Ep.247

 

ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน ซอมบี้ผิวดำหมึกรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว

 

คล้ายตระหนักได้ถึงอันตราย มันหันหลังกลับไปวิ่งเข้าไปในฝูงซอมบี้ทันที

 

ในความคิดของมัน ขอให้หนีเข้าไปกลางดงซอมบี้ได้ ก็จะมีซอมบี้จำนวนมากคอยรับกระสุนแทน ถึงเวลานั้นต่อให้ซูเฉินแข็งแกร่ง ก็ไม่มีทางหาตัวมันพบ

 

“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?” ซูเฉินหัวเราะเหยียดหยาม

 

ทันใดนั้นเอง เขาได้ปลดปล่อยพลังจิตออกมา

 

อีกด้านหนึ่ง เท้าข้างหนึ่งของซอมบี้ผิวดำหมึกได้ก้าวเข้าไปในฝูงซอมบี้แล้ว เดิมมันคิดว่าตัวเองปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย

 

แต่ในวินาทีต่อมา มันก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าจู่ๆตนก็ถูกมัดเอาไว้ด้วยอำนาจอันทรงพลังที่มองไม่เห็น ทั้งยังค่อยๆลอยตัวขึ้น ไม่ว่ามันจะดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย

 

เผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

 

แทบจะในทันที เกิดเสียงซุบซิบดังไปทั่ว

 

“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน? ทำไมผู้นำของพวกซอมบี้ถึงเป็นแบบนั้น?”

 

“ฉันเข้าใจแล้ว! มันคงกำลังถูกพลังจิตควบคุมอยู่แน่ๆ”

 

“ว่าอะไร? พลังจิตงั้นหรอ? เจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์มนตรา แต่ยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วย?”

 

“ต้องเป็นปรมาจารย์พลังจิตอย่างแน่นอน แถมยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ขึ้นไปด้วย มิฉะนั้นคงไม่สามารถพันธนาการผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้”

 

“โอ้สวรรค์ เขาเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ไปด้วยได้?”

 

“โลกนี้มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว!”

 

 

หญิงชุดดำกับซอมบี้ชายหันมาสบตา กลืนน้ำลายพร้อมกัน

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าซูเฉินเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 แน่ๆ

 

ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 แท้ๆ

 

พวกเขาคล้ายเกิดเสียงอื้ออึงในสมอง ราวกับไม่สามารถยอมรับความจริงตรงหน้า

 

ทั้งสองรู้ดี ว่าการฝึกฝนนั้นยากเย็นเพียงใด

 

เดิมที ด้วยสถานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ของเขาและเธอ มันก็ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากพอแล้ว ควรค่าแก่การครอบครองตำแหน่งอัจฉริยะ

 

ยังไงก็ตาม การปรากฏตัวของซูเฉินทำให้พวกเขาตกใจอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็ได้รู้วลีที่มนุษย์มักกล่าว ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้านั้นเป็นเช่นไร

 

ซูเฉินอายุน้อยกว่า 20 ปี แต่กลับมีถึงสองอาชีพหลัก : ปรมาจารย์มนตรา และปรมาจารย์พลังจิต แถมทั้งคู่ยังไปถึงเลเวล 4 แล้ว

 

เอาจริงๆแค่อย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมา มันก็มากพอที่จะให้คนอื่นๆต้องแหงนหน้ามองไปชั่วชีวิตแล้ว แต่นี่เขากลับมีถึงสองอาชีพ

 

“ในเผ่ามนุษย์ของพวกเรา ปรากฏตัวตนดั่งสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” หญิงชุดดำมองซูเฉินจากระยะไกล ถอนหายใจด้วยอารมณ์ลึกล้ำ

 

 

“อย่าฆ่าข้า! ข้ามาจากเผ่าอมตะ หากเจ้าฆ่าข้า นั่นไม่เป็นผลดีแน่”

 

เมื่อเห็นว่าซูเฉินกำลังใช้พลังจิตลากตัวมันลอยกลับออกมา ซอมบี้ผิวดำหมึกความกล้าเหือดหาย หวาดกลัวแทบอกแตกตาย

 

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ อันที่จริงเผ่าอมตะสมควรได้รับความสนใจจากซูเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม ซอมบี้ผิวดำหมึกเป็นแค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ดังนั้นมันต้องเป็นแค่ลูกกระจ๊อกในเผ่าอมตะแน่ๆ

 

เป็นแค่ตัวประกอบ แต่ยังกล้าโวยวายแล้วยังข่มขู่เขาอีกหรือ?

 

“แกจะมั่นใจในตัวเองเกินไปหน่อยมั้ง” ใบหน้าของซูเฉินเต็มไปด้วยความหยามเหยียด กล่าวยิ้มเยาะ “ไม่ต้องพูดถึงไอ้ขยะอย่างแก ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอมตะ ถ้าอยากฆ่าฉันก็ไม่คิดยั้งมือ!”

 

“สหาย มีอะไรค่อยพูดค่อยจา นี่อาจเป็นแค่ความเข้าใจผิดระหว่างเรา” มุมปากของซอมบี้ผิวดำหมึกสั่นระริก

 

ขณะนี้ มันสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าในแววตาของซูเฉินอย่างชัดเจน

 

แม้มันจะมีสถานะเป็นเผ่าอมตะ แต่มันก็ไม่กล้าใช้เรื่องนี้ขู่ซูเฉินอีกแล้ว

 

เพราะเกรงว่าหากพูดไม่ดีออกไป จะยิ่งทำให้ซูเฉินขุ่นเคือง และนำมาซึ่งหายนะถึงตาย

 

“ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ความคิดในใจย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นพวกเราไม่ใช่สหาย!” ซูเฉินเบ้ปาก จดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซอมบี้ผิวดำหมึก กล่าวเสียงขรึมว่า

 

“อย่าคิดปิดบัง บอกมาซะดีๆว่าพวกแกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง! ถ้ายังชักช้าก็เตรียมรับการทรมานชนิดต่อให้อยากตาย ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ตายสมใจอยาก!”