป็นขุมกำลังขนาดเล็กเท่านั้น แล้วพวกเขาจะรวบรวมศิลาวิญญาณเหินมากมายขนาดนั้นไปได้ยังไง?

 

“เสี่ยวเหยียน เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของนายไม่น่าจะขาดแคลนหินพลังงาน แล้วทำไมต้องเอาศิลาวิญญาณเหินไปขายด้วย” ซูเฉินสงสัยมาก

 

“เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราล้วนมีความสามารถในการบิน ดังนั้นศิลาวิญญาณเหินไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร การมอบให้หอการค้าจูหลงก็ไม่ใช่การขาย แต่เราปล่อยให้พวกมันประมูลแทน” หงส์เพลิงอธิบาย

 

“การประมูลจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

หากศิลาวิญญาณเหินตกอยู่ในมือของคนอื่นแล้ว มันคงไม่ง่ายที่จะไล่ตามคืนกลับมาอีกครั้ง

 

“น่าจะในอีกไม่กี่วันนี้”

 

“งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ”

 

ซูเฉินเป็นกังวลมาก กระโดดขึ้นขี่หลังหงส์เพลิง บินตรงกลับไปยังที่ตั้งของ [รถศึกอัจฉริยะ]

 

จากที่นี่ไปยังเมืองเทียนหวัง ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน จำเป็นต้องรีบเดินทางให้เร็วที่สุด

 

อีกด้านหนึ่ง ทุกคนบน [รถศึกอัจฉริยะ] เห็นว่าซูเฉินไม่กลับมาสักพักแล้ว ทุกคนก็เริ่มวิตกกังวล

 

“ดูนั่น พี่เฉินกลับมาแล้ว!”

 

ทันใดนั้นเอง สือตั้วตั้วร้องตะโกนเสียงดัง

 

“ไหน เขาอยู่ไหน?”

 

หยางเฉียนกับตันหลินรีบถาม

 

สือตั้วตั้วชี้ออกไปนอกรถ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พี่เฉินอยู่ตรงนั้น … แต่เขาขี่นกอะไรไม่รู้กลับมา แล้วเหมือนมันกำลังติดไฟด้วย”

 

“นกที่กำลังติดไฟ? อย่าบอกนะว่ามันคือสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 ตัวก่อนหน้านี้?”

 

ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ทั้งหมดมองไปยังทิศทางที่สือตั้วตั้วชี้

 

ในสายตาพวกเขา ไม่นานร่างของซูเฉินและหงส์เพลิงก็ปรากฏขึ้น

 

“พี่เฉินรับสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเขางั้นหรอ?” หยางฮ่าวอ้าปากกว้าง กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ

 

ซูเฉินสามารถขี่หงส์เพลิงกลับมาได้ นี่หมายความว่าหงส์เพลิงได้ถูกทำให้เชื่องแล้ว

 

เมื่อย้อนคิดไปถึงเรื่องที่ว่าหงส์เพลิงคือสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัว ทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าเต่าทรราชปราณฟ้า ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อมาก

 

แต่ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดความประทับใจในฝีมือของซูเฉิน

 

วูบบบ!

 

หงส์เพลิงร่อนลงหน้า [รถศึกอัจฉริยะ] บังเกิดลมกรรโชก พัดแรงจนรถศึกสั่นไหวเล็กน้อย

 

“ซูเฉิน นายรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณงั้นหรอ?”

 

ตันหลินวิ่งเหยาะๆลงจากรถ เดินมาข้างซูเฉิน สำรวจมองหงส์เพลิงอย่างตั้งใจ

 

“มันชื่อว่าเสี่ยวเหยียน นับจากนี้จะเป็นพรรคพวกของพวกเรา”

 

ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นแนะนำทุกคนให้ทำความรู้จักกับหงส์เพลิง

 

ต่อมา เขาเก็บหงส์เพลิงเข้าไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]

 

ทุกคนกลับขึ้นไปบนรถศึก แล้วมุ่งหน้าสู่เมืองเทียนหวัง

 

ตอนออกเดินทาง ซูเฉินทิ้งหวงหลิงไว้ที่นี่

 

สำหรับพวกสัตว์กลายพันธุ์ ทันทีที่หงส์เพลิงจากไป พวกมันก็เตลิดหายอย่างไร้ร่องรอย

 

เพื่อที่จะไปยังเมืองเทียนหวังให้เร็วที่สุด ซูเฉินจึงไม่ไล่ตามพวกมันไป