Ep.453

 

เห็นภาพนี้ มุมปากของซูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นเอง หนึ่งหมัดซัดเสยขึ้นไปในอากาศ

 

วู้มมมม!

 

ความแรงของหมัดแทรกผ่านชั้นอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว

 

พริบตานั้นเอง เงาหมัดทองคำนับ 100 ผุดพรายขึ้นกลางอากาศ แต่ละหมัดล้วนแผ่รังสีรุนแรงออก เมื่อผสมผสานเข้าด้วยกัน ให้ความรู้สึกราวกับสามารถถล่มขุนเขาพลิกทะเล ชวนให้ผู้คนหายใจไม่ออก

 

“กลิ่นอายน่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้!”

 

เห็นภาพตรงหน้า ชายหนุ่มบนเรือเหล็ก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

“นั่นคือเทคนิคหมัด! ที่แท้เขายังเป็นผู้วิวัฒนาการที่ทรงพลังด้วยเช่นกัน!” ชายชราหน้าดำเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

 

ตอนแรก เขาคิดว่าซูเฉินเป็นแค่ปรมาจารย์พลังจิต นั่นคือเหตุผลที่เขากล้าปล่อยผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนเข้าโจมตีซูเฉิน

 

เพราะถึงแม้ปรมาจารย์พลังจิตจะมีกลวิธีโจมตีอันพิสดาร แต่สมรรถภาพทางกายโดยทั่วไปแล้วแทบไม่ต่างจากปรมาจารย์มนตรา ทั้งคู่ค่อนข้างเปราะบาง

 

หากสามารถประชิดตัวได้ ย่อมไม่สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที และง่ายต่อการถูกสังหาร

 

แต่ก็นั่นแหละ ดั่งวลีความคิดมนุษย์มีหรือจะเทียบเท่าความคิดสวรรค์ เขานึกไม่ถึงเลยว่าซูเฉินจะเป็นผู้วิวัฒนาการด้วย แถมยังเป็นผู้วิวัฒนาการที่ครอบครองเทคนิคหมัดอีก

 

ซึ่งในสถานการณ์นี้ บ่งบอกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง

 

“สหาย โปรดยั้งมือ!” ชายหน้าดำตะโกนขึ้น

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้วิวัฒนาการทั้งสิ้น หากทุกคนถูกฆ่าตายที่นี่ จะเกิดความสูญเสียมหาศาล

 

ซูเฉินยิ้มหยัน หมัดที่ยังง้างไม่สุดยังคงชกออกไป

 

ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!

 

ท่ามกลางเสียงชุดหมัดกระแทกกระทั้นดังกึกก้อง เห็นแค่เพียงมนุษย์นับสิบคนราวกับถูกทุบด้วยค้อนปอนด์ ระเบิดตัวแตกกลายเป็นละอองเลือด

 

กลิ่นคาวเลือดแพร่กระจายเต็มชั้นอากาศ

 

“นี่แก … จะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”

 

เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ฟังคำห้ามปรามกันเลยสักนิด จมูกของชายหน้าดำก็เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

 

“รังแกกันแล้วมันจะทำไม?”

 

ซูเฉินแค่นเสียงฮึคำหนึ่ง กระโดดขึ้นไปบนเรือเหล็ก

 

“สหาย ฉันรู้ว่าคุณแข็งแกร่ง แต่ราชวงศ์เฝิงซีของเราก็หาใช่ตัวกินพืชที่จะยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ฉันขอแนะนำให้คุ–”

 

แม้ชายชราหน้าดำจะเป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอย่างซูเฉินที่มีถึงสองอาชีพ ลึกๆในใจเขารู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก

 

ขณะที่เขากำลังจะใช้สถานะของตนข่มซูเฉิน ทันใดนั้นพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นพลันกดทับลงมา คำพูดที่เหลือถูกกลืนกลับลงไป

 

แน่นอนว่าคนที่ลงมือคือซูเฉิน เขาไม่อยากฟังคำพูดพล่อยๆของอีกฝ่ายแล้ว

 

พริบตาที่เขาปลดปล่อยพลังจิตเข้าพันธนาการชายหน้าดำ เจ้าตัวก็เริ่มรังแกอีกฝ่ายต่อทันที วินาทีนั้นบังเกิดแสงจรัสสีทองในมือ หนึ่งหมัดซัดเข้าตรงหน้าอกของชายชรา

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงลมกรรโชกที่กวาดเข้ามา สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง พยายามดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของพลังจิต

 

กระนั้น ตัวเขาถึงอย่างไรเป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 หากคิดสลัดหลุดในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีทางเป็นไปได้

 

ได้ยินเพียงเสียงดังปั๊ก!

