7/10

 

Ep.1091

 

เห็นภาพนี้ ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติแข็งทื่อไปทั้งตัว

 

เขาไม่เคยพบเคยเจอผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ที่น่าสะพรึงเช่นนี้มาก่อนเลย

 

ปกติแล้วศัตรูที่ระดับต่ำกว่า หุ่นเชิดเสมือนเทวะจะสามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย แต่ครั้งนี้ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉิน สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘น่าสะพรึง’ เท่านั้น

 

“ตอนนี้ยังอยากจับฉันอีกไหม?”

 

ซูเฉินหรี่ตาลง มองภูติเงาสัตว์ร้ายมิติด้วยความเย็นชา มุมปากเขาผุดรอยยิ้มหยอกเย้า

 

อึก!

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติกลืนน้ำลาย เผยยิ้มเจื่อน “ข้าขอยอมแพ้!”

 

ข้อได้เปรียบของเขาคือหุ่นเชิดเสมือนเทวะทั้งสี่ตัว เมื่อสูญเสียมันไป ด้วยฐานฝึกตนของเขาที่ต่ำกว่าขั้น 10 ในสายตาซูเฉินเป็นไม่ได้แม้แต่มดปลวก แล้วเขาจะฝืนสู้กับซูเฉินต่อเพื่ออะไร?

 

“บอกที่มาที่ไปของแกให้ฟังซิ” ซูเฉินกล่าว

 

เขาตั้งข้อสันนิษฐาน ว่าร่างต้นของภูติเงาสัตว์ร้ายมิติ อาจจะเคยมีส่วนร่วมในมหาศึกมิติ

 

“ผู้คนมักเรียกข้าว่ามหาจักรพรรดิหวันกง เดิมเป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้า แต่โชคร้ายที่จบชีวิตลงในมหาศึกมิติครั้งก่อน หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเท่านั้น” ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติ ถอนหายใจ

 

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ” ซูเฉินลอบพึมพำกับตัวเอง จากนั้นกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านมีส่วนร่วมในมหาศึกมิติ เช่นนั้นโปรดมอบแร่ทั้งหมดมา แล้วผมจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ”

 

มหาศึกมิติเมื่อหมื่นปีก่อน เป็นการร่วมมือกันต้านทานอสูรร้ายจากต่างแดน ทุกคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนั้น ควรค่าแก่การได้รับความเคารพนับถือ

 

แม้อีกฝ่ายจะเป็นสัตว์ร้ายมิติ ซูเฉินก็ไม่คิดถึงขั้นลงมือทำร้าย

 

“มนุษย์ ทรัพยากรฝึกตนของข้าเป็นสมบัติที่เตรียมไว้มอบให้แก่พวกเราสัตว์ร้ายมิติ แต่เจ้าเป็นลูกหลานของหมื่นเผ่าพันธุ์ เจ้าควรไปหาผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน จึงจะถูก” มหาจักรพรรดิหวันกงอธิบาย

 

ใบหน้าของซูเฉินหมองลง แค่นเสียงเย็น “พวกสัตว์ร้ายมิติของท่านร่วมมือกับนักพรตเทียนซ่าน เปิดอุโมงค์มิติที่เชื่อมไปยังถิ่นของอสูรร้าย ท่านยังต้องการทิ้งทรัพยากรฝึกตนไว้ให้พวกเขาอีกหรือ?”

 

“ว่าไงนะ!?” มหาจักรพรรดิหวันกงตกใจมาก บังเกิดความโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

มหาศึกมิติเมื่อหมื่นปีที่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกอสูรร้ายบุกเข้ามา พวกเขาซึ่งเป็นขุมกำลังในขอบเขตเทพเจ้าถึงขั้นยอมสู้จนตัวตาย แต่บัดนี้ลูกหลานในเผ่ากลับยอมเปิดทางผ่านด้วยตัวเอง และปล่อยอสูรร้ายเข้ามา?

 

เมื่ออสูรร้ายถูกปลดปล่อย นั่นเท่ากับหายนะของทุกชีวิต!

 

ลูกหลานของเขาจะโง่งมถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน!?

