Ep.206
“ท่านอาวุโส ฉันไปตามคนมาให้แล้ว” หานคุนเดินมาหาซูเฉิน กล่าวด้วยความนอบน้อม
เดิมในสถานชุมชนเฝิงซียังมีชาวเมืองอยู่อีกหลายพันคน แต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าคนเยอะก็เรื่องแยะ ดังนั้นเขาเลยคัดลูกน้องที่ฉลาดและซื่อสัตย์มาเพียงร้อยคนเท่านั้น
“ลงมือเถอะ” ซูเฉินสั่ง เรียกหานคุนมาใกล้ๆ แล้วเอ่ยว่า “ผมชื่อซูเฉิน ปีนี้อายุ 17 ปี ดังนั้นไม่น่าจะแก่กว่าคุณถูกไหม? จากนี้ไปอย่าเรียกผมว่าอาวุโสอีก แค่เรียกชื่อตรงๆก็พอ”
หานคุนอ้าปาก กำลังจะเอ่ยคำ ‘อาวุโส’ อีกรอบแต่แล้วก็ต้องหุบปากลง เกิดความรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นอีกเป็นสิบปี
“อายุ 17 ปี … ”
หานคุนพอได้ยินว่าซูเฉินอายุแค่ 17 ปี เขาเกือบสำลัก
ผู้วิวัฒนาการระดับสูงที่สามารถสังหารมังกรเพลิงทมิฬได้ในอายุ 17 ปี?
ปรมาจารย์มนตราระดับสูงที่สามารถสังหารมังกรเพลิงทมิฬได้ใน อายุ 17 ปี?
สมองของหานคุนกำลังส่งเสียงหึ่ง หึ่ง จ้องมองซูเฉินอย่างตกตะลึง ไม่ทราบว่าควรกล่าวอะไรไปพักหนึ่ง
“อะไร? คิดว่าผมโกหกหรอ” ซูเฉินปาดจมูก กล่าวอย่างเฉยเมย
“อาวุโ- .. ไม่สิ อาเฮียซูเข้าใจผิดแล้ว” หานคุนตกใจมาก รีบอธิบายว่า “เฮียซูยังเด็ก แต่กลับมีความแข็งแกร่งล้ำเลิศเช่นนี้ ผู้แซ่หานรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก”
“พอเถอะ เลิกพูดสุภาพกับผมซักที” ซูเฉินขัดจังหวะ แล้วกล่าวว่า “ผมมีเรื่องหนึ่งต้องการจะถามคุณ”
“เฮียซูถามมาได้เลย ผู้แซ่หานจะตอบตามความสัตย์จริง” หานคุนประสานมือคารวะ แสดงท่าทีในฐานะผู้น้อย
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถามว่า “คุณได้ค่ายกลป้องกันของสถานชุมชนเฝิงซีมาจากที่ไหน”
“ค่ายกลป้องกันสามารถช่วยปกปักษ์รักษาเมืองได้ กระทั่งขุมกำลังใหญ่อย่างเมืองจิงกังก็ยังไม่มีในครอบครอง”
ในขณะที่สถานชุมชนเฝิงซีเป็นแค่ขุมกำลังเล็กเท่านั้น แล้วพวกเขาไปเอามันมาจากไหน?
ซูเฉินรู้สึกสนใจเรื่องนี้มาก
หานคุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สารภาพตามตรงว่า “ไม่กล้าปิดบังเฮียซู ค่ายกลป้องกันนี้ พ่อของฉันได้รับมาเมื่อหลายปีก่อนในเขตแดนลับแห่งหนึ่ง แต่ค่ายกลนี้ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นในอนาคตไม่สามารถใช้ได้อีก”
เขาคิดว่าซูเฉินคงเฝ้าสังเกตการณ์ค่ายกลตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงอธิบายว่าค่ายกลนี้เสียหายแล้ว ไม่สามารถใช้ได้อีก
“ค่ายกลใหญ่ขนาดนี้ คงต้องใช้หินพลังงานมากเลยใช่ไหม?” ซูเฉินสอบถามอย่างใจเย็น
หานคุนพยักหน้าและกล่าว “มันสิ้นเปลืองไปมากจริงๆ แถมยังต้องใช้หินพลังงานเลเวล 2 ขึ้นไปด้วย”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกาย เอ่ยถามต่อว่า “สถานชุมชนเฝิงซีของคุณเป็นแค่สถานชุมชนขนาดเล็ก ดังนั้นไม่น่าจะมีผู้ฝึกตนเลเวลสูงอยู่มากมายขนาดนั้นถูกไหม? แล้วหินพลังงานล้ำค่ามากมายเช่นนี้ พวกคุณไปเอามันมาจากที่ไหน”
หานคุนไม่ได้ปิดบัง เขาไม่กล้าที่จะเก็บงำ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ครั้งหนึ่งพวกเราเคยพบเหมืองในเทือกเขาเหยกู่ และได้ขุดหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 2 และ 3 เป็นจำนวนมากมาจากที่นั่น”
หัวใจของซูเฉินเต้นแรง “คุณยังมีหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 อยู่อีกกี่ก้อน?”
หากต้องการยกระดับ [รถศึกอัจฉริยะ] เป็นเลเวล 3 ซูเฉินจำเป็นต้องใช้หินพลังงานหรือหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 เป็นจำนวนมาก
ขณะที่เขามีหินเลเวล 3 อยู่ไม่มากนัก ดังนั้นเกิดความคิดที่จะแลกเปลี่ยนกับหานคุน
“ยังมีหินเลเวล 3 อยู่อีกมากกว่าร้อยก้อน ถ้าพี่ซูต้องการ ทางสถานชุมชนเฝิงซีจะรวบรวมทั้งหมดมาให้” หานคุนกัดฟันกล่าว
แม้ว่าหินเลเวล 3 จะล้ำค่า แต่หากสามารถใช้มันเชื่อมสัมพันธ์กับผู้แข็งแกร่งเช่นซูเฉินได้
ก็นับว่าคุ้มค่ายิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผมไม่เอาของคุณไปเปล่าๆหรอก” ซูเฉินยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้างนอกมีศพสัตว์กลายพันธุ์ตั้งมากมาย พวกผมขอเอาไปแค่บางส่วน ที่เหลือแลกกับหินเลเวล 3 ของคุณแล้วกัน”
“ขอบพระคุณเฮียซู!” หานคุนมีความสุขมาก
เพราะหลังจากค่ายกลได้รับความเสียหาย หินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 ต่อให้มีไว้ก็แทบไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้อีก
อย่างแรกเลยคือระดับการฝึกฝนของพวกเขาต่ำเกินไป ไม่น่าจะได้ใช้หินต้นกำเนิดพลังงานเหล่านั้นในระยะเวลาอันสั้น
ขณะที่ซากศพของสัตว์กลายพันธุ์นั้นต่างออกไป พวกมันสามารถช่วยให้อิ่มท้องได้ในทันที
นอกจากนี้ เนื้อของสัตว์กลายพันธุ์นั้นเต็มไปด้วยพลังงาน การกินเข้าไปย่อมมีโอกาสเพิ่มระดับการฝึกฝนไปในตัว
ยิ่งไปกว่านั้น บนพื้นเกลื่อนไปด้วยศพสัตว์กลายพันธุ์หลายพันตัว มูลค่าของมันสูงกว่าหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 หลายสิบหลายร้อยเท่า
อาจกล่าวได้เลย ว่าเป็นพวกเขาต่างหากที่สามารถฟันกำไรได้มหาศาลจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้