3/10

 

Ep.1097

 

สิบนาทีต่อมา ชาวต่างเผ่าทั้งหมดถูกสังหารสิ้น มุ่งหน้าต่อไปยังสถานที่อยู่ของตราหยกต้นกําเนิดเซียน

 

หลังจากบินมาสามวันติดต่อกัน มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

 

“เสี่ยวจือ ช่วยค้นหาให้ที ว่ามีสัตว์ทะเลอยู่บ้างไหม” ซูเฉินถาม

 

หากมีสัตว์ทะเลจำนวนมาก เขาจะได้ถือโอาสนี้สังหารพวกมันระหว่างทางไปพลางๆ

 

“เจ้านาย มีสัตว์ทะเลอยู่น้อยมาก และแต่ละฝูงก็อยู่กระจัดกระจายกัน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที

 

“งั้นก็เดินทางต่อเถอะ” ซูเฉินสั่ง เขาจะไม่เสียเวลากับสัตว์ทะเลจํานวนเท่านี้

 

[รถศึกอัจฉริยะ] บินมาครึ่งค่อนวัน เกาะขนาดใหญ่ก็ค่อยๆปรากฏตรงหน้า

 

สามารถมองเห็นภูเขาสูงตระหง่านอยู่บนเกาะ สูงชะลูดจะปลายยอดทิ่มแทงขึ้นไปเหนือเมฆ

 

ความใหญ่โตของมัน ชวนให้ผู้คนต้องประหลาดใจ

 

“เจ้านาย ข้าสัมผัสได้ว่าตราหยกกำเนิดเซียนอยู่บนเกาะนั้น”

 

ระหว่างนี้ สมุนไพรกำเนิดเซียนร้องเตือน

 

“ในที่สุดพวกเราก็พบซักที ”

 

ซูเฉินถอนหายใจแรง หันไปพูดกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าขึ้นเกาะไปเลย”

 

“รับทราบ” [รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่มความเร็ว ตรงไปยังทิศทางของเกาะ

 

เมื่อมาถึงเกาะใกล้ เขาก็พบว่ารอบเกาะถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังงาน มีสายฟ้าสะท้อนปลาบแปลบจากบนม่านพลังเป็นครั้งคราว คอยปลดปล่อยคลื่นอันน่าสะพรึงออกมา

 

“เสี่ยวจือ นายพอจะฝ่าเข้าไปได้ไหม?” ซูเฉินถาม

 

“เจ้านาย ตอนนี้รูปแบบอัพเกรดของฉันถูกสะกะพลังไว้เหลือแค่ขั้น 10 เป็นเรื่องยากหากคิดฝ่าเข้าไป” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบตรงๆ

 

“งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเองแล้วกัน” ซูเฉินพยักหน้า เปิดประตูและก้าวออกไป

 

จากนั้นเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] เพราะหากพูดถึงกำลังรบ แม้ขั้นเท่ากัน แต่พลังป้องกันของซูเฉินสูงกว่า [รถศึกอัจฉริยะ] มาก

 

บวกกับลูกเล่นอันหลากหลาย หากคิดทะลวงฝ่าม่านพลังนี้ ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่เกินไป

 

ซูเฉินรีบบินไปทางม่านพลังอย่างรวดเร็ว และตรวจสอบมัน จากนั้นหยิบ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ชูสองแขนเหนือหัวและสับลง

 

บังเกิดเสียงแคว๊กกกก ดังคมชัด เห็นแค่เพียงรอยแยกขนาดประมาณหนึ่งจั้งแหวกออกบนม่านพลังงาน

 

ซูเฉินฉวยโอกาสนี้ มุดผ่านรอยแยกทันที

 

เมื่อเข้ามาถึงเกาะ จู่ๆนกสำรวจก็ร้องเตือนเสียงดัง “เจ้านาย มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเอามากๆอยู่ไม่ไกล”

 

“มันแข็งแกร่งแค่ไหน?”

 

ซูเฉินถามเสียงเรียบ “ระดับเทวะขั้น 9!” นกสำรวจ รีบตอบทันที

 

เอ๋?

 

ซูเฉินเลิกคิ้ว เร่งตรวจสอบระดับฐานฝึกตนของเขาอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพบว่าฐานฝึกตนของเขากลับคืนสู่ ระดับเทวะขั้น 7 แล้ว เจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจยาว

 

เกาะนี้คงไม่พ้นเป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างเป็นเอกเทศแน่ๆ มันจึงไม่ถูกสะกดพลัง ด้วยอำนาจเขตแดน

 

“เสี่ยวหลาน เสี่ยวชิง ตราหยกกำเนิดเซียนอยู่ตรงไหน?” ซูเฉินถาม

 

สิ่งสําคัญที่สุดในขณะนี้คือตราหยกกำเนิดเซียน เอาไว้หาตราหยกพบก่อน ก็ยังไม่สายที่จะแวะไปเยี่ยมเยือน ระดับเทวะขั้น 9

 

“เจ้านาย อยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกลนัก” เสี่ยวหลานตอบ

 

ข้างหน้างั้นหรอ?

