Ep.220

 

ซูเฉินปล่อยพลังจิต กวาดเข้าไปในถุงผ้า และพบว่ามีหินรวมดาราทั้งสิ้น 27 ก้อน มุมปากเขายกสูงขึ้นเล็กน้อย

 

จากนั้นเอ่ยถามว่า “คุณชื่ออะไร?”

 

“ผู้น้อยเฝิงเจ๋อ” ชายชุดเทาประสานมือโค้งคำนับเขา

 

ซูเฉินนิ่งมองเขาพักหนึ่ง ก่อนประกาศว่า “นับแต่วันนี้ไป คุณคือผู้นำคนใหม่ของสถานชุมชนฮั่วหลาง”

 

“อะไรนะ!?”

 

เฝิงเจ๋อตะลึงจนตัวแข็งทื่อ

 

ซูเฉินหันไปมองผู้วิวัฒนาการอีกสองคน “ส่วนคุณสองคนเป็นรองผู้นำ”

 

“ขอบพระคุณท่านอาวุโส!” ทั้งคู่ทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น โค้งตัวแสดงความเคารพต่อซูเฉิน

 

แม้ซูเฉินจะไม่ใช่สมาชิกของสถานชุมชนฮั่วหลาง ซึ่งตามหลักเหตุผลแล้วไม่สามารถออกคำสั่งกำหนดตัวผู้นำและรองผู้นำได้

 

กระนั้น ในวันสิ้นโลก ใครก็ตามที่มีหมัดหนัก ผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์พูด

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉินไม่มีผู้ใดเทียมเทียบ ดังนั้นคำพูดเขาย่อมเฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะโต้แย้ง

 

“ท่านอาวุโส ผู้น้อยเฝิงเจ๋อ ขอสาบานว่านับจากนี้ไปจะยอมเป็นม้าเป็นลาให้รับใช้ท่าน” เฝิงเจ๋อได้สติกลับมา กล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

การได้ขึ้นเป็นผู้นำสถานชุมชน นั่นหมายถึงสิทธิไม่จำกัด และชาวเมืองทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งเขา

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ตำแหน่งนี้

 

แต่ปัจจุบัน ซูเฉินได้มอบโอกาสให้แก่เขาแล้ว

 

ณ ตอนนี้ ความเคารพและซาบซึ้งที่มีต่อตัวซูเฉินพุ่งทะยานถึงขีดสุด

 

ซูเฉินโบกมือรับ จากนั้นดึงตัวโจวหยุนมาข้างๆ “โจวหยุนถือว่าเป็นสหายของฉันเหมือนกัน ดังนั้นฝากให้คุณดูแลด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาล่ะก็ ฮี่ ฮี่ .. ”

 

กล่าวถึงจุดนี้ เขาก็หยุดพูดไป แต่ความหมายนั้นชัดเจนในตัวมันเอง

 

สีหน้าของเฝิงเจ๋อแข็งค้าง รีบเอ่ยคำมั่นสัญญา “ท่านอาวุโสโปรดวางใจ หากโจวหยุนเป็นอะไรไป ท่านสามารถทวงถามความผิดจากผู้น้อยได้เลย”

 

ซูเฉินพยักหน้า “แล้วฉันจะกลับมาดูเมื่อมีเวลาว่าง”

 

แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่ความนัยไม่ธรรมดา มันแฝงไปด้วยคำเตือน

 

ก่อนจากไป ซูเฉินได้ช่วยเหลือโจวหยุนอีกครั้ง

 

ว่าจบ เขาก็พาทุกคนขึ้นรถ และออกจากสถานชุมชนฮั่วหลางไป

 

เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] หายไปจากสายตา ฝูงชนรอบๆประตูเมืองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

ไม่เว้นกระทั่งเฝิงเจ๋อ

 

บน[ รถศึกอัจฉริยะ] โจวหยุนมองไปที่ซูเฉินด้วยความงุนงงว่างเปล่า กล่าวด้วยอารมณ์ที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านจริงๆ”

 

สิ่งที่ซูเฉินพูดก่อนหน้านี้ สื่อความหมายชัดเจนว่าห้ามมีใครสร้างปัญหาให้โจวหยุนอีกในอนาคต

 

เกรงว่ากระทั่งสมาชิกที่อาศัยในเนินเขาหินก็ยังได้รับอานิสงฆ์จากคำพูดนี้เช่นกัน

 

“ไม่ต้องคิดมากหรอก” ซูเฉินยิ้ม

 

เหตุผลที่เขาช่วยพูดให้โจวหยุนในครั้งนี้ หากไม่นับรวมเรื่องหินรวมดาราแล้ว

 

ก็คงเป็นเพราะการแสดงจุดยืนเมื่อครู่ของโจวหยุน

 

ในตอนที่เฉินตงกับอีกคนแปรพักตร์ไปอยู่กับฟางเฉิงอู่ แต่โจวหยุนยังคงยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ฝั่งเขา

 

แค่เฉพาะสิ่งนี้ มันก็คุ้มค่าแล้วที่จะให้ซูเฉินออกปากช่วยเหลือเขาสักครั้ง

 

 

เนินเขาหินอยู่บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่เมืองอี้เถียนพอดี ดังนั้นซูเฉินเลยให้โจวหยุนติดรถมาด้วย

 

เมื่อใกล้ถึงเนินเขาหิน โจวหยุนก็ลงจากรถ

 

ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินมอบขวด [โพชั่นกายภาพ เลเวล 1 ] ให้ขวดหนึ่ง

 

[โพชั่นกายภาพเลเวล 1 ] แม้มันจะมีค่ามาก แต่บนตัวซูเฉินยังมีอะไรอีกเยอะ และคนอื่นๆก็เป็นผู้วิวัฒนาการกันหมดแล้ว ดังนั้นเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

อีกประเด็นก็คือ เขารู้สึกถูกชะตากับโจวหยุน ดังนั้นมอบโอกาสนี้ให้อีกฝ่าย

 

ยืนส่งซูเฉินจนลับสายตา โจวหยุนก้มมองขวดแก้วในมือ จากนั้นยกมันขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเล

 

ในตอนที่ยื่น [โพชั่นกายภาพเลเวล 1 ] ให้ ซูเฉินไม่ได้บอกสรรพคุณของมัน

 

โจวหยุนไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ช่วยอะไร แต่เขาเชื่อสุดหัวใจ ว่าของที่ซูเฉินมอบให้ ต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน

 

หลังจากดื่มไปพักหนึ่ง ดวงตาของโจวหยุนสว่างไสวขึ้นทันใด ปากขยับพึมพำไร้เสียง แต่จับใจความได้ว่า “ผู้วิวัฒนาการ … ”

 

บังเกิดเสียงดังปึก! สองเข่ากระแทกลงกับพื้น ตามด้วยโป๊ก โป๊ก โป๊ก! โขกศีรษะสามครั้งไปยังทิศทางทางที่ซูเฉินจากไป

 

โจวหยุนสาบานในใจ ว่าหากมีโอกาส เขาจะตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้อย่างแน่นอน