 

มหาจักรพรรดิหวันกงไม่เชื่อคำพูดของซูเฉิน กล่าวเสียงเย็น “มนุษย์ เจ้าคิดโกหกข้าเพื่อช่วงชิงทรัพยากรฝึกตนใช่หรือไม่ ”

 

“ผมจำเป็นต้องโกหกท่านด้วยหรือ?” ใบหน้าของซูเฉินหม่นหมอง ไม่คิดอธิบายอะไรต่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ผมให้โอกาสท่านครั้งสุดท้าย ส่งของมาให้ไว ไม่อย่างนั้นก็เตรียมถูกถล่มป้อมปราการได้เลย!”

 

มหาจักรพรรดิหวันกงสะดุ้งโหยง

 

เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินด้วยตาตัวเองมาแล้ว

 

หากอีกฝ่ายอาละวาดขึ้นมา เกรงว่าคงสามารถทำลายป้อมปราการหวันกงได้จริงๆ

 

“เฮ้อ!” มหาจักรพรรดิหวันกงอับจนปัญญา หยิบถุงเก็บสมบัติ แล้วโยนให้ซูเฉิน

 

ซูเฉินเอื้อมคว้าแล้วตรวจสอบดู มุมปากของเขายกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

 

ในถุงเก็บสมบัติ ไม่เพียงมีแร่ชั้นดีเก็บไว้เป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังมีผลไม้วิญญาณ และสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกหลายสิบชิ้น เขาพอใจมาก

 

หลังจากได้รับของแล้ว ซูเฉินไม่คิดอยู่ต่อ บินออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

 

ย้อนกลับมายัง [รถศึกอัจฉริยะ] เอ่ยสั่งการว่า “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปเป้าหมายเดิม”

 

วัตถุประสงค์หลักของการมาที่นี่คือเพื่อค้นหาตราหยกกำเนิดเซียนชิ้นที่สอง หากล่าช้าอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ เขาไม่อยากเสียเวลาอีก

 

“รับทราบ ” [รถศึกอัจฉริยะ] รับคำสั่ง บินตรงไปในทิศทางเดียว

 

หนึ่งวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงหุบเขาและหยุดลง

 

สมุนไพรกำเนิดเซียนรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าตราหยกกำเนิดเซียนชิ้นที่สองอยู่ในหุบเขานี้

 

เพียงแต่ว่าหุบเขาเบื้องหน้า แม้ดูธรรมดาสามัญ แต่ด้านนอกกลับปกคลุมไปด้วยม่านพลัง หากต้องการเข้าไปข้างใน สิ่งแรกที่ต้องคือทำลายมันเสีย

 

8/10

 

Ep.1092

 

ขณะที่ซูเฉินกำลังจะลงมือ ม่านพลังพลันแยกออกโดยอัตโนมัติ

 

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากข้างใน

 

“หากเจ้าต้องการตราหยกกำเนิดเซียน ก็จงเข้ามา”

 

ซูเฉินไม่เสียเวลาคิดมากความ เก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] บินเข้าไปในหุบเขา

 

พื้นที่ในหุบเขาไม่ใหญ่มาก บริเวณโดยรอบว่างเปล่า ทั้งยังดูแห้งแล้ง โดยใจกลางหุบเขา มีภูติเงาสูงสามเมตรยืนตระหง่านอยู่

 

พิจารณาจากกลิ่นอาย คาดว่าเป็นการดำรงอยู่ในระดับเสมือนเทวะ อีกทั้งซูเฉินยังสังเกตเห็นได้เช่นกัน ว่ากลางอากาศเบื้องหลังภูติเงา มีตราหยกกำเนิดเซียนลอยอยู่

 

“เฮ้อ! นี่เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์นี่นา! ผู้ที่ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเลือกครั้งนี้ด้อยกว่าที่แล้วๆมาจริงๆ ”

 

ภูติเงากวาดสำรวจมองซูเฉิน แล้วส่ายศีรษะถอนหายใจ

 

ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของซูเฉิน จะทำให้เขาผิดหวังมาก คล้ายไม่เห็นซูเฉินในสายตา

 

“ท่านเรียกขานว่าอะไร?”