 

ซูเฉินหรี่ตา เริ่มใช้สมอง

 

ตามคำพูดของ นกสำรวจ และสมุนไพรกำเนิดเซียน เกรงว่า ระดับเทวะขั้น 9 กับ ตราหยกกำเนิดเซียนอาจอยู่ในสถานที่เดียวกัน

 

เป็นไปได้ไหมว่า ระดับเทวะขั้น 9 คือผู้ที่คอยพิทักษ์ตราหยกกำเนิดเซียน ?

 

ซูเฉินเกิดข้อสันนิษฐาน แต่ไม่ได้คิดอะไรมาความ

 

ไม่ว่ามันจะเป็นข้อใด เอาไว้ตรวจสอบดู เดี๋ยวก็รู้เอง

 

จากนั้น เขาก้าวตรงไปข้างหน้า ไม่กี่นาทีต่อมา หุบเขาขนาดใหญ่ก็เผยสู่สายตา

 

ณ ใจกลางของหุบเขาใหญ่ มี ตราหยกกำเนิดเซียน ลอยล่องเด่นชัดสะดุดตา

 

นอกเหนือจากนี้ ซูเฉินยังเห็นร่างของผู้พิทักษ์เที่ยนยี่อีกด้วย

 

เพียงแต่ว่า อีกฝ่ายในขณะนี้ กำลังคุกเข่าอยู่ใต้รูปปั้นหิน สภาพดูน่าสังเวชมาก

 

“รูปปั้นหินเทพมาร ?”

 

เห็นรูปปั้นนี้ หางตาซูเฉินกระตุกทันใด

 

เขาสามารถระบุได้อย่างมั่นใจ ว่ารูปปั้นหินในหุบเขา มันไม่ต่างจากรูปปั้นที่เขาเพิ่งทำลายไปก่อนหน้านี้เลย

 

ถ้าจะให้บอกบางจุดเล็กๆที่ต่างก็คือ รูปปั้นหินเบื้องหน้า ดูสูงใหญ่และน่าเกรงขามกว่าตัวแรกมาก

 

4/10

 

Ep.1098

 

“เสี่ยวซุ่น อย่าบอกนะว่ารูปปั้นเทพมารข้างหน้าคือ ระดับเทวะขั้น 9?” ซูเฉินถาม

 

ในหุบเขา มีเพียงผู้พิทักษ์เทียนยี่และรูปปั้นเทพมารอยู่แค่สองคนเท่านั้น

 

ขณะที่เทียนยี่มีโอกาสสูงว่าน่าจะไม่มีฐานฝึกตนสูงส่งถึงขนาดนั้น ความเป็นไปได้ที่เหลือจึงตกอยู่กับรูปปั้นเทพมารทั้งหมด

 

“เจ้านาย เข้าใจได้ถูกต้องแล้ว” นกสำรวจ ตอบอย่างมั่นใจ

 

หลังจากยืนยัน ซูเฉินไม่เสียเวลาคิดอะไรอีก ก้าวตรงไปยังตราหยกกำเนิดเซียน

 

เมื่อเข้ามาใกล้ รูปปั้นเทพมารพลันเบิกตาโพลง

 

“มนุษย์! บังอาจสังหารร่างแยกของข้า นับว่ามีความกล้าไม่เลว”

 

รูปปั้นเทพมาร จับจ้องซูเฉินไม่วางตา เผยยิ้มมืดมน

 

“ฉันมาที่นี่เพื่อ ตราหยกกำเนิดเซียน ส่วนแกก็ทำตัวว่าง่ายต่อไปดีกว่า แต่ถ้ายังดื้อด้านต้องการให้ฉันฆ่า ก็ไม่รังเกียจหรอกนะ”

 

ใบหน้าของซูเฉินไม่หวั่นไหว กล่าวอย่างเฉยเมย

 

ฆ่าข้า? รูปปั้นเทพมารนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนเริ่มบังเกิดโทสะในใจ

 

“มนุษย์! รู้ไหมว่าข้าคือตัวตนระดับใด? คิดสังหารข้า เจ้ามีความสามารถพอหรือ!?”

