Ep.287

 

ซูเฉินยังคงเก็บซากศพสัตว์ทะเลต่อไป จนกระทั่งเรือใหญ่ของอีกฝ่ายแล่นมาได้ครึ่งทาง

 

หวู่หยางและคนอื่นๆสังเกตเห็นผู้มาเยือน ทั้งหมดหยุดเก็บกู้ซากสัตว์ ยกอาวุธของตนขึ้น ตั้งท่าป้องกัน

 

ซูเฉินหรี่ตา และกวาดไปทางเรือใหญ่สามลำ

 

เรือทั้งสามลำนี้ มองจากภายนอกแทบไม่แตกต่างจากเรือลำก่อน

 

อย่างไรก็ตาม มันมีขนาดเล็กกว่า ยาวเพียง 100 เมตร แค่หนึ่งในสามของเรือลำแรก

 

ช่วงเวลานี้ บนหัวเรือลำกลาง มีคนนับสิบกำลังยืนล้อมคนๆหนึ่งอยู่

 

คนที่ว่าเป็นชายชราที่มีโหนกแก้มสูง และตาสองข้างเล็กเท่าเม็ดถั่ว

 

หลังจากสำรวจดูซูเฉินและคนอื่นๆ เขาก็หันไปถามชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆว่า “ใช่พวกเราหรือเปล่า”

 

“ท่านเจ้าเมือง เป็นพวกเขา และคนที่ปลดปล่อยเวทย์สายฟ้า คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าสุด”

 

ชายวัยกลางคนรีบตอบ เขาเป็นคนเดียวบนเรือที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง คาดว่าคงเป็นหนึ่งในคนบนเรือเล็กที่หนีรอดไปได้

 

ก่อนหน้านี้ ฉากที่ซูเฉินจมเรือใหญ่ด้วยกระบวนท่าเดียว ยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำเขา ตอนนั้นเขาเกือบตายกลางทะเลไปแล้ว

 

เมื่อได้พบกับซูเฉินอีกครั้ง แม้จะมาพร้อมกับยอดฝีมือมากมายจากทะเลแห่งการหลงเลือน เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

 

“เจ้าหนู แกเป็นคนฆ่าสหายเมืองถันไห่ของพวกเราใช่รึเปล่า? และเป็นคนที่ทำลายเรือใหญ่ของเรา? คงรู้ใช่ไหมว่าจะโดนลงโทษยังไง!” สีหน้าของชายชราตาเม็ดถั่วมืดมนไม่ต่างจากน้ำทะเลเบื้องล่าง ตวาดลั่นด้วยความโกรธ

 

เขาจะเป็นใครอื่นไปได้อีก หากมิใช่ถันสือไห่ เจ้าเมืองถันไห่ และยังเป็นผู้นำพันธมิตรของสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือนอีกด้วย

 

เมื่อรู้ว่าเรือใหญ่ของเมืองถันไห่ถูกทำลาย และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาถูกสังหาร เจ้าตัวก็แทบเก็บงำความโกรธเอาไว้ไม่อยู่

 

ไม่ว่าจะเรื่องเรือใหญ่ หรือลูกน้องเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นไพ่ใบสำคัญของเขาในการรักษาตำแหน่งในทะเลแห่งการหลงเลือน

 

แต่ปัจจุบัน มันได้ถูกซูเฉินทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ตำแหน่งในทะเลแห่งการหลงเลือนของเขาไม่มั่นคงอีกต่อไป

 

ดังนั้น ซูเฉินและพรรคพวกจะต้องถูกกำจัดในวันนี้ เพื่อเรียกคืนความรุ่งโรจน์ของเมืองถันไห่ให้กลับมา

 

สร้างความชัดเจนให้ผู้อื่นเห็น ว่าทะเลแห่งการหลงเลือน ยังคงเป็นโลกของถันสือไห่ผู้นี้

 

แน่นอน เขาตระหนักดีว่าซูเฉินทรงพลังเพียงใด

 

หากคิดกำจัดผู้แข็งแกร่งเช่นซูเฉิน เขาต้องเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่

 

การเดินทางในครั้งนี้ เขามาพร้อมกับสมบัติที่สามารถสะกดซูเฉินได้ ดังนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

“พวกแกกล้าดียังไงถึงมาปล้นซากสัตว์ทะเลจากเมืองถันไห่ของฉัน ทำแบบนี้ไม่ต่างการจากแสวงหาความตายด้วยตัวเอง!”

 

ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าของซูเฉิน แค่นเสียงเย็นชา “ถ้ายังฉลาด ก็รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นพวกแกทั้งหมดจะต้องตาย!”

 

“ฮะ ฮ่า ฮ่า ..”

 

ถันสือไห่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นถลึงมองซูเฉิน ในแววตาเขาแผ่ไอเย็นที่เสียดแทงลึกไปถึงกระดูก

 

เขาขบกรามแน่น กล่าวว่า “ฉันรู้ว่าแกเป็นปรมาจารย์มนตราที่ทรงพลัง แต่ถ้าคิดเหิมเกริมต่อหน้าฉัน ถือว่ายังอ่อนหัด! วันนี้ชายชราจะกำราบแกลงอย่างเด็ดขาดเอง!”

 

สิ้นเสียง เขายกมือขึ้น คลายวัตดถุที่คล้ายกับเพชรทับทิมออกมา ปล่อยมันลงสู่ผิวทะเล

 

 

“ตาแก่แซ่ถันนั่นทำเป็นพูดข่ม มันคิดจริงๆหรือว่าจะสู้พี่เฉินได้?” หยางฮ่าวมองไปทางเรือใหญ่ที่ถันสือไห่อยู่ ถ่มน้ำลายออกไป

 

ถัดมาเป็นเฉาหรานข้างๆเอ่ยเสริม “บางคนแก่แล้ว สมองก็แก่ตาม ขนาดพี่เฉินยังกล้ายั่วโมโห สงสัยมีชีวิตมานานเกินไป จนไม่อยากมีต่ออีกแล้ว เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้”

 

สือต้าหนิวถอนหายใจ “อายุปูนนี้ เก็บชีวิตไว้ใช้ต่ออีกสักหน่อยไม่ดีรึไง?”

 

ในความคิดของพวกเขา ซูเฉินคือตัวตนคงกระพัน

 

ถันสือไห่หยิ่งผยองนัก หากอีกฝ่ายคิดต่อสู้กับซูเฉิน การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย

 

ความสนใจของซูเฉินจดจ่ออยู่กับอัญมณีสีแดงทับทิม เขาสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดจากมัน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าหนู ภายใต้แสงแห่งอัญมณีมนต์ต้องห้ามของฉัน พลังเวทย์ของแกจะเหือดแห้งไม่มีเหลือ ทีนี้มาดูกันว่าแกยังกล้าอวดดีกับฉันอีกไหม”

 

ว่าจบ ถันสือไห่ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง