Ep.240

 

“หยุดมือ!” เผ่าครึ่งออร์คตะโกน

 

ก่อนหน้านี้ทางผ่านเขตแดนเคยโดนพายุสายฟ้าไปสองครั้งติดต่อกันแล้ว แทบล้มครืนอยู่รอมร่อ

 

หากโดนโจมตีอีกแค่ครั้งเดียว มันจะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน

 

“ทำไม? หรือว่าแกเปลี่ยนใจยอมตกลงแล้ว?” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ

 

“ใช่ ข้าตกลง!”

 

เพื่อที่จะรักษาทางผ่านเขตแดนเอาไว้ เผ่าครึ่งออร์คยินดีที่จะหลีกทางให้ซูเฉิน เกิดเสียง ‘ปึก’ สองเข่ากระแทกลงกับพื้น

 

ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตเกือบสิบเมตร การคุกเข่านี้จึงเปรียบเสมือนเนินเขาถล่มลงพื้น

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปรีบเรียกท่านปู่ ไม่งั้นฉันจะลงมือ”

 

ได้ยินแบบนั้น ร่างใหญ่ของเผ่าครึ่งออร์คก็สั่นสะท้าน

 

ให้เรียกท่านปู่?

 

แค่ตัวตนระดับจ้าวปกครองคุกเข่าให้เจ้า มันยังไม่พออีกหรือ?

 

แล้วให้เรียกมนุษย์อ่อนแอว่าท่านปู่เนี่ยนะ?

 

แบบนั้นมันน่าสมเพชยิ่งกว่าการถูกฆ่าเสียอีก

 

“มนุษย์ อย่าได้คืบจะเอาศอก!” เผ่าครึ่งออร์คขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไฟโทสะลุกโชนขึ้นในใจของมัน

 

ณ จุดนี้ มันลอบสาบาน ว่าตราบใดที่สามารถข้ามไปยังเกาะเฉียนหยู ต่อให้ต้องใช้ทุกวิถีทาง มันจักต้องล่ามนุษย์น่ารังเกียจคนนี้มาให้จงได้ แล้วจับมาทรมานให้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดทุกวี่วัน จนสำนึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้

 

“บิดาได้คืบจะเอาศอกแล้วอย่างไร? แกจะทำอะไรฉันได้?” ซูเฉินตวาด ข่มขู่อีกครั้ง “ฉันให้เวลาแกแค่สามลมหายใจ ถ้าไม่เรียกท่านปู่ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย!”

 

เมื่อสามารถกุมจุดอ่อนของอีกฝ่าย ซูเฉินไม่เพียงได้คืบจะเอาศอก แต่เขาจะไล่กินยาว จะเอาถึงหัว!

 

ต่อให้อีกฝ่ายมีอำนาจค้ำฟ้า แต่ถ้าฝ่าเขตแดนออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่วิ่งอยู่บนฝ่ามือของซูเฉิน

 

เมื่อเห็นว่าเผ่าครึ่งออร์คไม่พูดอะไรซักคำ ซูเฉินก็เริ่มนับถอยหลัง

 

“3”

 

“2”

 

“หยุด! ข้ายอมแล้ว!”

 

เผ่าครึ่งออร์คกัดมุมปากจนเลือดไหลเป็นสาย ดูเหมือนมันจะฝืนทนอย่างยิ่งยวด แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อโชคชะตา ก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยเบาๆว่า “ท่านปู่ ..”

 

“เมื่อกี้ใช่เสียงยุงบินรึเปล่า? สรุปแกพูดว่าอะไร ตะโกนให้มันดังๆหน่อย!” ซูเฉินตวาดดุ

 

“ … ” เผ่าครึ่งออร์คตัวแข็งทื่อ

 

นี่มันบ้าอะไรกัน!

 

บิดาคุกเข่าก็แล้ว

 

เอ่ยคำท่านปู่ก็แล้ว เหตุใดยังไม่สาแก่ใจเจ้าอีก?

 

นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? เหตุใดถึงกดดันผู้คนเสียยิ่งกว่าเผ่าครึ่งออร์คของพวกเรา!

 

“ดังกว่านี้ เอาแบบให้มันออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ อย่าให้ฉันรอนาน” ซูเฉินขู่เข็ญ

 

“ท่านปู่!”

 

ครึ่งออร์คกล้ำกลืนฝืนทน กำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนเนื้อหนัง

 

“ดังอีก ความอดทนของบิดามีจำกัด!” ซูเฉินตำหนิ

 

“ท่านปู่!!”

 

ในที่สุดเผ่าครึ่งออร์คก็ยอมประนีประนอม ตะโกนเสียงดังลั่น

 

เสียงนี้ดังมาก เป็นเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธและความไม่ยินยอม แม้จะทะลุมายังทางผ่านเขตแดน หูของซูเฉินก็ยังอื้ออึง

 

ซูเฉินใช้นิ้วก้อยแคะหู ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะมืดมนลง แค่นเสียงเบาๆ “ฮึ่ม! ฉันไม่รับคนไร้ประโยชน์เป็นหลานชาย ทำไมไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง ว่าแกคู่ควรหรือไม่!”

 

ได้ยินแบบนั้น ครึ่งออร์คก็แข็งเป็นหินทันที

 

มันทรุดตัวลง ทั้งยังเดือดดาล

 

สนทนากับคนพาลก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นคนบังคับข้าให้เรียกท่านปู่ ถึงเวลากลับบอกว่าข้าไม่คู่ควร

 

สารเลว! มีมนุษย์เช่นเจ้าอยู่ในโลกด้วยหรือ?

 

นี่มันการเล่นตลกแบบใดกัน?

 

เจ้าคิดว่าพวกเราเผ่าครึ่งออร์คเป็นตัวตลกหรืออย่างไร?

 

“เจ้าหนู ข้ายอมประนีประนอมในสิ่งที่ควรประนีประนอมแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่คิดขุดหลุมฝังศพตัวเอง”

 

สิ้นเสียง เผ่าครึ่งออร์คก็เงยหน้าขึ้น ในดวงตาของมันทอประกายเย็นเยียบ น้ำเสียงยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง

 

ซูเฉินสัมผัสได้ว่าไฟโทสะในใจมันใกล้ถึงจุดเดือดสุดแล้ว แต่เขายังมีหลายเรื่องที่จะถาม ดังนั้นไม่หยอกล้ออีกต่อไป

 

เขากระแอมเล็กน้อย กล่าวว่า “ในบรรดาเผ่าครึ่งออร์ค ระดับฝึกตนขั้นไหนที่แข็งแกร่งที่สุด?”

 

ซูเฉินได้ฉีกหน้าเผ่าครึ่งออร์คไปเรียบร้อย ฉะนั้นอย่างไรก็ย่อมเกิดการต่อสู้กันขึ้นในอนาคต

 

ก่อนหน้านั้น เขาเลยจำเป็นต้องตรวจสอบความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้า

 

“มากกว่าเลเวล 10” คราวนี้เผ่าครึ่งออร์คไม่ลังเลเลย มันกล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง

 

เหตุผลที่มันบอกความจริง ก็เพราะต้องการใช้เรื่องนี้ ขู่ให้ซูเฉินหวาดกลัว