Ep.306

 

จากข้อมูลที่ได้รับ ซูเฉินได้เรียนรู้ว่า น้ำหนักรวมของ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] ก็มีมากถึง 10,000 จิน เท่ากับ [หินบดดาราเทียนกัง]

 

แต่ที่แตกต่างกันก็คือ [หินบดดาราเทียนกัง] มีพลังแห่งดวงดาว มันสามารถสร้างพลังแห่งพันธนาการได้

 

ในขณะที่ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] มีคุณสมบัติแผดเผาจากใต้ปฐพี ตรงจุดนี้มีความคล้ายคลึงกับเวทย์ไฟ

 

หลังจากเก็บชิ้นส่วนแล้ว ซูเฉินก็เดินกลับมาหาหานเฟิง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หาน คุณมีแผนจะทำอะไรต่อไป?”

 

หานเฟิงได้สติกลับมา ส่ายหัวอย่างว่างเปล่า

 

เดิมที เขาคิดจะปักหลักอยู่ในเมืองจิงกัง

 

แต่เมืองจิงกังดันถูกพวกเต่าเขียวเข้าโจมตี ดังนั้นเลยต้องหลบหนีมา

 

ส่วนจากนี้จะไปที่ไหน เขายังไม่มีแผนเลย

 

ไม่ใช่ว่าเขาไร้สมอง ไม่มีความคิด แต่การหาสถานที่ปลอดภัยจริงๆในวันสิ้นโลก มันยากเย็นยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์

 

ซูเฉินคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “งั้นไปที่สถานชุมชนเฝิงซีสิ ผู้นำของพวกเขาคือสหายของผมเอง”

 

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหานเฟิงเปล่งประกายขึ้นทันที

 

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานชุมชนเฝิงซีมาก่อน แม้เป็นสถานชุมชนขนาดเล็ก แต่บรรยากาศค่อนข้างดี

 

มีแต่คนบอกว่าผู้นำของที่นั่นมีความรับผิดชอบสูง แถมยังเป็นคนที่มีความสามารถมาก

 

อาจกล่าวได้เลยว่า สำหรับหานเฟิงแล้ว สถานชุมชนเฝิงซีเป็นตัวเลือกในการตั้งหลักที่ไม่เลว

 

แต่สิ่งที่ช่วยให้หานเฟิงตัดสินใจได้เด็ดขาดก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซูเฉินกับผู้นำ นั่นหมายความว่าหากเขาไป เขาจะไม่ถูกปฏิเสธหรือขับไล่แน่นอน

 

“ซูเฉิน ขอบคุณมาก!” หานเฟิงรู้สึกซาบซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

เขากับซูเฉินมีชะตาพบกันเพียงสองครั้ง

 

ครั้งแรกซูเฉินมอบอาหารให้เขา

 

ครั้งนี้ซูเฉินช่วยชีวิตเขาไว้

 

หานเฟิงไม่รู้จะเอ่ยอะไร เพื่อแสดงความขอบคุณที่มีต่อซูเฉิน

 

ซูเฉินโบกมือ กล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “พี่หานรีบเดินทางเถอะ ผมต้องไปเมืองจิงกังต่อ”

 

ยังเหลือเต่าเขียวอีกนับหมื่นตัวกำลังรอให้ล่าอยู่ในเมืองจิงกัง เอาจริงๆตอนนี้ซูเฉินร้อนใจจนแทบอดไม่ไหวแล้ว

 

“ซูเฉิน คุณคงไม่คิดไปฆ่าพวกต่างเผ่าหรอกนะใช่ไหม?” สีหน้าของหานเฟิงแปรเปลี่ยน เลียบเคียงถามดู

 

ซูเฉินและคนเหล่านี้ ครอบครองกำลังรบที่แข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าเมืองจิงกังมีพวกต่างเผ่าอยู่นับไม่ถ้วน

 

และพวกต่างเผ่าพันธุ์นั้นเก่งกว่าซอมบี้ หากซูเฉินไป จะไม่เท่ากับพาตัวเองไปตายหรือ?

 

ซูเฉินยิ้ม ไม่อธิบายใดๆ เพียงเอ่ยว่า “พอคุณไปถึงสถานชุมชนเฝิงซี แค่พูดว่าคุณเป็นเพื่อนผม แล้วพวกเขาจะปฏิบัติต่อคุณอย่างสุภาพ”

 

ว่าจบ ซูเฉินก็พาทุกคนกลับขึ้นไปใน [รถศึกอัจฉริยะ] กล่าวร่ำลาหานเฟิง จากไปอย่างสง่าผ่าเผย

 

เฝ้ามอง [รถศึกอัจฉริยะ] หายลับไปจากสายตา หานเฟิงเงียบงัน

 

ถึงตอนนี้ เฉินเหมยฮวา ก้าวออกมาข้างหน้า ถามเสียงแผ่วว่า “พวกเราจะทำยังไงกันต่อ?”

 

หานเฟิงกัดฟัน “ไปเมืองจิงกังกัน”

 

ในความคิดเขา การเดินทางไปเมืองจิงกังของซูเฉิน คงประสบโชคร้ายมากกว่าดี

 

ดังนั้น แม้ความแข็งแกร่งของหานเฟิงจะต่ำ แต่สุดท้ายเขายังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ดังนั้นน่าจะช่วยเหลือซูเฉินได้ไม่มากก็น้อย

 

เพราะอย่างไรเสีย เป็นซูเฉินที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ตามหลักเหตุผลแล้วสมควรตามไปช่วยเหลือ

 

 

ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุด [รถศึกอัจฉริยะ] เริ่มเข้าไปใกล้เมืองจิงกัง

 

เมืองจิงกังในเวลานี้ บรรยากาศของเมืองใหญ่ในอดีตได้มลายหายไปแล้ว ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกสีเลือด

 

ดูอึมครึมและหดหู่

 

สามารถได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเศร้าโศกและบ้าคลั่งสะท้อนเข้ามาได้ลางๆ

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเวลานี้เมืองจิงกังกำลังประสบภัยพิบัติ!

 

ซูเฉินยืนอยู่หน้ารถ กวาดสายตามอง

 

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ารอบๆเมืองจิงกังไม่ได้มีเพียงเผ่าเต่าเขียวจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังมีซอมบี้อีกหลายพันตัวปะปนอยู่ด้วย

 

เผ่าเต่าเขียวมีความสามารถในการควบคุมซอมบี้ เรื่องนี้เขารู้ดี

 

เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตรงหน้า เป็นเผ่าเต่าเขียวที่รวบรวมซอมบี้บางส่วนมา และใช้มันร่วมกันโจมตีเมืองจิงกัง

 

“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ ออกไปฆ่าพวกมัน อย่าปล่อยให้เหลือไว้แม้แต่ตัวเดียว!” ซูเฉินประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่น