Ep.251

 

สิ่งแรกที่ซูเฉินหยิบขึ้นมาคือชิ้นส่วนสีเขียว

 

“คุณได้รับ [ใบมีดแห่งจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (2/50) , จำนวนองค์ประกอบยังไม่ครบ ไม่สามารถปลดล็อคได้ ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานหรือไม่?”

 

[ใบมีดแห่งจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์] ชิ้นแรกที่ดรอปต้องย้อนกลับไปถึงเทือกเขาฮวงเจ๋อ หลังจากนั้นมันไม่เคยดรอปอีกเลย

 

หลังจากลังเลเล็กน้อย ซูเฉินก็แปลงมันเป็นแต้มพลังงาน

 

เพราะ [ใบมีดแห่งจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์] น่าจะเป็นเทคนิคลับของพลังจิต และแต้มพลังงานที่แลกเปลี่ยนคือ 5,000 แต้ม

 

แม้มันจะไม่ดีเท่ากับ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] หรือ [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า]

 

แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นเทคนิคที่ดีชิ้นหนึ่งเช่นกัน

 

แต่พอได้ลองพิจารณาดูแล้วว่ากว่าจะรวบรวมชิ้นส่วนได้ทั้งหมด ต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่ทราบ ดังนั้นเมื่อดรอปชิ้นที่สอง เขาเลยตัดสินใจแปลงเป็นแต้มพลังงาน

 

และเอาไว้ถึงเวลาจะใช้เมื่อไหร่ ค่อยใช้แต้มพลังงานแลกเปลี่ยนเอา

 

สรุปคือเก็บไว้แค่อันเดียวก็พอแล้ว

 

จากนั้น เขาก็ไล่เก็บชิ้นส่วนต่อ

 

ชิ้นที่สองเป็นชิ้นส่วนสีม่วง

 

“คุณได้รับ [เหมันต์เยือกแข็งทางตอนเหนือ] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (3/10) , จำนวนองค์ประกอบยังไม่ครบ ไม่สามารถปลดล็อคได้ ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานหรือไม่?”

 

“ไม่แลก”

 

[เหมันต์เยือกแข็งทางตอนเหนือ] ฟังจากชื่อก็น่าจะเหมือนกับ [เหมันต์เก้าเร้นลับ] ซึ่งเป็น ‘วัตถุไร้รูปร่างประเภทน้ำแข็ง’ (ที่ผ่านมาผมเขียนว่าเทคนิคธาตุ แต่จริงๆไม่ใช่นะครับขออภัย ทุกชิ้นเลย ประมาณเป็นไอเท็มเสริมที่ช่วยเพิ่มพลังธาตุนั้นๆอะครับ)

 

[เหมันต์เยือกแข็งทางตอนเหนือ] เดิมเหมือนจะปรากฏขึ้นก่อนตั้งนานแล้ว

 

แต่จนถึงบัดนี้ เขายังคงรวบรวมมันได้แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น

 

ในทางตรงกันข้าม [เหมันต์เก้าเร้นลับ] ถูกรวบรวมจนครบ และผสานเข้ากับเวทย์น้ำแข็งเป็นที่เรียบร้อย

 

จากนั้น ซูเฉินก็ไล่เก็บชิ้นส่วนต่อ

 

หลังจากเก็บรวบรวมไปได้หลายสิบชิ้น หญิงชุดดำและซอมบี้ชายก็เดินเข้ามาหาซูเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังไม่ทันเข้าถึงตัว ทั้งคู่ก็ถูก [นักรบจักรกล] หยุดเอาไว้

 

ซูเฉินมีเรื่องอยากจะถามพวกเขาพอดี จึงบอกให้ [นักรบจักรกล] เปิดทาง

 

“ผู้อาวุโส ผู้น้อยซูหวู่ฮั่ว ขอบคุณผู้อาวุโสที่เข้ามาช่วยเหลือก่อนหน้านี้”

 

หญิงชุดดำกล่าวอย่างนอบน้อม โค้งกายให้ซูเฉิน

 

จากภายนอก ซูหวู่ฮั่วเหมือนจะอายุได้ราวๆ 30 ปีแล้ว รูปลักษณ์เหมือนคนทั่วๆไป

 

เขาพยักหน้ารับการแสดงความเคารพของเธอเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองซอมบี้ชายและถามว่า “ซอมบี้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับมนุษย์ได้ด้วยหรือ?”

 

ซอมบี้ชายเบื้องหน้าเขา ไม่ยอมแยกจากซูหวู่ฮั่วเลย ดูเหมือนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก

 

เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจนัก

 

“เรียนอาวุโส เขาชื่อเว่ยเชียนกัง เป็นสามีของฉันเอง และเขายังเป็นซอมบี้ที่มีสติปัญญาอีกด้วย” ซูหวู่ฮั่วอธิบาย

 

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”

 

เวลานี้ เว่ยเชียนกังก็ประสานมือคารวะให้ซูเฉินเช่นกัน เพื่อแสดงความสำนึกคุณของเขา

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามว่า “ทำไมถึงมีซอมบี้ที่มีสติปัญญามากมายอยู่ในเมืองเทียนถานของพวกคุณ? แถมทั้งหมดยังสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน?”

 

เมื่อมนุษย์กลายเป็นซอมบี้ ต่อให้พวกเขายังคงไว้ซึ่งสติปัญญา แต่บุคลิกของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

ตามหลักเหตุและผลแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้

 

สถานการณ์เช่นในเมืองเทียนถาน นับว่าหาได้ยากยิ่งจริงๆ

 

ซูหวู่ฮั่วเร่งอธิบาย “นั่นเป็นเพราะสายเลือดของพวกเราแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ หลังจากได้รับพิษซากศพแล้ว ถึงแม้พวกเราจะกลายเป็นซอมบี้ แต่ก็ยังสามารถรักษาสติปัญญา และอุปนิสัยดั้งเดิมเอาไว้ได้”

 

“ดังนั้น หากไม่นับร่างกายแล้ว ที่เหลือยังคงเดิม”

 

“นี่พวกคุณไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์หรือหรอก? ทำไมถึงมีสายเลือดต่างจากคนอื่นๆ” ซูเฉินอุทานออกมาเบาๆ

 

เขาเริ่มเกิดความสงสัยเล็กน้อย ว่าสายเลือดของซูหวู่ฮั่ว ใช่จัดอยู่ในจำพวกกลายพันธุ์หรือไม่?

 

“เรียนอาวุโส พวกเราเป็นมนุษย์จริงๆ แต่มนุษย์ก็มีกิ่งก้านสาขาทางสายเลือดมากมายเช่นกัน สาขาของพวกเราเป็นแค่สาขาเล็กๆสายเลือดหนึ่งเท่านั้น” ซูหวู่ฮั่วตอบกลับ

 

คราวนี้ซูเฉินค่อยเข้าใจ

 

กรณีนี้ก็เหมือนกับประเทศจีนในชีวิตก่อน ที่ช่วงแรกๆมีประชากรอยู่มากถึง 56 ชาติพันธุ์ หากไม่นับชาวฮั่น ที่เหลือล้วนถูกเรียกว่าชนกลุ่มน้อย

 

สายเลือดของซูหวู่ฮั่ว ก็เปรียบเสมือนชนกลุ่มน้อยของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นเอง