 

ข้อมูลที่ถูกส่งกลับมาจากร่างแยก บอกว่าซูเฉินเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้น 10 เท่านั้น ในทางกลับกัน เขาคือระดับเทวะขั้น 9

 

ดังนั้น เขาจึงปฏิบัติต่อซูเฉินต่ำต้อยไม่ต่างจากมด

 

ผู้พิทักษ์เทียนยี่ถอนหายใจยาว พาลคิดไปว่าซูเฉินคงยังไม่ล่วงรู้ถึงฐานฝึกตนของ รูปปั้นเทพมาร ถึงได้กล้าเอ่ยวาจาใหญ่โตเช่นนี้

 

“ก็แค่ระดับเทวะขั้น 9 ไม่ใช่รึไง เก่งแค่นี้ยังทำเป็นอวดอีก ”

 

ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวดูแคลน

 

ระดับเทวะขั้น 9 สำหรับคนอื่นๆ อาจถือได้ว่าเป็นโคตรในโคตรผู้แข็งแกร่ง

 

แต่ในสายตาซูเฉิน พลังเท่านี้ยังไม่เพียงพอ

 

“นี่เจ้ารู้ฐานฝึกตนของข้าอยู่แล้ว?”

 

รูปปั้นเทพมารอึ้งไปเล็กน้อย เหม่อมองซูเฉินอย่างว่างเปล่า บังเกิดข้อสงสัยขึ้นมา ว่าซูเฉินใช่เก็บซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้หรือไม่

 

ด้วยเหตุนี้ ตราบใดยังไม่ล้วงลึกข้อมูลได้มากพอ เขาจะไม่ลงมือกับซูเฉิน

 

ดวงตาของผู้พิทักษ์เทียนยี่ทอประกายความหวัง

 

หากซูเฉินคือผู้แข็งแกร่งจริงๆ และสามารถโค่นรูปปั้นเทพมารลงได้ ก็จะเท่ากับว่าเขารอดชีวิต

 

“มนุษย์! นี่เจ้าเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะด้วย ใช่หรือไม่?” รูปปั้นเทพมาร จ้องซูเฉินเขม็ง เอ่ยถามเสียงเย็น

 

“แน่นอน ถ้าไม่ใช่ระดับเทวะ ฉันคงไม่กล้าเข้ามาเหยียบที่นี่”

 

ซูเฉินยอมรับอย่างใจกว้าง พร้อมปลดปล่อยกลิ่นอายของ ระดับเทวะขั้น 7 ออกมา

 

“ระดับเทวะขั้น 7!”

 

รูปปั้นเทพมารค่อนข้างตกใจ เพราะซูเฉินเหมือนคนอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้น ยังเยาว์วัยแต่ก็มาฐานฝึกตนถึงขนาดนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ชั้นเลิศ

 

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายมันยังต่ำกว่าเขาสองขั้น หากคิดสังหาร ไม่ต่างจากเรื่องเพ้อฝัน

 

“ระดับเทวะขั้น 7 … น่าเสียดายจริงๆ … ”

 

ผู้พิทักษ์เทียนยี่ถอนหายใจ เดิมที เขายังคงมีความหวังอยู่บ้าง แต่หลังจากซูเฉินเผยฐานฝึกตนแล้ว ความหวังอันริบหรี่นี้ก็มอดดับลงอย่างสิ้นเชิง

 

เพราะในความคิดเขา ซูเฉินไม่ใช่คู่มือของรูปปั้นเทพมารอย่างแน่นอน

 

หากตัดสินใจงัดข้อกัน เกรงว่าคงถูกสังหารในการโจมตีเดียว

 

“เจ้าหนู! ฐานฝึกตนแค่นี้ยังคิดสังหารข้าอีกหรือ? เวลาพูดไม่กระดากปากรึไง?”

 

รูปปั้นเทพมาร เยาะเย้ยถากถาง สีหน้าหม่นหมองลง กล่าวเสียงขรึมว่า “ตอนนี้จงคุกเข่าและปฏิญาณเป็นทาสของข้าซะ! แล้วข้าจะยอมให้เจ้าใช้ชีวิตสุนัขต่อไป!”

 

ซูเฉินพ่นลมหายใจเย็นชา คิดในใจ ‘ไอ้คนหลงตัวเอง’

 

วินาทีต่อมา เขาเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์]

 

หลังจากร่างขยายถึงสิบจั้ง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงก็เล็ดลอดออกมา

 

“ระดับเทวะขั้น 8!” รูปปั้นเทพมาร ตกใจมาก แต่ไม่นานก็กลับมาสงบดังเดิม กล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า“ต่อให้เจ้าเลื่อนขั้นเป็นเทวะขั้น 8 ได้แล้วอย่างไร? ในสายตาข้า เจ้าก็ยังคงเป็นแค่มดอยู่ดี!”

 

ซูเฉินไม่เปลืองน้ำลาย ขยับเท้าก้าวเดียว เปลี่ยนทั้งคนทั้งร่างเป็นเส้นแสงดารา พุ่งตรงเข้าสังหารรูปปั้นเทพมาร