 

หมัดของซูเฉินกระแทกเข้าหน้าอกชายชราหน้าดำอย่างแรง ตามมาติดๆด้วยเสียงกระดูกหักอันคมชัด หน้าอกของชายชราหน้าดำยุบลงเป็นหลุมใหญ่ ล้มหงายหลังฟาดโครม! ลงกับพื้นอย่างแรง

 

โชคดีที่เขาเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 บวกกับซูเฉินจงใจออมแรงไว้ชีวิตเขา ชายชราเลยยังไม่ตายทันที

 

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป

 

“พืชวิญญาณกับผลไม้วิญญาณที่เหลืออยู่ที่ไหน?” ซูเฉินจับจ้องชายชราหน้าดำ เอ่ยถามเสียงเย็น

 

“ไม่ได้อยู่กับพวกเรา ทุกลูกล้วนอยู่ในมือของเฉินเมิ่งเฟย!” ชายชราหน้าดำพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด รีบตอบกลับไป

 

เขารู้ดีว่าชีวิตของตนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของซูเฉินแล้ว ดังนั้นไม่กล้าโกหกหรือปิดบัง

 

“เฉินเมิ่งเฟย … ”

 

ซูเฉินพึมพำ ก่อนถามต่อว่า “ใช่ผู้หญิงที่ขับเรือไม้คนก่อนหน้านี้รึเปล่า?”

 

“ใช่” ชายชราหน้าดำพยักหน้าพร้อมตอบ

 

ซูเฉินหันศีรษะไปตามทิศทางที่เฉินเมิ่งเฟยจากไปจนลับตา และยิงใบมีดสายลมออกไปโดยไม่มีการกล่าวเตือนใดๆล่วงหน้า ปลิดชีวิตชายชราหน้าดำ

 

จากนั้น เขาก็กวาดมองไปยังชายหนุ่มเป็นรายต่อไป

 

ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน คิดกำจัดหญ้าก็ต้องถอนโคน

 

สบสายตาเข้ากับซูเฉิน ชายหนุ่มสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง คุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอความเมตตาเสียงดัง “ผู้อาวุโส พ่อของฉันคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

 

“อ้อเหรอ?” สีหน้าของซูเฉินไม่หวั่นไหว อุทานออกมาเบาๆ

 

เขาไม่ได้หวั่นกลัวผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 แต่กำลังเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

 

เพราะข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา เขาทราบว่ามนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดจากเผ่านับหมื่น กระทั่งเผ่าขยะอย่างเผ่าเต่าเขียวก็ยังดูถูกมนุษย์

 

ไม่ว่าจะเจอกับพวกต่างเผ่าที่ไหน พวกมันมักเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน จนเขาเองยังพลอยคิดว่าเผ่ามนุษย์อ่อนแอที่สุด ไม่ง่ายเลยที่จะถือกำเนิดผู้ฝึกตนเลเวล 5 ซักคนหรือสองคน

 

อย่างไรก็ตาม ไม่เคยนึกเลย ว่าในเผ่ามนุษย์จะมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 อยู่เช่นกัน

 

ซึ่งในกรณีนี้ มันค่อนข้างไม่สอดคล้องกับข่าวลือที่เคยได้รับมา

 

เมื่อคาดเดาไปก็คงไม่พบคำตอบ ซูเฉินจึงหยุดคิด

 

หลังจากสังหารชายหนุ่ม ซูเฉินก็ออกค้นหาข้างในเรือเหล็ก เมื่อไม่เจอของมีค่าใดๆ ก็กลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]

 

Ep.454

 

สิ่งแรกที่ทำ คือก้มมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

บนหน้าจอ พบจุดสีน้ำเงินจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

 

“แล่นได้เร็วจริงๆ”

 

ซูเฉินพึมพำ ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ล็อคเป้าเรือไม้ลำเล็กก่อนหน้านี้ ไล่ตามให้ทัน”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่มเร่งเครื่องยนต์ ไล่ตามไป

 

เรือไม้ที่เฉินเมิ่งเฟยขับอยู่ แม้ไม่ใหญ่มาก แต่ความไวของมันกลับรวดเร็วจนน่าตกใจ

 

แม้ [รถศึกอัจฉริยะ] จะเร่งความเร็วสูงสุด แต่ก็ยังไม่สามารถไล่ประชิดได้ในทันที

 

อย่างไรก็ตาม ยิ่งนาน ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายค่อยๆหดแคบลงเรื่อยๆ แบบนี้จะจับตัวได้เมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับเวลา

 

แล้วอีกอย่าง ทิศทางที่เฉินเมิ่งเฟยมุ่งหน้าไปคือเกาะว่านเหลียนซาน และซูเฉินกำลังจะไปที่นั่นพอดี เขาจึงไม่รีบร้อนอะไร

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึง 30 ไมล์ จู่ๆเรือของเฉินเมิ่งเฟยก็เปลี่ยนทิศทาง จากเดินหน้าเป็นถอยหลัง

 