 

ซูเฉินยกนิ้วขึ้นถูจมูก ก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ พร้อมเอ่ยปากถาม

 

“ข้าคือผู้พิทักษ์เทียนยี่” ภูติเงาตอบกลับจากนั้นเอ่ยเสริมว่า “หากเจ้าต้องการตราหยกกำเนิดเซียน อันดับแรกต้องผ่านบททดสอบของข้าเสียก่อน”

 

“บททดสอบอะไร?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น

 

เขาเดาไว้นานแล้ว ว่าหากต้องการหยกกำเนิดเซียน ไม่น่าใช่เรื่องง่าย มิฉะนั้นผู้ชนะงานประลองหมื่นเผ่าพันธุ์คนก่อนๆคงได้รับตราหยกกำเนิดเซียนกันตั้งนานแล้ว

 

“ง่ายมาก ตราบใดที่เจ้าสามารถรับมือข้าได้สามกระบวนท่าแล้วยังไม่ตาย เจ้าก็เอาตราหยกกำเนิดเซียนไปได้เลย” ผู้พิทักษ์เทียนยี่กล่าวอย่างสบายๆ

 

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ซูเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง

 

สําหรับเขา อย่าว่าแต่รับสามกระบวนท่าเลย ต่อให้ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน อีกฝ่ายก็ยากจะทำร้ายเขา

 

ขณะที่บรรดาเหล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ที่เข้ามาในอดีต แม้ทั้งหมดต่างเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 แต่กำลังรบไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขา

 

ขณะที่ผู้พิทักษ์เทียนยี่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเสมือนเทวะ

 

ต้องทานรับสามกระบวนท่าจากเสมือนเทวะ สำหรับขั้น 10 แล้วมันยากเย็นเพียงใด คงพอจินตนาการได้กระมัง?

 

เอาจริงๆน่ากลัวว่าแค่กระบวนท่าแรกคงทนไม่ไหว และถูกฆ่าตายเลยด้วยซ้ำ

 

ผู้พิทักษ์เทียนยี่พ่นลมหายใจเย็นชา “บรรดาผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ที่เคยมาที่นี่ เกือบทั้งหมดถูกข้าสังหารในกระบวนท่าเดียว เจ้ายังคิดว่าง่ายอีกหรือ?”

 

คำพูดและท่าทีดูแคลนของซูเฉิน ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจนัก

 

แค่มนุษย์ขั้น 10 กล้าดียังไงมาดูหมิ่นระดับเสมือนเทวะเช่นเขา ช่างไม่รู้จักที่ตาย!

 

“หยุดพูดไร้สาระเถอะ รีบๆลงมือได้แล้ว”

 

ซูเฉินไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เห็นอีกฝ่ายมัวแต่ชักช้าจึงเร่งเร้า เติมสีสันสักนิดสักหน่อย

 

“ช่างอวดดี!”

 

สีหน้าของ ผู้พิทักษ์เทียนยี่ แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง กำหมัดแน่นชกใส่ซูเฉิน

 

หมัดยังไม่ถึงตัว ก็บังเกิดลมกรรโชกปะทะซูเฉินก่อนแล้ว

 

ซูเฉินยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไหว มุมปากผุดรอยยิ้มจาง

 

“แส่หาที่ตาย!”

 

เห็นท่าทีของซูเฉิน ผู้พิทักษ์เทียนยี่ยิ่งโกรธ อดไม่ได้ที่จะเพิ่มแรงขึ้นอีกสามส่วน

 

กระนั้น เมื่อหมัดกำลังจะสัมผัสโดนซูเฉิน พลังมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้ามาปะทะเขา

 

ในคราเดียว เจ้าตัวคล้ายติดอยู่ในหล่มโคลน ทุกการเคลื่อนไหวเชื่องช้าซบเซา

 

“นี่มันพลังจิต!”

 

ผู้พิทักษ์เทียนยี่ตกใจจนอธิบายไม่ถูก เขาเคยเห็นปรมาจารย์พลังจิตมาก็มาก แต่ที่ทรงพลังเท่าซูเฉินเป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย

 

ห้ามลืมนะว่า เขาอยู่ในระดับเสมือนเทวะ ขณะที่ซูเฉินเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้น 10 เท่านั้น

 

แม้อยู่ในสถานะต่ำกว่า แต่กลับสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาได้ นี่แสดงให้เห็นว่า พลังแห่งจิตวิญญาณของซูเฉินเหนือกว่าในลำดับชั้นเดียวกันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าระดับเสมือนเทวะ!

 

“ผมไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์พลังจิตเท่านั้นหรอกนะ”

 

ซูเฉินยิ้มบาง กำหมัดแน่น ย่อตัวงอเข่า ระเบิดพละกำลังช่วงขา พุ่งเข้าใส่ผู้พิทักษ์เทียนยี่