Ep.289

 

และที่ทำให้พวกเขายากจะทำใจยอมรับขึ้นไปอีกก็คือ ในตอนที่ซูเฉินเดินออกมา เขาทำท่าทางปัดตามเสื้อผ้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มจางที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก คล้ายที่ผ่านมา ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

หรือว่าเทคนิคเวทมนต์และศรแหลมเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา?

 

เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาโจมตีพลาด เลยไม่โดนเป้าหมาย?

 

หรืออาจเป็นเพราะซูเฉินแข็งแกร่งเกินไป การโจมตีแสนรุนแรงนี้จึงไม่อาจทำอะไรได้?

 

ไม่ว่าจะข้อไหนก็น่าเหลือเชื่อทั้งนั้น คนจากสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน ทั้งหมดตกอยู่ในความตื่นตะลึงและสับสน

 

“อาศัยแค่มดปลวกอย่างพวกแก คิดหรือว่าจะล้มฉันได้? ช่างไม่รู้จักประมาณตน!” ซูเฉินแสยะยิ้มเย็น ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

 

ด้วยพลังของ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] มันสามารถสลายการทุกการโจมตีในเลเวลเดียวกันหรือต่ำกว่าได้

 

ถันสือไห่ผู้มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ยังเป็นแค่ปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 เท่านั้น แล้วแบบนี้ยังจะมีใครทำร้ายเขาได้อีก?

 

แม้ซูเฉินจะเดินไปอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวของเขา สั่นคลอนหัวใจของคนจากสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน ให้ความรู้สึกราวกับว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา

 

สุดท้าย พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันมาอ้อนวอนถันสือไห่

 

“ท่านเจ้าเมือง เขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว! พวกเรารีบหนีกันเถิด!”

 

“ท่านผู้นำพันธมิตร รีบล่าถอยกันก่อน ท้องทะเลกว้างใหญ่ หากเร่งจากไปคงหลบหนีได้ไม่ยาก!”

 

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉิน มันเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา

 

คมแหลมจากศรมิอาจทำร้าย เวทมนต์ก็ใช้ไม่ได้ผล เผชิญหน้ากับการดำรงอยู่อันน่าขวัญผวาที่มิอาจเข่นฆ่า แล้วพวกเขาจะเหลือความอาจหาญที่จะต่อกรกับเขาได้อีกอย่างไร?

 

ณ ขณะนี้ เอาตรงๆ พวกเขาปรารถนาจักมีปีกสักคู่ จะได้โบยบินไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

 

“ถอนกำลัง! กลับไปยังเมืองถันไห่ ประกาศล่าถอยเดี๋ยวนี้!”

 

ถันสือไห่ได้สติกลับมา ออกคำสั่งเร่งด่วน

 

เขาบังเกิดความหวาดกลัวในตัวซูเฉิน หวาดกลัวชนิดขี้ขึ้นสมอง ในใจคิดถึงแต่การหลบหนี หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

 

ตราบใดที่เขาไม่พบหน้าซูเฉินอีก ต่อให้หนีไปถึงสุดขอบโลกก็ยอม

 

ส่วนเรื่องหน้าตานับเป็นสิ่งใด? ศักดิ์ศรีบ้าบออะไร? เมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆแล้ว ที่กล่าวมามันก็แค่ลมตด!

 

“คิดจริงๆหรือว่าจะหนีรอดไปได้?” ซูเฉินเย้ยหยัน เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง รีบพุ่งไปยังข้างหน้า

 

เมื่อเข้าประชิดเรือลำใหญ่ หนึ่งเท้าทิ้งน้ำหนักลงบนผิวน้ำ บังเกิดละลอกคลื่นกระเพื่อมทุกทิศทาง ถีบตัวกระโจนขึ้นฟ้า ตามด้วยหนึ่งหมัดชกออกไปกลางอากาศ

 

แทบจะในทันที ปรากฏกำปั้นทองคำนับร้อยผุดพรายขึ้นอย่างไร้ที่มา ทุกเงาหมัดแผ่กลิ่นอายอันรุนแรงและทรงพลัง ก่อกวนอากาศที่ว่างเปล่าจนสั่นสะเทือนเป็นเสียงหึ่ง หึ่ง

 

“นั่นมันอะไรกัน?”

 

ถันสือไห่ตกใจกลัวจนขาทั้งสองข้างสั่นระริก ลูกน้องคนอื่นๆตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของกำปั้นทองคำ จนไม่แม้จะสามารถเอ่ยปากได้

 

“หมัดดาวตก!”

 

ซูเฉินตะโกนลั่น ชกออกไปสุดแรง

 

ตูม ตูม ตูมมมม!

 

ตามมาติดๆด้วยเสียงปะทะดังกึกก้องรุนแรงติดต่อกันเป็นร้อยครั้ง ภายใต้การทำลายล้างอย่างไร้ปราณีของ [หมัดดาวตก] เรือใหญ่ซึ่งมีความยาวกว่า 100 เมตร ถูกชกจนแหลกเป็นชิ้นๆ

 

ถันสือไห่และคนอื่นๆก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคำนิยามว่าแหลกเป็นชิ้นๆเช่นกัน ซากชิ้นส่วนศพของพวกเขาตกลงไปในทะเล ก่อนจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“โอ้สวรรค์! หนีเร็ว! เขาไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็นปีศาจร้าย!”

 

คนบนเรืออีกสองลำหวาดกลัวแทบอกแตกตาย หันหัวเรือใหญ่พยายามหลบหนีไปให้ไกล

 

อัตราเร็วของพวกเขาค่อนข้างเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถหลบหนีออกไปได้ไกลนับ 100 เมตรแล้ว

 

ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ยิงตอร์ปิโดสองลูก ฆ่าพวกมัน”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เปิดเครื่องยิงตอร์ปิโด ปล่อยสองกระสุนใหญ่ดังหวือ หวือ! และตามมาติดๆด้วยเสียง บรึ้ม บรึ้ม!

 

บังเกิดเสียงอึกทึกดังกึกก้อง สองเรือใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล

 

“เอาล่ะ พวกเราเริ่มงานกันต่อเถอะ”

 

ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง ก้าวบนผิวน้ำไปยังอัญมณีมนต์ต้องห้าม มองสำรวจมันสักพัก ก็ใส่ลงในถุงเก็บของ

 

หน้าที่ของอัญมณีมนต์ต้องห้ามนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดมาก

 

ดูเหมือนว่ามันสามารถตัดสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างร่างกายกับพลังเวทย์ได้

 

เจ้าสิ่งนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นตั้งใจว่าหากมีเวลาจะศึกษามัน