ซูเฉินรู้สึกสับสนกับการกระทำนี้เล็กน้อย แต่ในจังหวะนั้นเอง [รถศึกอัจฉริยะ] ได้เอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “เจ้านาย ตรวจพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า”

 

ซูเฉินก้มลงมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และพบว่าจุดสีดำกว่าสิบจุดกำลังไล่ตามจุดสีน้ำเงิน

 

จุดสีน้ำเงินย่อมไม่พ้นเป็นเรือของเฉินเมิ่งเฟย

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจอพวกต่างเผ่า เฉินเมิ่งเฟยจึงเปลี่ยนทิศทางและหลบหนีไป

 

“เสี่ยวจือ ขยายภาพซิ” ซูเฉินสั่ง

 

ความว่องไวของพวกต่างเผ่าบนหน้าจอรวดเร็วมาก เขาต้องการจะดูว่ามันมาจากเผ่าพันธุ์ไหน

 

หน้าจอควบคุมส่วนกลางค่อยๆซูมเข้า ไม่นาน เรือไม้ลำเล็กของเฉินเมิ่งเฟยก็ปรากฏขึ้น และบนท้องฟ้าเหนือเรือ แสดงให้เห็นถึงปีกสีดำกว่าสิบคู่กำลังโผบินอยู่ และสีผิวของพวกมันคือสีฟ้า

 

“ที่แท้ก็เป็นเผ่าปีศาจราตรี!” ซูเฉินเอ่ยเสียงเบา

 

ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเกาะว่านเหลียนซาน เป็นไปได้อยู่แล้วที่จะพบเจอประชากรของพวกมัน

 

ไม่นาน เรือไม้ลำเล็กก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันแล่นตรงมายัง [รถศึกอัจฉริยะ]

 

“นังผู้หญิงนี่คงคิดจะใช้แผนเดิมอีกแล้ว!” ซูเฉินเบ้ปาก แค่นเสียงเย็น

 

เขาคิดได้ทันที ว่าเฉินเมิ่งเฟยคงหมายจะเล่นกลให้ผู้อื่นตกเป็นแพะรับบาปอีกครั้ง ต้องการล่อเผ่าปีศาจราตรีมาให้เขา

 

การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า จิตใจของเฉินเมิ่งเฟยชั่วร้ายมาก

 

อย่างไรก็ตาม ในวันสิ้นโลก หากใจท่านไม่โหดเหี้ยม คงเป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตอยู่

 

สำหรับข้อนี้ ซูเฉินเข้าใจดี

 

เมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร เผ่าปีศาจราตรีก็สังเกตเห็น [รถศึกอัจฉริยะ] ทันใดนั้นเผ่าปีศาจราตรีกว่า 5 ตัวได้พุ่งเปลี่ยนทิศทางเข้ามา

 

ซูเฉินเปิดประตูรถ ปลดปล่อยใบมีดสายลมเต้อนรับเผ่าปีศาจราตรีที่กำลังใกล้เข้ามา

 

ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟฟฟฟ!

 

เผ่าปีศาจราตรีทั้งห้าถูกหั่นแยกเป็นชิ้นๆ ศพร่วงหล่นลงจากฟ้า

 

ขณะเดียวกัน อีกห้าชิ้นส่วนค่อยๆร่วงลงจากศพของพวกมัน

 

“เขาเป็นปรมาจารย์มนตราที่แข็งแกร่ง รีบถอยเร็ว!”

 

เผ่าปีศาจราตรีที่เหลือเมื่อเห็นฉากนี้ ก็ล้มเลิกความคิดที่จะไล่ตามเฉินเมิ่งเฟยอีก หันหลังและบินหนีไป

 

ซูเฉินไล่ตามพวกมัน ชูมือขึ้นฟ้าและยิงใบมีดสายลมอีกครั้ง สังหารพวกมันทั้งหมดลงได้อย่างง่ายดาย

 

จากนั้น เขาก็เดินโต้คลื่นไปเก็บชิ้นส่วนที่ดรอปลง

 

เฉินเมิ่งเฟยบนเรือไม้ถูกกำลังรบอันแข็งแกร่งของซูเฉินข่มขวัญจนใจเต้นแรง รู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติก็คิดฉวยโอกาสที่ซูเฉินไม่ทันสังเกตเห็น ค่อยๆแล่นเรือเล็กจากไป

 

แต่ในเวลานั้นเอง เสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามาในหูเธอ “ถ้าแกกล้าขยับ ฉันฆ่าทิ้งแน่!”

 

คนที่เอ่ยประโยคนี้มิใช่ใครอื่น แต่เป็นซูเฉิน

 

เฉินเมิ่งเฟยสะดุ้งโหยง เมื่อเผชิญกับคำขู่ของซูเฉิน สุดท้ายเธอล้มเลิกความคิดที่จะหลบหนี

 

ซูเฉินก้มเก็บชิ้นส่วนเสร็จ ก็กลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] ตวาดใส่เฉินเมิ่งเฟย “ไสหัวมานี่!”